ลดความก้าวร้าวหยาบคาย

28 ต.ค. 2563 | 08:25 น.

ลดความก้าวร้าวหยาบคาย : บทบรรณาธิการ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3623 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 29-31 ต.ค.2563

 

สถานการณ์ความขัดแย้งทางแนวคิด อุดมการณ์ ระหว่างวัยของประเทศที่ดำรงอยู่ในขณะนี้ ยังคงระอุแม้จะมีการเปิดสภาสมัยวิสามัญให้รัฐบาลใช้เวทีถกเถียงแลกเปลี่ยน ซึ่งดำเนินการมาเป็นค่อนวันที่ 2 แต่ยังไม่สามารถหาทางออกที่เป็นรูปธรรมร่วมกันได้ และดูเหมือนข้อเสนอหลักให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก เพื่อปลดล็อกตามที่ผู้ชุมนุมและส.ส.ฝ่ายค้านบางส่วนเสนอนั้น นายกรัฐมนตรีไม่เลือกหนทางนี้เช่นเดียวกัน
 

อย่างไรก็ดี พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงท่าทีผ่อนคลาย ด้วยการเปิดไทม์ไลน์ในการแก้รัฐธรรมนูญให้เห็น โดยจะเข้าพิจารณาวาระ 1-2-3 เสร็จภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ หลังจากนั้นเข้าสู่กระบวนการทำประชามติ โดยเร็วๆ นี้จะมีการเสนอกฎหมายประชามติเข้าสู่สภาฯ ซึ่งในการแก้รัฐธรรมนูญนั้นสามารถสรรหา เลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามญัติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีการเสนอกันไว้แล้ว
 

ข้างฝ่ายผู้ชุมนุมยังคงเรียกชุมนุม กดดันให้รัฐทำตามข้อเรียกร้องกระจายไปตามจุดต่างๆ ทุกๆ ช่วงเวลาเย็น โดยเดินทางไปยื่นหนังสือที่สถานทูตเยอรมนีเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2563 และชุมนุมหน้าห้างเดอะมอลล์บางกะปิ เย็นวันที่ 27 ต.ค.2563 มีการพูดจาปราศรัยปลุกเร้าให้ผู้ชุมนุมร่วมแรงร่วมใจกดดันให้นายกฯลาออกเป็นเบื้องต้นและยืนธงข้อเสนอ 3 ข้อเหมือนเดิม  

 

ขณะที่ผู้ชุมนุมอีกกลุ่มหนึ่งพร้อมใจกันใส่เสื้อเหลือง เดินทางไปชุมนุมและยื่นหนังสือสถานทูตอเมริกา เมื่อบ่ายวันที่ 27 ตุลาคม 2563 ขอไม่ให้สหรัฐแทรกแซงกิจกายภายในของไทย ด้านกลุ่มผู้ชุมนุมจงรักภักดีเดินขบวนเคลื่อนไหวในจังหวัดต่างๆ อยู่ทั่วประเทศเช่นกัน ซึ่งสถานการณ์ที่ดำรงอยู่ในขณะนี้ยังคงไม่เห็นทางออก โดยต่างฝ่ายต่างยืนในจุดและมุมของตัวเอง 
 

อย่างไรก็ดี การเสนอทางออกของประธานรัฐสภา ในการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อหาทางออกประเทศที่มีความริเริ่มขึ้น อาจเป็นทางออกหนึ่ง ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ ระยะเวลา และการผ่อนคลายท่าทีของแต่ละฝ่ายที่จะตามมาในการยอมรับกลไกนี้ แต่ทั้งหมดแล้วเบื้องต้นที่ทั้ง 2 ฝ่ายน่าจะทำได้ทันที คือการลดคำพูด คำกล่าวที่หยาบคาย ก้าวร้าว ซึ่งจัดเป็นความรุนแรงประการหนึ่งออกไปก่อน แล้วจึงเข้าสู่การเจรจา การหาทางออกร่วมกัน  
 

เราเห็นว่าการไม่กล่าววาจาให้ร้ายซึ่งกันและกัน น่าจะเป็นปฐมบทในการเริ่มต้นเดินไปสู่แนวทางรอมชอม สมานฉันท์ แต่ถ้าหากทั้ง 2 ฝ่ายยังคงสาดใส่กันด้วยวาจาที่หยาบคาย โอกาสที่จะตั้งโต๊ะพูดคุยก็ตีบตันและไม่มีพัฒนาการที่ก้าวหน้า ซึ่งยังคงทำให้ประเทศตกอยู่ในหลุมดำต่อไป อย่างที่ในอนาคตมองหวนย้อนกลับมากลายเป็นตราบาปที่ไม่มีวันจาง