*** นาทีนี้สารพัดปัจจัยที่ทำให้ดัชนีหุ้นไทยยังไม่ไปไหน ถ้าเป็นเรื่องในประเทศ ก็แน่นอนว่าต้องเป็นประเด็นการชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองที่มีอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน เล่นเกมแมวจับหนูเปลี่ยนสถานที่ชุมนุนมไปเรื่อยๆ เพียงเพราะคิดว่าทางการตามไม่ทัน แต่การจัดชุมนุมบ่อยๆ ก็เป็นการลดทอนกำลังของกลุ่มผู้ชุมนุมไปในตัว อาจจะมาจากความล้าสะสมของผู้ร่วมชุมนุมเอง อาจจะมาจากการขาดสิ่งเร้าใหม่ๆ หรือ อาจจะมาจากการนัดชุมนุมยืดเยื้อที่มองไม่เห็นจุดสุดท้ายปลายทางก็เป็นไปได้ ดังนั้น เกมแมวจับหนูนี้ก็จะยังคงดำเนินไปจนท้ายที่สุดก็คงต้องกลับมาดูว่าใครจะอึดกว่า...หรือฝ่ายใดจะทนเล่นเกมยืดเยื้อนี้ได้นานกว่ากัน
*** ส่วนเรื่องของปัจจัยภายนอกก็มีมาตั้งแต่เรื่องของการระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ที่ตอนนี้กลับมาระบาดรอบที่ 2 ในทวีปยุโรป ทั้งที่ อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน และอีกหลายประเทศ ในขณะที่ทางสหรัฐอเมริกาเองจำนวนผู้ติดเชื้อก็พุ่งขึ้นไปถึง 85,000 คนต่อวัน ซึ่งกลายเป็นสถิติผู้ติดเชื้อมากที่สุดอีกครั้ง จนทำให้ในสหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 สะสมมากกว่า 8.6 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 230,000 ราย และมีความเป็นไปได้ว่าในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า (2564) อาจมีผู้เสียชีวิตรวมมากกว่า 500,000 ราย
*** ขณะเดียวกันเรื่องของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ก็มีแนวโน้นว่าจะยังตกต่ำต่อไป หลังจากที่กองกำลังติดอาวุธของทั้งลิเบียตะวันตกและลิเบียตะวันออกสามารถลงนามในสัญญาหยุดยิงถาวรร่วมกันได้ ซึ่งจะทำให้ประเทศลิเบียที่มีกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 1.2 ล้านบาเรล/วัน สามารถกลับมาผลิตน้ำมันดิบป้อนเข้าสู่ตลาดโลกได้อีกครั้ง นั่นหมายถึงว่าความพยายามในการควบคุมปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคและพันธมิตร (โอเปคพลัส) จะหมดความหมายลงไป ซึ่งก็จะทำให้ปริมาณน้ำมันดิบกลับมาเกินความต้องการของตลาดโลกอีกครั้ง และราคาน้ำมันดิบจะกลับไปตกต่ำอีกครั้ง
*** กลายเป็นหุ้นใหญ่อีกตัวที่ราคาหุ้นยังไปไม่ไกล แต่ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะยังไม่ไปไหน...ก็ไม่ได้หมายความว่า SCGP จะเป็นพวกหุ้นใหญ่ที่ตีหัวเข้าบ้านแบบ AWC หรือว่า CRC เคยทำไว้นะคะ เอาเป็นว่าถ้าเปรียบเทียบกันด้วยเรื่องของพื้นฐาน ตอนนี้ SCGP ก็ดูมีของให้ได้ลุ้นกันมากกว่า และถ้านับกันเฉพาะช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ (2563) หุ้นน้องใหม่อย่าง SCGP มีโอกาสที่จะไปถึง 40-45 บาทได้ง่ายๆ อาศัยแค่ผลการดำเนินงาน 3/63 ที่กำลังจะออกมาสวยๆ ก็ดูดีกว่าหุ้นใหญ่อีกหลายตัวแล้วค่ะ เจ๊เมาธ์ว่าถ้าจะหาหุ้นต้นน้ำราคาดีๆ ตัวนี้ได้เลยนะคะ แนะนำให้เก็บ....ก่อนที่จะเก็บไม่ได้ค่ะ
*** มาถึงที่ราคาน้ำมันดิบตกต่ำ ไม่ว่าจะดันยังไง ...ราคาหุ้นในแก๊งตัว ป. ก็ยังไปต่อไม่ได้ค่ะ พี่ใหญ่อย่าง PTT ก็แย่เพราะสารพัดบริษัทลูกไม่มีปัญญาที่จะส่งรายได้เข้ามาให้ เริ่มจาก PTTGC ที่ตอนนี้กำลังร่อแร่เพราะราคาสินค้าในกลุ่มปิโตรเคมีตกต่ำจนไม่เหลือกำไร ส่วนทางโรงกลั่นน้ำมันอย่าง TOP IRPC ถึงแม้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องสต๊อกน้ำมันดิบ แต่ก็มีปัญหาเรื่องค่าการกลั่นและน้ำมันเชื้อเพลิงที่ขายไม่ค่อยได้ และในบรรดาหุ้นกลุ่มตัว ป. ที่พอจะไปได้ก็คือ PTTEP รายเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่า PTTEP อาจจะยังพอไปได้ แต่ราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำก็กดกำไรจนของพี่แกแทบจะไม่เหลือแล้วค่ะ นาทีหุ้นในกลุ่มแก๊งตัว ป. คงจะรอดู PTTOR ที่จะเข้าตลาดในช่วงปลายปีตัวเดียวเท่านั้นนะคะ จะเข้าตอนไหนก็ไม่รู้...รู้แต่ว่าพอมีลุ้นเท่านั้นค่ะ
*** มาที่หุ้นตัวแรงอย่าง BANPU กันบ้างนะคะ รายนี้เจ๊เมาธ์ยังมองไม่เห็นสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นดีขึ้นที่เกิดจากเรื่องของพื้นฐานอะไรสักอย่าง ถ้าจะมีก็แค่ในเรื่องที่ขาดทุนน้อยกว่าเดิม เพราะอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีขึ้นบ้างก็เท่านั้นเองค่ะ สรุปว่าในเรื่องพื้นฐานก็ยังคงไม่มีอะไร แต่ถ้าหากจะมองไปที่เรื่องราคาหุ้นทางเทคนิคก็เป็นเรื่องของการฟื้นตัวหลังจากที่ RSI หลุดลงที่ Oversold ก็เท่านั่นค่ะ แต่ถ้าหากจะว่ากันในระยะยาว...ตอนนี้เจ๊เมาธ์คิดว่าโอกาสที่จะเข้าแล้วได้เงินมีโอกาสน้อยมากนะคะ ดูแล้วราคาหุ้นมีโอกาสที่จะพักตัวในราคา 6 บาทไปอีกนานค่ะ เจ๊เมาธ์เตือนแลัวน๊าาา
*** ส่วนทาง SUN หุ้นข้าวโพดหวานที่ราคาขยับแรงขึ้นมาตั้งแต่ราคาบาทกว่าๆ เมื่อตอนต้นปี ดูเหมือนว่ารอบนี้จะมีโอกาสไปที่ราคา 5-6 บาทเชียวค่ะ ส่วนสาเหตุก็มาจากครึ่งแรกของปี 63 ที่สามารถกลับมาทำกำไร จากที่เทียบกับช่วงเดียวกันที่ขาดทุนไป -50 ล้านบาท และดูเหมือนว่าจะมีกำไรต่อเนื่องอีกในไตรมาสที่ 3, 4/63 ต่อไปจนถึงปี 2564 ทั้งปี แต่ถ้าหากมองกลับมาที่ราคาหุ้นทางเทคนิคกลับจะเห็นได้ว่าหุ้นตัวนี้มีการเล่นราคาเป็นรอบ โดยใช้เวลา 3 เดือนต่อรอบ และตอนนี้ก็ถึงรอบการปรับฐานราคา ซึ่งจะใช้เวลาไปอีกประมาณเดือนกว่าๆ ถ้าใครจะตามก็ควรที่จะต้องดูรอบให้ดีนะคะ เจ๊เมาธ์บอกเลยว่าถ้าเข้ามั่วๆ มีโอกาสเจ็บตัวค่ะ