SCGP ของดี... แต่มีโอกาสติดดอย

26 ต.ค. 2563 | 00:00 น.

SCGP ของดี... แต่มีโอกาสติดดอย : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3621 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 25-28 ต.ค.2563 By…เจ๊เมาธ์

>> การเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกา เจ๊เมาธ์ ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ค่อนข้างจะสูสีกันมาก สาเหตุก็เป็นเพราะว่า นายโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครต ดูเหมือนว่าจะมีคะแนนความนิยมที่มาจากโพลล์ชี้ว่านำหน้าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อยู่พอสมควร ในขณะที่หลายโครงการเพื่อการรณรงค์หาเสียงของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลักดันให้มีวัคซีนป้องกันเชื้อ Covid-19 ออกมาใช้งานก่อนการเลือกตั้งก็ทำยังไม่สำเร็จ หรือการผลักดันงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สองให้ออกมาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน นี่ยังไม่นับรวมเรื่องการสร้างกระแสปิดล้อมจีนในทางเศรษฐกิจที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำมาตั้งแต่เริ่มเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีก็ยังไม่เห็นผลได้อย่างชัดแจ้งอีกนะคะ ดูแบบนี้แล้วนายโจ ไบเดน ก็น่าจะดูดีกว่า...แล้วทำไมเจ๊เมาธ์ถึงบอกว่าสูสีหละค่ะ ???

 

สาเหตุที่เจ๊เมาธ์บอกว่าสูสีนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 เหตุผลค่ะ เรื่องแรกก็เป็นเพราะว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ คือประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐ ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาจะมีประธานาธิบดีน้อยคนที่ได้อยู่ในตำแหน่งแค่สมัยเดียว โดยปกติคนอเมริกันมักจะสนับสนุนให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งต่อกัน 2 สมัย เรื่องที่สองนั่นคือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีลักษณะความเป็นอเมริกันอย่างแท้จริง ทุกการแสดงออกของนายทรัมป์ คือความเป็นอเมริกัน โดนใจและได้ใจ...และถูกจริตคนอเมริกันส่วนใหญ่ และการกระทำทุกอย่างของนายทรัมป์ คือสิ่งที่ประชาชนชาวอเมริกันอยากจะทำ ดังนั้น เจ๊เมาธ์ จึงเห็นว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสที่จะได้เป็นประธานาธิบดีในสมัยที่ 2 มากกว่านายโจ ไบเดน

 

แต่ถ้า นายทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีในสมัยที่ 2 เศรษฐกิจโลกจะวุ่นวายแค่ไหน แผนที่ยุทธศาสตร์โลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร ก็เป็นสิ่งที่แต่ละประเทศจะต้องปรับตัวกันเองนะคะ ยังไงซะ...วันที่ 3 พ.ย.ที่จะถึงนี้ ก็คงจะได้ลุ้นไปด้วยกันว่าใครจะเป็นผู้ชนะ...น่าสนใจจริงๆ ค่ะ

>> เมื่อหุ้นกลุ่มธนาคารใหญ่แจ้งผลการดำเนินงาน 3/63 ออกมา โดยไตรมาสที่ 3/63 ทางด้าน KBANK มีกำไร 6.67 พันล้านบาท ปรับลง -33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 207% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (2/63) ในขณที่ BBL มีกำไร 4 พันล้านบาท ปรับลง -57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา SCB กำไรปรับลง -69% เหลือ 4.64 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ลดลง -45% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (2/63) ในส่วนของ KTB กำไร 3.05 พันล้านบาท ปรับลง -51.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น -21% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา

 

การแจ้งผลการดำเนินงาน 3/63 ออกมาก็ทำให้สถานการณ์ของหุ้นกลุ่มนี้มีความชัดเจนมากขึ้นว่าราคาหุ้นแต่ละตัวจะเดินไปในทิศทางใด แต่อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้พอจะประมาณได้ว่า จุดตํ่าสุดของหุ้นธนาคารผ่านไปตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/63 ไปแล้วนะคะ เจ๊เมาธ์ เอาข้อมูลมาเล่าให้ฟังแล้วนะคะ ส่วนใครจะชอบ...จะเข้า หรือจะออกก็แล้วแต่เลยค่า

 

>> โคตรหุ้นตัวใหม่อย่าง บมจ. เอสซีจี แพคเกจจิ้ง หรือ SCGP เข้าตลาดด้วยราคาเปิดตัว 37.00 บาท จากราคาไอพีโอ 35 บาทต่อหุ้น และเบียดเข้าไปอยู่ในดัชนีหุ้น SET50 เขี่ยให้ TCAP หลุดออกมาแทน โดยนับจากนี้เป็นต้นไปอีก 1 เดือน SCGP จะมีเครื่องหมาย ST ติดตัวไปตลอดเนื่องจากบริษัทมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment) หรือ กรีนชู จำนวน 169.13 ล้านหุ้น ซึ่งหุ้นส่วนเกินดังกล่าวจะมีจำนวนไม่เกิน 15% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้ แน่นอนว่าจากประสบการณ์ที่มีหุ้นใหญ่รุ่นพี่หลายตัวที่เข้าตลาดก่อนหน้าไม่ว่าจะเป็น AWC CRC ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่กลายเป็นหุ้นตํ่าจอง จะมีก็แค่ BAM เพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ราคาหน้ากระดานตอนนี้สูงกว่าราคา IPO

 

แต่อย่างไรก็ตาม BAM ก็มีช่วงเวลาที่ตํ่าจองเช่นกัน โดยในการเปิดทำการซื้อขายวันแรก BAM ปิดตลาดตํ่ากว่าราคาจองซื้อ โดยปิดราคาที่ 17.30 บาท จากราคาไอพีโอ 17.50 บาท ดังนั้นหุ้นที่มี “กรีนชู” ตัวล่าสุดอย่าง SCGP จึงเป็นหุ้นที่ถูกจับตามองว่าจะสามารถก้าวข้ามหุ้นรุ่นพี่ๆ ตัวก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ แต่ว่าของดีมันก็ต้องดูกันยาวๆ นะคะ สำหรับเจ๊เมาธ์...

 

เจ๊ว่าหุ้นตัวนี้ดูดีค่ะ เพียงแต่ว่าต้องหาจังหวะแล้วค่อยเข้าน่าจะดีกว่าค่ะ

 >> เพราะความร้อนแรงของราคา ทำให้ต้องพูดถึงหุ้นขายยางอย่าง NER อีกครั้ง เพราะนอกจากจะขยันทำนิวไฮ แล้วยังกลายเป็นหุ้นภูธรที่ได้ใจนักลงทุนหลายๆ คน อีกด้วยนะคะ แต่ของดีมันก็อาจจะไม่ได้ดีไปตลอดเวลา...นักวิเคราะห์มองว่า NER มีเป้าราคาที่ 5 บาท ถ้าเกินไปจากนี้โอกาสที่จะถูกขายทำกำไรมันก็มีสูงมากค่ะ ถึงแม้อีกหลายคนจะมองว่าด้วยพื้นฐานที่มีอยู่น่าจะทำให้ NER ไปได้ไกลกว่านี้ แต่สำหรับเจ๊...เจ๊ว่าฟังนักวิเคราะห์ไว้บ้างก็ดีนะคะ ถึงแม้ว่าราคาหุ้น NER จะมีโอกาสไปได้มากกว่านี้ แต่ราคาพี่แกแรงเกินพื้นฐานไปแล้วค่ะ แนะนำว่าให้เข้าตอนย่อน่าจะดีกว่านะคะ

 

>> เหมือนกันทางหุ้นอิเล็กทรอนิกส์หลายๆ ตัวที่ มีขึ้นก็ต้องมีลงดูอย่าง DELTA ที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 205 บาท ในที่สุดก็กลับลงมาอยู่แถวๆ 170-180 บาทจนได้ และทาง KCE ที่ไปทำจุสูงสุดในรอบปีเอาไวที่ 41.00 บาท ตอนนี้ก็เริ่มออกอาการถอยๆ บ้างแล้วค่ะ ส่วนทาง HANA ที่ทำราคาสูงสุดในรอบ 3 ปี ตอนนี้ก็เริ่มแล้วนะคะ สิ่งที่เจ๊เมาธ์จะบอกก็คือว่า ไม่มีหุ้นที่ขึ้นตลอดกาล ถ้าจะเข้าก็ต้องหาจังหวะ ดูทั้งข่าว...ดูทั้งเทคนิค ก็น่าจะดีกว่าดูข้อมูลอะไรแค่เพียงอย่างเดียวค่า