ปรากฏการณ์ชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มแนวร่วมที่เรียกตัวเองว่า คณะราษฎร 63 แนวร่วมเยาวชนปลดแอก แนวร่วมประชาชนปลดแอก แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พัฒนาการและสะสมกำลังขึ้นตามลำดับและส่งผลสะเทือนพัฒนาการทางการเมืองของไทย ส่งผลต่อทิศทางประเทศ ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้มีอำนาจ
ความขัดแย้งแตกแยกร้าวลึกลงในทุกอณู โดยเฉพาะหน่วยเล็กสุดอย่างครอบครัว การปะทะทางความคิดระหว่าง GEN เกิดขึ้นและระบาดไปทั่ว พ่อ-แม่ถกเถียงกับลูกอย่างเคร่งเครียด
อันที่จริงความขัดแย้งแตกแยกทางการเมือง การแย่งชิงอำนาจ การเข้าสู่อำนาจ การปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มต่างๆ ในสังคมเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ เสื้อเหลือง เสื้อแดง กปปส. แต่ระยะหลังมานี้เป็นความขัดแย้งทางการเมืองตามเหตุปัจจัยในช่วงเวลา โดยไม่ต้องย้อนไปไกลถึงประวัติศาสตร์ 14 ตุลาคม2516 และ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งเป็นความขัดแย้งทางแนวคิดของสังคม ซึ่งละม้ายคล้ายเหมือนกับที่เกิดในขณะนี้
แล้วจะออกจากหลุมดำหรือหยุดยั้งพัฒนาการความขัดแย้งที่ไม่นำไปสู่ความรุนแรง หรือการใช้วิธีการโดยสันติหาทางออกให้ปมปัญหานี้อย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้ถืออำนาจสูงสุดทางการบริหารขณะนี้ ออกแถลงการณ์ล่าสุดเรียกร้อง “ถอยคนละก้าว เข้าสภา ใช้สติและปัญญา แก้ปัญหาร่วมกัน”
“ผมต้องดูแลทุกคนในประเทศไทย พยายามรักษาสมดุล ระหว่างมุมมองความคิด และความต้องการต่างๆ ที่แตกต่างกันในสังคม ต้องทำให้แน่ใจว่าบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ต้องปกป้องประเทศจากพลังมืดที่ไม่ว่าจะมาจากที่ไหนก็ตาม ต้องทำให้แน่ใจว่า ประเทศไทยเท่าเทียมกันอยู่ร่วมกันภายใต้กฏหมายเดียวกัน ตามแนวทางและการตัดสินใจจากรัฐสภา ในฐานะเป็นตัวแทนของประชาชนไทย ไม่สามารถบริหารประเทศตามเสียงประท้วง แต่ได้ยินเสียงความต้องการของผู้ประท้วง”
ในเวลานี้ต้องถอยกันคนละก้าว เพื่อออกห่างจากทางที่จะนำไปสู่ปากเหว เส้นทางที่จะพาประเทศไทยของเราค่อยๆ ตกลงไปสู่หายนะ
องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้คนไทยเป็นคนไทย ก็คือสถาบันต่างๆ ในสังคมไทย ที่เป็นรากฐานของวัฒนธรรมและคุณค่าของความเป็นไทย มายาวนานหลายร้อยปี ถ้าหากเราทำลายมรดกที่มีค่าจากบรรพบุรษ เราก็จะสูญเสียสิ่งสำคัญที่ทำให้เราเป็นคนไทย และเป็นประเทศที่พิเศษประเทศหนึ่งของโลก
นายกฯ บอกว่า หดหู่ใจอย่างมากที่มีการทุบตีทำร้ายตำรวจด้วยคีมเหล็กขนาดใหญ่ และพฤติกรรมรุนแรงอีกหลายอย่างต่อเจ้าหน้าที่ เป็นการตั้งใจทำร้ายคนไทยด้วยกัน
เราจะไม่สามารถได้มาซึ่งสังคมแบบที่เราต้องการ ด้วยการใช้คีมเหล็กขนาดใหญ่ตีใส่กัน หรือด้วยการทำลายเศรษฐกิจการหาเลี้ยงปากท้องของคนไทยด้วยกัน หรือด้วยการโจมตีสถาบันอันเป็นที่รักและเคารพยิ่งของคนไทยและไม่สามารถได้มาซึ่งสังคมแบบที่เราต้องการ ด้วยการขอคืนพื้นที่ ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง
วิธีเดียวที่เราจะได้ทางออกของปัญหา คือการพูดคุยกัน ทำงานด้วยกัน ผ่านระบบ และกระบวนการของรัฐสภา และจะเริ่มก้าวแรก เพื่อที่จะลดอุณหภูมิความรุนแรง เตรียมที่จะยกเลิก พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงเร็วๆ นี้ และขอให้ผู้ประท้วง แสดงความคิดผ่านผู้แทนราษฎร
อย่างไรก็ดี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่อาจอนุมานได้ว่าเป็นเสียงและตัวแทนสำคัญของคู่ขัดแย้ง สวนกลับทันที โดยสรุปเห็นว่า ข้อเสนอของ นายกฯ ให้แก้ไขปัญหาในสภาฯ เป็นข้อเสนอเพื่อปัดความรับผิดชอบ และจะไม่เกิดขึ้นจริง เป็นการซื้อเวลา ปัดความรับผิดชอบ ไม่ได้เป็นการถอย แต่กำลังเปลี่ยนแนวทางในการจัดการกับคณะราษฎร 2563 แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีการจัดการกับประชาชน ปลุกให้ประชาชนเกลียดชังกันเอง ให้ความขัดแย้งร้าวลึกยิ่งขึ้น
รัฐไทยกำลังกำลังโหมกระพือไฟแห่งความเกลียดชังให้ลุกลามในสังคม ถ้าอยากพิสูจน์ความจริงใจเรื่องการถอยต้องออกจากตำแหน่งทันที
สถานการณ์ที่พัฒนามาถึงจุดนี้ ก่อนเส้นตาย 3 วัน ที่ผู้ชุมนุมยื่นล่าสุดให้นายกฯ ลาออก ต่อด้วยการเปิดสภาสมัยวิสามัญวันสองวันนี้ ดูเหมือนว่าการถอยคนละก้าว จะยังไม่เกิดขึ้น!!
สถานการณ์ยังคงสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความรุนแรง และสร้างบาดแผลลึกให้กับสังคมไทยที่ยากสมาน หากยังยืนถือธงตัวเองอย่างสุดโต่ง
นาทีนี้ แต่ละฝ่ายต่างมองเห็นจุดหมายปลายทางร่วมกัน ความรุนแรงไม่เคยแก้ปัญหาได้สำเร็จไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆ
เราต้องออกจากหลุมดำแห่งความขัดแย้งด้วยสันติวิธีเท่านั้น ในการนำพาให้ประเทศก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป !!