*** หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับ 3620 ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม 2563 หน้า 4 โดยกาแฟขม รายงานตัวขยับขีดๆ เขียนๆ ความเคลื่อนไหวข้อมูลข่าวสารรายงานคุณผู้อ่าน เท่าที่ความรู้ สติปัญญาพึงมี ให้รอบด้าน รอบคอบที่สุด
*** ท่ามกลางสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงตามรัฐบาลประกาศ เป็นที่ทราบกันดีทั่วกันในกรุงเทพมหานคร วังวนแห่งปัญหา ที่เป็นหลุมดำของสังคมไทยก้าวไปไม่พ้น ยืดเยื้อยาวนานมานับ 10 ปีแล้ว กลายเป็นความเห็นต่างระหว่างคน 2 รุ่น ซึ่งการสานเสวนาน่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด ต้องหันหน้ามาพูดคุยกันอย่างจริงจังจึงจะก้าวผ่านได้ โดยไม่สูญเสียเลือดเนื้อที่เป็นบทเรียนมาหลายวาระในอดีต ท้ายที่สุดต้องไม่เป็นไปตามความต้องการของตนเองทั้งหมด จึงจะปลดเปลื้องได้ แต่ถ้าหากต่างยืนกรานในจุดของตัวเอง ไม่มีถอยแน่นอนเราอาจเห็นสิ่งไม่พึงปราถนาขึ้นอีก ขออย่าเป็นเช่นนั้นเลย
*** วิกฤติแล้ววิกฤติเล่าเศรษฐกิจไทย เรียกว่าเป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติ จากเหตุโควิดเป็นประการแรกที่ทุบเอาน่วม ดังที่ว่าจะตกงานกัน 3-4 ล้านคนจากพิษภัยที่ไม่สามารถประกอบธุรกิจได้ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องบริการการท่องเที่ยว ลามไปสู่วงรอบอื่นภาคธนาคาร ภาคการเงิน หนี้ภาคครัวเรือนสูงลิบลิ่วเป็นประวัติการณ์ไปแล้ว มาเจอวิกฤติการเมืองซ้ำเข้าไปอีก ผลที่ได้เป็นอย่างไร ไม่อยากจะคิด ไม่กล้าคิด นักลงทุนต่างชาติเองก็ต้องกลับประเมินใหม่ในการหยั่งขาลงในไทยหรือจะไปเวียดนามดี สถานการณ์ดังที่ว่านี้ภาคธุรกิจก็ต้องปรับแผนกันวุ่น ชนิดที่เรียกว่าปรับแล้วปรับอีก จนปรับกันไม่ทันอยู่แล้ว
*** รัฐสภาที่เต็มไปด้วยผู้แทนปวงชนชาวไทย ต้องเป็นทางออกให้กับประชาชน ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา นักการเมืองอาวุโส มากบารมี เรียกประชุมตัวแทนรัฐบาล ตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล มุ่งปลดล็อกให้กับสังคมไทย เปิดทางประชุมสภาสมัยวิสามัญให้สมาชิกรัฐสภา แสดงความเห็น สร้างความเข้าใจที่ตรงกัน ลดปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ปัจจุบัน รับฟัง แลกเปลี่ยนถกเถียง ก็ต้องลองดูเวทีสภาฯ จะหาทางออกให้กับประเทศได้หรือไม่
**** ต้องยอมรับว่าการจัดการของผู้ชุมนุมกลุ่มหมวกกันน็อคหรือเสื้อกันฝน นี่ทันสมัยก้าวไกลด้วยเทคโนโลยี ด้วยเป็นคนรุ่นใหม่เรียนรู้พรึ่บพรับ ขยับตัวเร็ววูบวาบ เดี่ยวกระจาย ไปตรงนู้นตรงนี้ มาแล้วเลิก เลิกแล้วนัดใหม่ ใช้เวลานัดกันไม่นาน แต่พอไม่มีแกนนำชัดเจน จะดูแลกันลำบาก ไม่รู้ใครจะฟังใครกันอย่างไร ถ้าให้เลิกแล้วไม่เลิกมีอารมณ์ค้างไปกระทำการตามอารมณ์ในสิ่งที่ผิดกฎหมายใหญ่โต จลาจล ทำลายข้าวของอันนี้ก็จะส่งผลเสียหายตามมา ก็เกิดขึ้นแล้วประปรายอย่างกรณีวันก่อนที่แยกบางนา มีเสรีภาพการชุมนุมที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญก็จริง แต่เสรีภาพต้องอยู่บนความรับผิดชอบรับผิดชอบต่อตัวเอง รับผิดชอบต่อผู้อื่น ไม่ใช้สิทธิเกินส่วนของตัวเอง วิงวอนให้ตระหนักกันสักนิด ที่สำคัญการปราศรัยด้วยถ้อยคำที่หยาบคายก็ถือเป็นความรุนแรงประการหนึ่ง ขณะที่ภาครัฐเองก็ต้องตระหนักในการไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบเช่นเดียวกัน
*** ประกาศก้องชนิดไม่กลัวทัวร์ลง วันก่อน เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ทวีตข้อความจดหมายเปิดผนึกถึง องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย จากเหตุการณ์รัฐบาลใช้มาตรการที่ค่อนข้างรุนแรงในการเข้าสลายและปราบปรามผู้ชุมนุม สี่แยกปทุมวันสัปดาห์ก่อน มีประชาชนจำนวนมาก รวมถึงเด็กและเยาวชนด้วย ในฐานะหนึ่งในพันธมิตรยูนิเซฟที่มีโอกาสทำงานด้านสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชนร่วมกับยูนิเซฟเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี รู้สึกมีความกังวลใจในเหตุการณ์ พร้อมยืนยันมิได้แสดงความเห็นทางการเมืองและให้การสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่อย่างใด สิ่งที่สำคัญที่สุดในสถานการณ์ ณ ขณะนี้คือทุกฝ่ายต้องมองให้ตรงกันว่าเรื่องของสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชน และเรื่องของทัศนคติความเห็นต่างทางการเมือง เป็นสองเรื่องที่ต้องถูกแยกออกจากกันให้ชัดเจน เรียกร้องให้ยูนิเซฟ ประเทศไทย ออกแถลงการณ์เป็นทางการ เน้นย้ำกับรัฐบาลมิให้มีการใช้กำลังเข้าปราบปรามผู้ชุมนุมอีก และหวังว่าแถลงการร์ของยูนิเซฟจะเป็นหนึ่งเสียงที่รัฐบาลรับฟัง
*** จับตากันอย่ากระพริบเลยทีเดียว งานการประมูลก่อสร้างทางรถไฟไทย-จีนงานสัญญา 3-1 ช่วงแก่งคอย-กลางดงและปางอโศก-บันไดม้า ปรากฏเรื่องยุ่งๆ ขึ้นอีกแล้ว เมื่อผู้เสนอราคาต่ำสุด บริษัท นภาก่อสร้าง ที่ถูกเรียกไปเจรจาต่อรองราคากับคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา 2 ครั้ง และคณะกรรมการทำเรื่องไปขออนุมัติจ้างไปที่คณะกรรมการบอร์ดรถไฟ แต่ปรากฏว่าบอร์ดรถไฟกลับอนุมัติให้รายอื่นแทน โดยให้ความเห็นว่านภาฯ ขาดคุณสมบัติ นภาฯ ก็ยื่นอุทธรณ์คณะกรรมการรับอุทธรณ์ ยืนยันมีคุณสมบัติถูกต้อง แว่วว่ามีการวิ่งไปที่คณะกรรมการอุทธรณ์อีกรอบให้ตีตกนภาฯ ให้ได้ มันมีอะไรหล่นกันที่ไหนหรือ ระวังกันดีๆงานนี้หนีไม่พ้นป.ป.ช.ต้องทำงานหนักกันอีก มีเรื่องก่อสร้างมีเรื่องประมูล เมื่อไหร่มีแต่เรื่องพวกนี้ทั้งนั้น ประเทศไทยปฏิรูปที่ไหนดี