กฏหมายลิขสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า

19 ต.ค. 2563 | 00:00 น.

กฏหมายลิขสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า : คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

 

          ในเมียนมาที่ผ่านๆ มา การละเมิดลิขสิทธ์ถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก ไม่แปลกใจเลยว่าการค้าขายในเมียนมา เวลาสินค้ายังขายได้ไม่มาก หรือยังเปิดตลาดได้ไม่ดี มักจะไม่มีพ่อค้าคนไหนมองเลย แต่พอเราเอาเข้าไปขาย ขายดีขึ้นมา ก็จะมีพ่อค้าที่ขี้เกียจเริ่มสร้างสินค้าใหม่ ที่ชอบฉวยโอกาสของชาวบ้านเขา วิ่งเข้าไปหาผู้ประกอบการหรือโรงงานในประเทศที่เป็นผู้ผลิต โดยจะไปเสนอว่าจะขายได้มากกว่าตัวแทนจำหน่ายเดิมจำนวนเท่านั้นเท่านี้

          ถ้าผู้ผลิตมีคุณธรรมและจริยธรรม ก็จะไม่หวั่นไหว แต่ถ้าเจอผู้ผลิตที่มีโลภะในใจสูง อยากได้ใคร่มีเยอะ ก็จะเกิดการเปลี่ยนตัวผู้จัดจำหน่ายเลย ด้วยการหาเหตุผลมาอ้างหลากหลาย เช่นบางทีก็หาข้ออ้างเรื่องการเติบโตของตลาดบ้าง อ้างการกระจายสินค้าไม่ครอบคุมพื้นที่บ้าง อ้างเรื่องจำนวนการขายน้อยกว่าเป้าที่ตั้งไว้บ้าง แล้วนำเหตุผลเหล่านั้นมาต่อรองกับคนที่เริ่มต่อสู้กันมาในอดีตหรือผู้แทนจำหน่ายเดิม จะเรียกว่าไม่คำนึงถึงวันเวลาที่ยากลำบากของตัวแทนจำหน่าย ที่เขาต่อสู้มาตั้งแต่เริ่มต้นว่าต้องฝ่าขวางหนามมามากแค่ไหนเลย

          แต่สำหรับผมยังถือว่า โชคดีมากที่เจอผู้ผลิตแบบนั้นไม่มาก เรียกว่า “พอทนได้” เพราะที่ผมได้เจอะเจอ มักจะเป็นผู้ผลิตที่มีสัจจะและจริยธรรมที่ดีมาก เช่น “เครื่องดื่มกระทิงแดง” และ “ปลากระป๋องสามแม่ครัว” ที่ทำให้ผมสบายใจในการทำการตลาดได้โดยไม่ต้องเสียวสันหลัง เรียกว่ายิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเลยครับ เพราะสบายใจที่จะเดินลุยหน้าอย่างเดียวได้ครับ

          ส่วนผู้ที่ไปขอทำตลาดแล้วไม่สมหวัง ก็มักจะมีการปลอมแปลงสินค้า โดยการปลอมเครื่องหมายการค้าไปเลย บางรายที่หนักหน่อยก็จะปลอมทั้งตัวสินค้าหมดเลย ผมเจอมาจนรู้แกวหมด เคยแม้กระทั่งไปขึ้นศาลฟ้องร้องจับของปลอมมาแล้วทั้งที่เมียนมาและที่เวียดนามครับ น่าเบื่อมากๆ ที่เคยสู้กันถึงสามศาลก็คือตราสินค้าของ “นันยางตราช้างดาว” ของรองเท้าแตะฟองน้ำตราช้างดาวนั่นแหละครับ เรื่องนี้เล่าได้เป็นวันเลยครับ สินค้าอีกอย่างหนึ่งที่ผมทำตลาดแล้วถูกเลียนแบบ คือ น้ำมันใส่ผม “Zale” ที่เมียนมาดังมากๆ ของปลอมเต็มไปหมด เป็นสิบๆ แบบเลยครับ ที่น่าเจ็บใจคือไม่รู้จะจับให้หมดได้อย่างไร เพราะมันมากเหลือเกิน

          วันนี้โชคดีมากครับ เพราะเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา กรมทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศเมียนมา ได้ประกาศใช้กฏหมายทะเบียนการค้าฉบับใหม่ และให้ช่วงนี้เป็นช่วงทดลองเปิดระบบการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในรูปแบบออนไลน์  โดยเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนใว้ที่เมียนมาใว้แล้ว สามารถจดทะเบียนใหม่อีกครั้งเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองภายใต้กฏหมายการค้าฉบับใหม่ในประเทศเมียนมา หากผู้ประกอบการท่านใดไม่ได้ไปจดทะเบียนใหม่ จะไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฏหมาย เพราะฉนั้นท่านใดที่ไปจดทะเบียนและเข้าไปทำการค้าที่เมียนมา ท่านจะต้องไปรักษาสิทธิ์ของท่านนะครับ 
       

          หากดูตามหลักเจตนารมณ์ของกฏหมายที่ประกาศออกมานี้ โดยดูจากเอกสารที่ต้องใช้ในการขออนุญาตแล้ว(ถ้าท่านใดต้องการทราบรายละเอียดที่เขาประกาศ สามารถขอได้ที่สภาธุรกิจไทย-เมียนมา หรือที่สถานฑูตไทยประจำประเทศเมียนมา หรือที่สำนักงานพาณิชย์ไทยประจำประเทศเมียนมา) ก็พอจะอนุมานได้ว่า เขาประกาศออกมาเพื่อปกป้องผู้ประกอบการที่ต้องทำการค้าในประเทศเมียนมาโดยเฉพาะ เพราะที่ผ่านๆมา มีบางคนที่เจตนาไม่ดี ไปแอบจดทะเบียนดักหน้าเจ้าของเครื่องหมายการค้าไว้ก่อน พอเจ้าของตัวจริงเข้ามาประเทศเมียนมา แล้วไปเจอเข้า จะไปขอจดทะเบียนก็จะเกิดข้อพิพาทกันขึ้น ซึ่งมีให้เห็นบ่อยๆในเมียนมา แต่บางบริษัทใหญ่ๆ เข้าไปแล้วไม่อยากมีปัญหายุ่งยาก ก็จะขอเข้าไปเจรจาจ่ายค่าซื้อเครื่องหมายการค้าที่ไปจดทะเบียนดักหน้าเหล่านั้น ก็ต้องจ่ายกันไป บอกตรงๆว่าเสียความรู้สึกมากๆ แต่เขาก็ไม่อยากขึ้นศาลให้ยุ่งยากกันครับ อีกเหตุผลหนึ่งคือบางรายที่เป็นบริษัทใหญ่หลายบริษัทในต่างประเทศ นิยมไปจดทะเบียนแล้วไม่ได้เข้าไปทำตลาดในประเทศเมียนมา เรียกว่าไปตีทศกัณฐ์ไว้ก่อน ทำให้คนที่จะทำก็เสียโอกาสทางการค้าไปเลย เขาจึงได้บัญญัติกฏหมายฉบับนี้ขึ้นมาใช้ละครับ

          ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ผมขอยกตัวอย่างของเอกสารที่ต้องเตรียมในการใช้จดทะเบียนให้ดูสักสองสามข้อนะครับ เช่นหลักฐานการใช้เครื่องหมายการค้านั้นที่ประเทศเมียนมา และเอกสารการชำระภาษี (Tax Receipts) และหลักฐานการทำตลาดในประเทศเมียนมา ยังมีหลักฐานค่าใช้จ่ายอื่นๆในการจดทะเบียนเดิม เป็นต้น ดังนั้นผมคิดว่านี่เป็นมิติใหม่ของประเทศเมียนมาครับ นอกจากจะช่วยคุ้มครองคนที่ทำตามกฏหมายด้วยความสุจริตใจแล้ว ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการต่างประเทศที่ต้องการเข้าไปทำธุรกิจในเมียนมามากขึ้น อีกทั้งสร้างความเป็นสากลได้อย่างดีเยี่ยมครับ เราคงจะไม่ต้องไปวิ่งตามไล่ล่าพวกชอบฉวยโอกาส และเอาเปรียบชาวบ้านอีกแล้วครับ สาธุ