หลายช่องทางเสี่ยง “เมียนมา” บุกไทยหนีโควิด

04 ต.ค. 2563 | 03:06 น.

สถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดในเมียนมา เพิ่มความเสี่ยงของโรคที่จะแพร่เข้ามายังประเทศไทยผ่านด่านชายแดนรวมถึงอีกหลายช่องทางธรรมชาติ

 

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นวงกว้างในประเทศอินเดีย เพิ่มจำนวนของผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันมากที่สุดของโลก และได้แพร่ระบาดลามเข้าสู่ประเทศบังกลาเทศและโดยเฉพาะเมียนมาที่กำลังเข้าสู่โหมดการแพร่ระบาดหนักจนคุมไม่อยู่ และอาจสะเทือนถึงไทยในฐานะเพื่อนบ้าน ซึ่งมีช่องทางธรรมชาติหลายช่องทางที่คนเมียนมาสามารถลักลอบเข้ามาได้แบบผิดกฎหมายและอาจไม่ได้รับการตรวจตราว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาด้วยหรือไม่ ตรงนี้น่าห่วงถ้าไทยคุมไม่อยู่โควิด-19 ระบาดแน่รอบ2!

 

ล่าสุดเมื่อพิจารณาจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เมียนมาเมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 795 คน รวมทั้งหมด 12,425 คน รักษาหาย เพิ่ม 318 คน รวมทั้งหมด 3,391 คน เสียชีวิต เพิ่ม 28 คน รวมเสียชีวิดทั้งหมด 284 คน ตัวเลขคนติดเชื้อและเสียชีวิตมีสถิติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

 

สำหรับคนไทยโดยเฉพาะรัฐบาลไทยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องออกคำสั่งเข้มงวดเป็น 2 เท่า แนวตะเข็บชายแดนไทยทุกพื้นที่ต้องกำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างจริงจัง เพิ่มการเฝ้าระวังแรงงานที่ลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่สามด่านหลัก แม่สาย-ด่านท่าขี้เหล็ก,แม่สอด-ด่านเมียวดี,ระนอง-ด่านเกาะสอง

 

และด่านรองลงมาอย่าง ด่านเชียงแสน, ด่านเชียงดาว, ด่านอรุโณทัย, ด่านแม่เสรียง, ด่านห้วยต้นนุ่น, ด่านเหมืองปิเลาะ, ด่านสังขละบุรี,ด่านพุน้ำร้อนและ ด่านสิงขร เหล่านี้เป็นด่านที่อยู่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมาในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย,ตาก, ระนอง,เชียงใหม่,แม่ฮ่องสอน,กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์

 

ด่านทั้งหมดนี้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ เป็นแหล่งนำเข้าและส่งออกสินค้าสำคัญของไทยและเมียนมา และเป็นเส้นทางที่มีคนไทย คนเมียนมาเดินทางเข้า-ออก ตลอด  โดยเฉพาะที่แม่สอดเป็น จุดใหญ่ที่มีแรงงานเมียนมาเข้าออกจำนวนมาก

 

ขณะที่ด่านสิงขรก็เป็นอีกด่านที่น่าจับตา  ล่าสุดได้ลงพื้นที่ไปสำรวจบรรยากาศการค้า และความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร หมู่ 6 บ้านด่านสิงขร ต.คลองวาฬ  อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์  จ.ประจวบ คีรีขันธ์ ยังมีรถบรรทุกสินค้าจากเมียนมาจอดรอเพื่อขนถ่ายสินค้า โดยใช้วิธีขนถ่ายสินค้าเข้ามายังไทยเท่านั้น โดยผู้ส่งสินค้าสวมหน้ากากอนามัย ใส่รองเท้าบูธ และทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่ล้อรถทุกคัน หลังขนถ่ายสินค้าแล้วเสร็จ

 

หลายช่องทางเสี่ยง “เมียนมา” บุกไทยหนีโควิด

 

ส่วนร้านรวงเงียบเหงาเห็นได้ชัดเจนว่าประชาชนเริ่มตื่นตระหนกเนื่องจากที่ด่านสิงขรไม่มีภาพบรรยา กาศเดิมๆ ที่คนลงไปเที่ยวคึกคักเหมือนก่อน ร้านจำนวนหนึ่งปิด ร้านที่เปิด บางร้านยอมลดราคาลงมาเพื่อให้ขายได้พร้อมกับเสียงบ่นว่าคงไม่ได้เห็นบรรยากาศที่คึกคักไปอีกนาน

 

หากเป็นภาวะปกติการมาเยือนด่านสิงขรจะเต็มไปด้วยคนเมียนมา ที่ข้ามฝั่งมาขายของและเที่ยวซื้อสินค้าฝั่งไทยกลับไป จะเห็นสาวเมียนมาผิวสีแทน คล้ำ ๆ แดง ๆ ใบหน้าเหลืองสดใสจากแป้งฝุ่น “ทานาคา” ผัดหน้า เป็นเอกลักษณ์ ที่ด่านแห่งนี้

 

ด้านฝ่ายความมั่นคงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำรั้วลวดหนาม ปิดบริเวณช่องทางธรรมชาติ 34 จุด ตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย 

 

ด่านสิงขรตั้งอยู่ห่างจากชุมชนชาวเมียนมาเพียง 3 กิโลเมตร ที่บ้านมูด่อง อ.ตะนาวศรี จังหวัดมะริด ถึงแม้ว่าการแพร่ระบาดเกิดขึ้นในรัฐยะไข่ อยู่ห่างจากมะริดระยะทางกว่า 1,000 กม. แต่ก็วางใจไม่ได้

 

หลายช่องทางเสี่ยง “เมียนมา” บุกไทยหนีโควิด

 

แนวเขาตะนาวศรีที่ทอดยาวตลอดในพื้นที่จังหวัดประจวบคู่ขนานกับอีกฝั่งที่เป็นแนวทะเลยังมีความน่าห่วงอยู่มากโดยเฉพาะตามเส้นทางธรรมชาติที่คนเมียนมาสามารถลักลอบเข้ามาได้ง่าย หากทางการเมียนมาคุมการแพร่ระบาดของโควิดไม่อยู่ก็จะกลายเป็นปัญหาของฝั่งไทยในที่สุด

 

เชื่อว่านับจากโควิดพ่นพิษในเมียนมารอบ 2 นี้จะทำให้มูลค่าการค้าไทย-เมียนมาลดลง จากที่ปัจจุบันการค้าไทย-เมียนมาปี 2562 ถึงช่วง 8 เดือนแรกปี 2563 พบว่ามีมูลค่าการค้ารวม 18,684.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไทยส่งออก  8,863.54 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไทยนำเข้า 10,021.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

 

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังอยู่กับเราไปอีกนาน ขอให้ทุกภาคส่วนแก้ปัญหาด้วยการตั้งสติให้ดี เราเคยผ่านช่วงระบาดมาแล้วและรับมือได้ จนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลกในฐานะผู้นำด้านการสาธารณสุขของโลก อดทนต่อสู้และใช้ชีวิตอยู่กับมันให้ได้ และที่สำคัญขอให้การ์ดอย่าตก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จับตาเมียนมา คุมโควิดไม่อยู่ สะเทือนถึงไทย

เศรษฐกิจหลังโควิดของเมียนมา

การรุกตลาดเมียนมาหลัง COVID19