ปรากฏการณ์ "ก้มลงกราบ" กับเนื้อแท้ของการเมือง

29 ก.ย. 2563 | 11:15 น.

ปรากฏการณ์ "ก้มลงกราบ" กับเนื้อแท้ของการเมือง : คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3614 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 1-3 ต.ค.2563 โดย... ประพันธุ์ คูณมี

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คงไม่มีข่าวใดสร้างความฮือฮาน่าสนใจ เกินไปกว่าข่าวที่คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมพชร (ชินวัตร) ภรรยา นายทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วยบุตรธิดาและบุตรเขย ได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทูลเกล้าฯ ถวายรถพยาบาลสำหรับผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง เพื่อมอบแก่โรงพยาบาลศิริราช เนื่องในวันมหิดล โดยปรากฏข่าวในพระราชสำนัก เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 นั้น

 

ภาพที่คุณหญิงและครอบครัวในชุดแต่งกายสีเหลือง ก้มกราบและถ่ายภาพกับพระบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 10 ได้กลายเป็นภาพที่มีการวิเคราะห์และวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วเมือง ในเวลาอันรวดเร็ว ท่ามกลางสถานการณ์คุกรุ่นทางการเมือง ที่ม็อบเยาวชนปลดแอก ผสมกับมวลชนคนเสื้อแดง ตกค้างกำลังคึกคะนอง แสดงความถ่อยเถื่อน จ้วงจาบหยาบช้าต่อสถาบันกษัตริย์ และการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคเพื่อไทย ที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารนัดกันลาออก

 

ปรากฏการณ์ คุณหญิงที่อดีตถูกมองว่าเป็น “แดงตัวแม่” สวมใส่ชุดเหลืองกราบเบื้องพระบาท ภาพเดียวสะท้านยุทธภพ ลบคำว่า "ท่อน้ำเลี้ยงเพื่อไทย-เสื้อแดง ไม่เอาเจ้า" ตามสำนวนพี่เปลวสีเงิน จึงเกิดขึ้น ตามด้วยกระแสวิจารณ์ที่อื้ออึงตามมา พาให้มวลชนคนเสื้อแดง และม็อบปลดแอกล้มเจ้า และ ส.ส.พรรคการเมือง ที่ซุกอยู่หลังม็อบเด็กไปไม่เป็น นี่คือปรากฏการณ์ที่เห็นในขณะนี้ แล้วเนื้อแท้ของปรากฏการณ์เรื่องนี้คืออย่างไร

ใครจะมองและคิดอย่างไรเป็นสิทธิท่าน เราต้องเคารพกัน เพราะเป็นเรื่องนานาทัศนะ คิดต่างกันต่างมุมมองได้ เนื้อแท้ของปรากฏการณ์ผู้เขียนให้ราคาปฏิบัติการนี้เพียงเพื่อความเอาตัวรอด เพื่อปรับตัวให้อยู่เป็น ด้วยจำนนต่อชะตากรรม ของยอดหญิงพจมาน ที่ล่วงรู้ชะตาถึงสัญญาณอันตรายใกล้ถึงตัว  

 

ส่วนการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในพรรคเพื่อไทยที่เกิดขึ้น เป็นเพียงความบังเอิญที่มาถึงพอดีกับกาลเวลาและเหตุการณ์ ซึ่งก็สมปารถนาของผู้มีบารมีเหนือพรรคตัวจริง ที่สอดรับกับการแก้ปัญหาภายในพรรค ที่หมักหมมสั่งสมความขัดแย้งปีนเกลียวแย่งซีน แบบผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกันมานาน ทั้งเจือสมกับความต้องการของทุกกลุ่มทุกก๊ก พวกแม่น้ำแยกสาย ไผ่แตกกอ ที่รอวันล้างพรรคยุติปัญหา เพราะขืนพากันถ่อลากกันไปแบบนี้ มีแต่ตายหมู่เท่านั้นเอง เหตุปัจจัยภายในและภายนอกจึงผสมลงตัวพอดี การเกิดการเปลี่ยนแปลงตามมา จึงเกิดขึ้นดังที่เห็นและเป็นไป

 

ภาพคุณหญิงและครอบครัวในชุดเหลืองอร่าม ที่ปรากฏต่อสาธารณะ ผิดไปจากภาพลักษณ์เดิมๆ มองจากมุมการเมือง เธอคงสรุปบทเรียนชีวิตและการต่อสู้ ที่ครอบครัวต้องกลืนเลือดร่วมกับสามีในช่วงเวลา 15 ปี (2548-2563) ที่ผ่านมาได้ว่า การเปิดหน้าสู้กับสถาบันกษัตริย์ของทักษิณด้วยความท้าทาย เหิมเกริมเหลิงอำนาจ โดยมิได้มองถึงความผิดพลาดล้มเหลว และความเลวร้ายที่ตนได้กระทำกับแผ่นดิน แม้มีกำลังสนับสนุนมากมาย โดยมีพรรคการเมืองที่เข้มแข็งที่สุด มี ส.ส. ส.ว.ในสังกัดจำนวนมากที่สุด มีสมุนบริวารรับใช้เป็นมือไม้ทางการเมืองมากที่สุด มีมวลชนจัดตั้งจำนวนมหาศาล มีแกนนำที่เป็นอดีตผู้นำมวลชน แอ๊กติวิสคนเดือนตุลา มีสหายและผู้นำจากอดีตพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เข้าร่วมการก่อการเต็มที่  

 

มีกองกำลังติดอาวุธที่จัดตั้งขึ้นเอง และมีทหารแตงโม ตำรวจเสื้อแดง นับพันนับหมื่น มีนักวิชาการ เอ็นจีโอ กลุ่มนิติราษฎร์ และผู้ฝักไฝ่การปฎิวัติ 2475 ที่หลงเหลือ มีขบวนการสื่อมวลชนเสื้อแดง มีนิตยสารแนวล้มเจ้า ลงทุนสร้างสื่อทีวีสีแดงหลายช่องเป็นกระบอกเสียง แถมได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ อเมริกา ยุโรป องค์กรการเมืองระหว่างประเทศ สื่อต่างชาติและบริษัทล็อบยี้ยิสต์ชั้นนำช่วยผสมโลง ด้วยยุทธการโลกล้อมประเทศ จนกล้าก่อสงครามกลางเมือง เปิดหน้ารบกับเจ้า เปิดยุทธการต่อสู้ปิดเมืองเผาประเทศ ด้วยเป้าหมายทวงคืนอำนาจ เพื่อสร้างรัฐไทยใหม่ ล้มล้างสถาบันเปลี่ยนระบอบการปกครองในแผ่นดินไปสู่ความเป็นสาธารณรัฐไทยใหม่

นั่นคือ การต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุด ที่ “ทักษิณ” เทหมดหน้าตัก ระดมสรรพกำลังเต็มอัตราศึกที่สุดแล้ว ผลสุดท้ายก็คือพ่ายแพ้อย่างยับเยิน จนบัดนี้ทักษิณยังไร้แผ่นดินอยู่ ไร้วี่แววที่จะกลับคืนประเทศ ยังต้องหลบหนีคดีด้วยต้องโทษจำคุกหลายสิบปี สู้ต่อไปเช่นนี้กี่ปีกี่ชาติก็ไม่มีวันชนะ นี่คือความจริง

 

เธอจะสรุปได้เช่นนี้หรือไม่ และ “ทักษิณ” จำนนต่อชะตากรรมจริงหรือไม่ จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามจับตามอง ยังมิอาจวางใจได้ เพราะอาจเป็นเพียงความต้องการลอยตัว แยกตัว แยกพรรคออกจากม็อบปลดแอก ที่กำลังดึงเอามวลชนและพรรคเข้าไปพัวพัน จนเธอรู้สึกและจับสัญญาณอันตรายใกล้ถึงตัวได้ หากความปรากฏถึงฟ้าว่า ม็อบล้มเจ้าครั้งใหม่มีพรรคเพื่อไทยหนุนหลัง ตระกูลชินวัตรหนุนช่วยเด็กปลดแอก เพราะสถาบันกษัตริย์ปัจจุบันเข้มแข็ง มั่นคง เกินกว่าที่อำนาจระบอบทักษิณจะท้าทายเหมือนอดีตได้อีกต่อไป  

 

เนื้อแท้ของภาพสะเทือนแผ่นดิน คงแปลความได้ตามนี้กระมัง ความกลัวตายเอาตัวรอดของเธอและคนในตระกูลจึงน่าจะมาก่อนสำนึกในบทเรียน เพราะเรื่องนี้ยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนจากคนไร้แผ่นดิน ให้ปรากฏว่าสำนึก

 

ส่วนความเปลี่ยนแปลงในพรรคเพื่อไทย ที่เปิดทางให้เจ้าของพรรคตัวจริงเข้าควบคุมบัญชาการ จะเป็นประกาศิตจากใคร เพื่อแสดงให้เห็นว่าพรรคไม่เกี่ยวกับม็อบล้มเจ้าครั้งใหม่ เป็นเรื่องเหนือการเมืองเหนือการคาดเดา แต่ที่แน่ๆหากพรรคเดินตามก้นเด็กแบบนี้  มีปัญหาภายในให้เกิดความระส่ำ ขาดความเป็นเอกภาพภายในพรรค เดินหน้าต่อไปเช่นนี้ก็มีแต่ความพ่ายแพ้ กระแสย่อมตกต่ำไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ตายซาก ถูกพรรคเด็กตีกินสิ้นความนิยม ฐานที่มั่นสุดท้ายแห่งอำนาจที่มีพรรคการเมืองเป็นฐานอำนาจ อาจถูกตีแตกหมดอำนาจสิ้นหลังพึ่งพิง ถูกมวลชนทอดทิ้งหันหลังหนีได้ นี่จึงเป็นปัญหาและมีความจำเป็นต้องปรับและผ่าตัดพรรคครั้งใหม่ ทั้งหมดก็เพื่อความอยู่รอดของพรรค ของตนเองและบริวารเช่นเดียวกัน

 

จากปรากฏการณ์ดังกล่าว จึงยังมิอาจคาดหวังได้ว่าพรรคใน “ตระกูลชิน” จะปรับเปลี่ยนจุดยืนและเป้าหมายทางการเมือง หันกลับมาเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขได้อย่างแท้จริงได้โดยสนิทใจ หรือมิอาจเชื่อได้ว่าพวกเขา มิใช่พรรคการเมืองฝ่ายแค้น ที่จมปลักอยู่กับปัญหาความแค้นในอดีตของเจ้าของพรรค โดยมุ่งหน้าสู่ความเป็นพรรคการเมืองตัวแทนประชาชน เพื่อคนไทยทุกคนโดยแท้จริงนั้น ยังเป็นเรื่องที่ไว้ใจไม่ได้  

 

 เหตุเพราะพฤติกรรมและการกระทำในอดีตเป็นเครื่องชี้ปัจจุบันและอนาคต จึงมิอาจมองเพียงปรากฎการณ์ที่เห็น แต่ต้องค้นให้พบมองให้เห็นถึงเนื้อแท้ของปรากฏการณ์เท่านั้น เราจึงจะได้คำตอบ อย่าให้ปรากฏการณ์เป็นเพียงภาพลวงตา จนละเลยต่อเนื้อหาโดยแท้จริง