ชี้ช่องเข้าทำงานราชการ

30 ก.ย. 2563 | 04:15 น.

ชี้ช่องเข้าทำงานราชการ : คอลัมน์ อินไซด์สนามข่าว  โดย  จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,614 หน้า 10 วันที่ 1 - 3 ตุลาคม 2563

 

ใครกำลังหางานทำ เชิญอ่านทางนี้ หลังจาก 27 กันยายนที่ผ่านมา เป็นวันที่คนไทย 5.2 แสนคน สิ้นสุดการรอคอยในการ “สอบ ก.พ.” ในภาค ก. หรือ สอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของสํานักงาน ก.พ. 

 

ที่บอกว่าสิ้นสุดการรอคอย เพราะเจอโรคเลื่อนวันสอบมา เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งหลังจากนี้ สำนักงานก.พ. ก็จะประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านในวันที่ 4 ธันวาคม 2563 และพิมพ์หนังสือรับรองการสอบผ่าน วันที่ 11 ธันวาคม 2563

 

ซึ่งผมไปสืบทราบมาว่า การสอบ ก.พ. ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางของการมีงานทำในระบบราชการของบ้านเรา เมื่อมีการเกษียณอายุราชการ ก็จะต้องเปิดให้คนรุ่นใหม่ๆ เข้าไปทำงานแทนที่ เป็นวงรอบแบบนี้ทุกปี แต่นอกจากการสอบก.พ.แล้ว สำนักงาน ก.พ. ยังมีอีก 1 ช่องทางในการแก้ปัญหาการว่างงาน ที่ได้นำเสนอไอเดียนี้ให้กับรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ชื่อเป็นทางการของไอเดียนี้ คือ “แนวทางเพิ่มโอกาสการจ้างงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ด้วยระบบพนักงานราชการ”

 

โดยเหตุผลของแนวทางนี้ สำนักงานก.พ. ระบุเอาไว้น่าสนใจว่า ปัจจุบันภาครัฐมีรูปแบบการจ้างงานแบบสัญญาจ้างที่หลากหลาย ทั้งการจ้างลูกจ้างชั่วคราว พนักงานกองทุนตามระเบียบกระทรวงการคลัง หรือการจ้างพนักงานตามระเบียบของส่วนราชการ เช่น พนักงานกระทรวงสาธารณสุข (พกส.) พนักงานจ้างของท้องถิ่น และพนักงานมหาวิทยาลัย เป็นต้น 

 

โดยระบบพนักงานราชการเป็นการจ้างงานแบบสัญญาจ้างอีกรูปแบบหนึ่งตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547 ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงความทันการณ์ของการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ผ่านกลไกการจ้างงาน อีกทั้งการสนับสนุนให้ ส่วนราชการสามารถบริหารจัดการเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานตามความจําเป็นของภารกิจได้ โดยไม่ มีผลผูกพันค่าใช้จ่ายระยะยาวแล้ว 

 

 

 

ซึ่งคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ (กพร.) ในการประชุมเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2563 จึงมีมติเห็นชอบแนวทางฯ ด้วย “ระบบพนักงานราชการ” เพื่อช่วยบรรเทาสภาวะเศรษฐกิจ การว่างงานภายในประเทศ เน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจ้างงานให้กลุ่มผู้สําเร็จการศึกษาและอยู่ระหว่างการหางานทํา ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนงาน และ/หรือผู้ที่ถูกเลิกจ้างจากภาคส่วนอื่นมีโอกาสได้รับการจ้างงาน เและสั่งสมประสบการณ์การทํางานในหน่วยงานของรัฐ 

 

ชี้ช่องเข้าทำงานราชการ

 

 

รวมทั้งเพื่อให้ส่วนราชการได้สรรหาบุคลากรคุณภาพ เพื่อปฏิบัติภารกิจที่มีความจําเป็นเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาล ภารกิจตามยุทธศาสตร์ หรือภารกิจสําคัญอื่นของส่วนราชการ 

 

โดยมีหลักการสําคัญ คือ ไม่ใช่การจ้างงานประจํา เป็นการจ้างงานระยะสั้น และบรรจุบุคคล เข้าปฏิบัติงานให้เร็วที่สุด จะพิจารณาจัดสรรกรอบอัตรากําลังพนักงานราชการเป็นกรณีพิเศษ ให้แก่ส่วนราชการเพื่อจ้างพนักงานราชการได้ไม่เกิน 2 ปี  คือ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2565 เน้นการกระจายการจ้างงานลงสู่ระดับพื้นที่ ตลอดจนกําหนดรูปแบบการจ้าง อัตราค่าตอบแทน วิธีการสรรหา และการบริหารการจ้างเป็นการเฉพาะ เพื่อให้ส่วนราชการดําเนินการได้อย่างรวด เร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ

 

 

 

แนวทางนี้ คาดว่าการดําเนินการทั้งสองเรื่อง ที่การบรรจุเป็นข้าราชการ และการจ้างงานแบบพนักงานราชการ 2 ปี จะช่วยบรรเทาสภาพการณ์ว่างงานภายในประเทศ  ซึ่งจะมีตําแหน่งว่างรองรับการจ้างงานประกอบด้วย อัตราข้าราชการตั้งใหม่ที่ส่วน ราชการได้รับการจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ.  2562-2563 ที่ยัง ไม่ได้บรรจุจํานวนประมาณ 50,000 อัตรา 

 

และอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จํานวนประมาณ 8,900 อัตรา หรือพิจารณาใช้รูปแบบการจ้างงานแบบสัญญาจ้างเพื่อบรรจุเป็นพนักงานราชการในอัตราว่างตามกรอบอัตรากําลังปกติ หรือกรอบอัตรากําลังพนักงานราชการตามแนวทางที่ คพร. เห็นชอบสําหรับการจ้างงานระยะสั้นไม่เกิน 2 ปี ซึ่งอาจบริหารจัดการได้จํานวนประมาณ 90,000 อัตรา

 

ฉะนั้น ใครที่หางานทำ ลองเปิดใจ เปิดโอกาสค้นหางานพนักงานราชการ ในส่วนราชการต่างๆ ดู ยังไงซะ อาจจะได้มีงานทำก็ดีกว่าว่างงานนะครับ