4 แบงก์ไทย ดังไกลทั่วโลก

22 ก.ย. 2563 | 23:00 น.

4 แบงก์ไทย ดังไกลทั่วโลก : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3612 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 24-26 ก.ย.2563 By…เจ๊เมาธ์

 

4 แบงก์ไทย

ดังไกลทั่วโลก
 

     >> เย้ ๆๆๆๆ เจ๊เมาธ์ สุดแสนดีใจค่ะ นายกฯ ลุงตู่ เคาะวันหยุดยาว 19-22 พ.ย. และ 10-13 ธ.ค. ให้เจ๊เมาธ์ และชาวไทยเรา เดินทางท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ ยามที่ไม่มีต่างชาติเที่ยว  ไทยเรานี่แหละ ไทยเที่ยวไทย  ไทยช่วยไทย  ความสุขหาได้จากภายใน (เมืองไทย)
 

     >> กลับมาที่ตลาดหุ้นกันเลยค่ะ ดูเหมือนตลาดจะสดใส หลังการชุมนุมประท้วงในวันที่ 19-20 กันยายน ผ่านไปไม่มีปัญหา มันน่าจะดีกับตลาดหุ้นไทย กลับโดนการระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ในยุโรป, การโอนเงินผิดกฎหมายของแบงก์ต่างชาติ ที่โยงมาถึง 4 แบงก์ไทย รวมไปถึงงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ ไม่สามารถผลักดันออกมาได้ ก็กลับมาเป็นปัจจัยลบต่อดัชนีหุ้นไทย ในขณะที่ในเดือนหน้า (ตุลาคม) ก็จะมีการนัดชุมนุมประท้วงอีกหลายรอบ นักลงทุนประมาทไม่ได้ค่ะ ตลาดหุ้นไทย มีเรื่องเล็กๆ รบกวนอยู่ตลอดเวลา ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ ถ้าทางภาครัฐจัดการได้ไม่ดีพอ เจ๊เมาธ์ขอเตือนว่า ให้ลงทุนอย่างรอบคอบเท่านั้นเองค่ะ

     >> ธนาคารไทย 4 แห่ง BBL KBANK KTB และ EXIM Bank เข้าไปมีชื่อในเอกสาร SAR (รายงานกิจกรรมที่น่าสงสัย : SAR) ซึ่งเป็นเอกสารที่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน ได้ยื่นต่อกระทรวงการคลังสหรัฐ โดยรายงานกิจกรรมที่น่าสงสัยจำนวนมากกว่า 2,100 ฉบับ ที่หลุดไปถึงสื่อออนไลน์ ได้เผยข้อมูลเกี่ยวกับการโอนเงินที่น่าสงสัยมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ (63 ล้านล้านบาท) ในระหว่างปี 2542-2560 ซึ่งเงินเหล่านี้ได้รับอนุมัติการทำธุรกรรมโดยหน่วยงานภายในของสถาบันการเงินที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย ถึงแม้ว่าจะมีชื่อของธนาคารไทยทั้ง 4 แห่งติดอยู่ แต่เอกสารนี้ก็ยังได้ระบุชื่อของธนาคารใหญ่ระดับโลกหลายแห่ง เช่น เอชเอสบีซี, เจพีมอร์แกน เชส, ดอยซ์แบงก์, สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน อยู่ในเอกสารที่ว่าด้วยเช่นกัน
 

     >> ถึงแม้ว่า 4 ธนาคารไทย  สามารถชี้แจงเพื่อให้หลุดข้อกล่าวหาได้ก็ตาม แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ต่างชาติจะใช้ประเด็นนี้ในการโจมตีประเทศไทยอยู่ดี ส่วนนักลงทุนที่สนใจหุ้นกลุ่มธนาคาร คงต้องจับตาดู BBL KBANK KTB เอาไว้บ้าง จะดีร้ายอย่างไร ก็จะได้เตรียมตัวทันนะคะ
 

     >> JKN ของเจ๊แอน (จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์) ราคาหุ้นยังคงร้อนแรงไม่หยุด ไล่ราคาขึ้นมาจาก 5 บาทกว่าๆ จนมาถึงราคาที่สูงที่สุดในรอบเกือบๆ 2 ปี  ยังไม่มีท่าทีหยุดพักกันง่าย  ...นอกจากเรื่องของกำไรและอัตราส่วนในการทำกำไรที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับปีที่ผ่านมา ตอนนี้เจ๊เมาธ์ก็ยังไม่เห็นมีปัจจัยพื้นฐานอื่นใดเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้นะคะ พูดกันจริง ๆ แค่เรื่องกำไรที่ดีกว่าที่เคยผ่านมามันก็สุดยอดแล้วค๊า อนาคตของ JKN น่าจะพอไปได้ ขอให้แค่ผ่าน 12 บาท ไปได้เท่านั้นค่ะ

     >> มาดู DELTA กันบ้าง รายนี้ไล่ราคาจาก 50 บาท ขึ้นมาถึง 3 เท่า ใช้เวลา 4 เดือน ราคา All Time High  ด้วย สาเหตุที่วิ่งแรงๆ  เริ่มมาจาก DELTA รายงานกำไรปกติ 2Q63 ที่ 2 พันล้านบาท โตขึ้นมา 239% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา...สาเหตุหลักๆ มาจากอัตรากำไรขั้นต้นทำได้ดีขึ้นจาก 5.70% ในปี 2562 ขึ้นมาเป็น 10.41% ในปี 2563 ซึ่งเป็นการโตขึ้นมาในช่วงการระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยมีแรงหนุนจากสินค้ากลุ่ม Cloud และ Data Center ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน DELTA Thailand  ได้แลกบริษัทในเครือที่อยู่ในยุโรปกับออสเตรเลียด้วยมุมมองที่เห็นว่า การลงทุนในออสเตรเลีย มีโอกาสเติบโตในระยะยาวมากกว่า ขณะเดียวกัน คาดการณ์ว่า กำไรในปี 2563 จะโตขึ้น 53% และปี 2565 จะโตขึ้นอีก 31% คิดเป็นเงินประมา 5.8 พันล้านบาท
 

     >> ทุกอย่างดูดี...แต่ถ้าหากไปดูที่ราคาหุ้นทางเทคนิค โอกาสที่ DELTA จะหมดแรงวิ่ง ก็มีอยู่มากนะคะ  ...จะเข้าจะออกตอนนี้  ระวังเอาไว้บ้างค่ะ ...เล่าเรื่องความเสี่ยงให้ฟันแล้วค่า
 

     >> กลับไปที่ TASCO กันอีกที ถึงแม้ตอนนี้ราคาหุ้นแถว 15-16 บาท จะเป็นจุดพักตัว ทำให้นักลงทุนหลายคนเริ่มเก็บสะสม เพราะคิดว่าจะได้ของถูกและดี แต่เจ๊เมาธ์กลับคิดว่า มันมีอะไรแปลก ๆ ซ้อนอยู่อีกทีนะคะ อย่าลืมว่าหลายปีก่อนตอนที่ราคาหุ้นของ TASCO วิ่งอยู่ที่แถวๆ ราคา 12-15 บาท ตอนนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์ที่เป็นวิกฤตการณ์ขนาดนี้ ...เจ๊ได้ข่าวว่า ราคา 15-16 บาท มันเป็น การหยุดราคาเพื่อออกของเท่านั้นค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าจะลงไปยืนราคาที่ 12-13 บาทได้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนะคะ เจ๊เตือนแล้วน้า