"รัฐบวมถังแตก" โบแดงแสลงใจลุงตู่

15 ก.ย. 2563 | 11:35 น.

"รัฐบวมถังแตก" โบแดงแสลงใจลุงตู่ : คอลัมน์ห้ามเขียน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3610 หน้า 20 ระหว่างวันที่ 17-19 ก.ย.2563 โดย...พรานบุญ

 

"รัฐบวมถังแตก"

โบแดงแสลงใจลุงตู่!
 

     “ถังแตก” กลายเป็นของแสลงใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และครม.ไปเสียแล้ว ได้ยินทีไรของขึ้นทุกที ต้องออกมาปฏิเสธเป็นพัลวัล ...ไม่จริ๊ง ไม่จริง ถังไม่แตก
 

     ถังแตก เป็น คำวิเศษณ์ที่ใช้ขยายเพื่อบอกลักษณะของคำนั้นๆ หมายถึง ไม่มีเงิน, มีเงินน้อย, หมดตัว, ยากจน
 

     ตอนนี้ถือว่า รัฐบาลถังแตกแล้วหรือยัง? ...นังบ่างช่างยุตั้งคำถามขึ้นมา
 

     พรานฯบอกตามตรงไม่อ้อมค้อมว่า หากคำว่า ถังแตกหมายถึง ไม่มีเงิน หมดตัว ยากจน ต้องถือว่ารัฐบาลตกอยู่ในภาวะถังแตกแล้ว แต่ที่อยู่ได้เป็นเพราะรัฐบาลสามารถกู้เงินมาโป๊ะถังแตก ทำให้ประเทศมีเงินมาใช้จ่ายต่อไปได้

     ความจริงแล้วไม่ใช่รัฐบาลลุงตู่เพียงรัฐบาลเดียว ในรอบ 10-15 ปี ที่ผ่านมา ทุกรัฐบาลต่างตกอยู่ในภาวะถังแตก เพราะแทบทุกรัฐบาลมีการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลมายาวนาน หมายถึงว่าทุกรัฐบาลหารายได้ไม่พอกับรายจ่าย ต้องกู้เงินมาใช้ ตามจำนวนการขาดดุลงบประมาณในแต่ละปี จนหนี้ของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนบัดนาว ...นั่นแหละนังบ่างเอ๋ย
 

     แต่รัฐบาลลุงตู่นี่ถือว่า โชคร้ายเจอปัญหาหลายเด้ง เด้งแรกเจอพิษโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจพังพาบ ผู้คนแสนสาหัส ต้องกู้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการออก พ.ร.ก. 3 ฉบับ คือ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท พ.ร.ก.ให้อำนาจ ธปท. ออกซอฟท์โลน 5 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก.ให้อำนาจธปท. ตั้งกองทุนซื้อตราสารหนี้อีก 4 แสนล้านบาท รวม 1.9 ล้านล้านบาท...นี่ดอกแรก
 

     ดอกที่สองอันนี่แรงกว่า เมื่องบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณแบบขาดดุลกว่า 4.69 แสนล้านบาท ปรากฏว่าใกล้จะสิ้นปีงบประมาณรายได้จากการจัดเก็บภาษี ไม่พอยาไส้จากเศรษฐกิจที่พังพินาศ
 

     รัฐบาลลุงตู่กู้เงินมาชดเชยขาดดุลงบประมาณเต็มตามวงเงิน 4.69 แสนล้านบาทแล้ว แต่ยังไม่พอ ขณะที่เงินคงคลังก็เหลือน้อย เพราะการเก็บรายได้ของรัฐบาลพลาดเป้าไปถึง 3-4 แสนล้านบาท กระทรวงการคลังจึงทำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 ขอมติกู้เงินรายจ่ายสูงกว่ารายได้เพิ่มอีก 2.14 แสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในกรณีที่รายจ่ายมากกว่ารายได้ ตามข้อกำหนดใน พ.ร.บ.งบประมาณ ...มติครม.สดๆ ร้อนๆ นั่นงัย ...ลุงสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง รู้รึเปล่าละเนี่ย...
 

     นี่ไงละนังบ่าง...ที่เขาเรียกว่า “รัฐบาลถังแตก” รายได้ไม่พอรายจ่าย เงินที่กู้มาก้อนแรก ไม่พอจ่าย ต้องกู้รอบใหม่ มิใช่ ถังแตก จะเรียกว่า ถมเต็ม...กันรึไง?
 

     รัฐบาลลุงตู่ไม่ต้องเหนียมอาย ต้องยอมรับเถอะว่า รัฐบาลถังแตกจริงๆ และถังแตกมากกว่ารัฐบาลอื่นๆ เพราะการกู้เงินมาเพิ่มเติมในวงเงินที่เหนือมากกว่าตั้งงบประมาณขาดดุลนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่ทำกันทุกปี ต้องวิกฤติจริงๆ เขาจึงจะทำกัน...โปรดอย่าเถียงพ่อพรานฯ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพงไพรเชียว
 

     การที่รัฐบาลชี้แจงว่า รัฐบาลไม่ได้ถังแตก ยังมีเงินใช้จ่ายในการลงทุนและจ่ายเงินเดือนข้าราชการ เงินนั้นมาจากกู้เงินเพิ่มใช่มั้ย...ถ้าละก้อ...ถังแตกแหงๆ
 

     ข้าราชการ นักการเมือง รัฐมนตรีคนไหนกล้าบอกว่า ถังไม่แตก ...มีเงิน ไม่ได้หมดตูด
 

     โปรดตอบคำถามพรานฯหน่อยเถอะว่า หากไม่กู้เงินแบบฉุกเฉินมา 2.14 แสนล้านบาท นอกจากงบขาดดุลที่กู้มาเต็มวงเงินแล้ว จะมีเงินไปใช้จ่ายเงินเดือนข้าราชการพลเรือนและทหาร 2,841,300 อัตรา ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนช่วงท้ายปีงบประมาณหรือ ...จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไปเชียว

     รัฐบาลถังแตกยังตามมาหลอนไปถึงปีงบประมาณ 2564 ที่ตั้งไว้ 3.3 ล้านล้านบาท เพราะเป็นงบแบบขาดดุล 6.23 แสนล้านบาท เชื่อหัวพ่อพรานเถอะครับ ...การเก็บรายได้จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ จะต้องกู้เงินฉุกเฉินเพิ่มเติมกรณีที่รายจ่ายมากกว่ารายได้เหมือนปี 2563 อีกครั้ง....พรานขอทำนาย...เพี้ยงขอให้ผิดเถอะ
 

     ดอกต่อมา การที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ที่พิจารณากันในชั้นของรัฐสภา ประกาศใช้ไม่ทันในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 จนทำให้รัฐบาลลุงตู่ต้องใช้งบประมาณปี 2563 ไปพลางก่อนนั้น คือแผลการบริหารการเงินการคลังของประเทศ
 

     เพราะในทางกฎหมายงบประมาณนั้น การใช้งบประมาณไปพลางก่อนนั้น เขากำหนดให้ใช้ได้แค่ 1 ใน 4 ของงบที่ตั้งไว้
 

     พรานขอบอกนังบ่างลูกช่างยุว่า งบประมาณปี 2564 ที่ตั้งไว้ 3.3 ล้านล้านบาท หากจะใช้ไปพลางก่อนจะได้แค่ 1 ใน 4 เท่านั้น ยกเว้นกรณีพิเศษ 4 ข้อ เรื่องหนี้ระหว่างประเทศ กรณีที่ศาลสั่ง หรือฉุกเฉินถ้าไม่ทำจะทำให้ประเทศเสียหาย
 

     นั่นหมายถึงว่า งบประมาณรายจ่ายงบกลางที่ตั้งไว้ 614,616 ล้านบาท รัฐบาลลุงตู่จะใช้ได้ 1 ใน 4 เท่ากับ 153,654 ล้านบาท
 

     งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณได้จัดสรร 1,135,182 ล้านบาท จะใช้ได้ 1 ใน 4 เท่ากับ 283,795 ล้านบาท
 

     งบประมาณรายจ่ายบูรณาการได้รับการจัดสรร 257,877.9 ล้านบาท เพื่อใช้ใน 14 เรื่อง ใช้ได้ 1 ใน 4 เท่ากับ 64,469 ล้านบาท
 

     งบประมาณรายจ่ายบุคลากร ได้จัดสรร 776,887.7 ล้านบาท ใช้ได้ 1 ใน 4 เท่ากับ197,221 ล้านบาท
 

     งบประมาณรายจ่ายสำหรับทุนหมุนเวียนได้รับจัดสรร 221,981.9 ล้านบาท ใช้ได้ 1 ใน 4 เท่ากับ 55,495 ล้านบาท
 

     งบประมาณรายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐได้รับจัดสรร 293,454  ล้านบาท  ใช้ได้ 1 ใน 4 เท่ากับ 73,363 ล้านบาท....ตาแจ้งรึยังขอรับนายท่าน
 

     "รัฐบวมถังแตก" จะกลายเป็นผีหลอกหลอนรัฐบาลลุงตู่ต่อไป ไม่ว่าจะหานักการเงิน นักการคลัง นักเศรษฐศาสตร์ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้หรือไม่ก็ตาม...ฟันธง...ไม่ผิดจากนี้แน่นอน
 

     ลุงตู่เชื่อพรานฯเถอะ บอกความจริงประชาชนไปเลย...ไม่มีใครว่าหรอก หากบอกความจริง มีแต่นักการเมืองที่ทำทุกอย่างเพื่อโจมตี ให้ร้ายเท่านั้นแหละที่เสี้ยมผู้คนในสังคม...
 

     พอชี้แจงความจริงกับผู้คนเสร็จสรรพ เร่งอัดฉีดเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจอย่างเต็มกำลัง อย่าแทงกั้กตุนเงินไว้ใช้เหมือนตอนนี้อีกเลย ในยามที่คนป่วยต้องการอ๊อกซิเจนนั้นต้องให้เต็มที่มิใช่หยดแบบ “น้ำเกลือ” ไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการและผู้คนในประเทศตายเกลื่อนเมืองแน่
 

     สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันนี้ มีแต่พูดความจริง จึงจะได้ใจคนครับ!