เพิ่มไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ COVID ระลอกสอง

13 ก.ย. 2563 | 21:00 น.

คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

 

          อาทิตย์ที่ผ่านมาอาการของ COVID-19 ระลอกสองในเมียนมา ไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลงเลย ตรงกันข้ามรุนแรงขึ้นทุกขณะ ในขณะที่ในประเทศไทยเราเอง สภาพการเป็นอยู่ของประชาชนในกรุงเทพฯ ไม่เห็นทีท่าว่าจะตื่นตระหนกอะไรเลย หรือแม้แต่ข่าวคราวของเมียนมาก็มีน้อยมาก แทบจะหาไม่เจอเลยก็ว่าได้ หรือว่าผมคิดวิตกจริตไปคนเดียว แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็จะทำหน้าที่ในการแจ้งเตือนให้คนไทยเราได้รับรู้ถึงภัยอันตราย ที่อยู่แค่ฝั่งตรงข้ามพรมแดนที่ติดกันกับเรา  ที่มีความยาวถึงสองพันกว่ากิโลเมตรนี้ เพื่อให้ระมัดระวังกันให้มากๆนะครับ อย่าชะล่าใจ เพราะเจ้าวายร้ายตัวนี้ มันแผลงฤทธิ์ได้ตลอดเวลา ถ้าเราไม่ระวังตัวเมื่อไหร่ มันจะเข้ามาสู่สังคมไทยทันที แล้วจะแก้ไขกันยากมากๆครับ

          เอาตัวเลขแค่สามวันมาดูกันนะครับ เริ่มจากวันที่ 11 กันยายน เช้าเวลา 8:00 น. มีผู้ติดเชื้อ 115 คน ค่ำเวลา 8:00 น. มีผู้ติดเชื้อ 157 คน ในวันที่ 12 กันยายน เช้าเวลา 8:00 น มีผู้ติดเชื้อ 23 คน เราก็คิดว่าน่าจะดีขึ้นแล้ว แต่ที่ไหนได้ เวลาค่ำ 8:00 น. มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 150 คน ในขณะที่ผมเขียนบทความอยู่นี้เป็นเวลาเช้าของวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน เวลา 8:00 น. มีรายงานเข้ามาว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 201 คน ต้องรอดูตอนค่ำวันนี้อีกทีว่าจะรุนแรงขึ้นอีกหรือไม่นะครับ

          ส่วนเมืองที่ติดเชื้อรุนแรงนั้น นอกจากที่ชิตต่วยในรัฐยะไข่และเมืองย่างกุ้งแล้ว  ยังมีเมืองมัณฑะเลย์และเมืองหลวงเนปิดอร์ด้วย ซึ่งมีเพื่อนโทรฯมาถามแต่เช้าเลยว่า เมืองอื่นๆไม่มีการติดเชื้อเลยเหรอ ผมต้องตอบว่า “ไม่น่าจะไม่มีนะ” เหตุที่ไม่พบก็เป็นไปได้แค่สองทางคือ ไม่มีการติดเชื้อเลย หรือไม่ได้มีการตรวจโรคหรือตรวจได้ไม่ละเอียดถี่ถ้วนพอ จึงไม่พบ ซึ่งผมก็เชื่ออย่างหลังมากกว่าครับ เพราะเราก็ทราบๆ กันดีว่า สาธารณสุขพื้นฐานของประเทศเมียนมา ไม่ดีเท่าของประเทศไทยเรา แม้แต่ของประเทศเราเวลาตรวจตามด่านต่างๆในต่างจังหวัด ที่ผมเคยเดินทางไป-มาในช่วงระบาดรอบแรก ผมยังแปลกใจเลยว่า ทำไมทำได้แค่วัดอุณหภูมิร่างกาย และลงชื่อ-ที่อยู่เท่านั้น น่าจะเสียงบประมาณแผ่นดินไปเปล่าๆนะครับ ที่เมียนมานั้นน่าจะยิ่งไม่ดีเท่าเรา ท่านก็คิดเอาเองแล้วกันครับ

          วันที่การระบาดในเมืองย่างกุ้งหนักๆ นั้น คือวันศุกร์ที่ 11 กันยายน ในช่วงเช้าวันนั้น ผมยังมีการประชุมออนไลน์กับผู้จัดการของบริษัทฯผมอยู่เลย แต่พอบ่ายๆ ผมได้รับโทรศัพพ์เข้ามาจากผู้จัดการรายงานว่า ที่เมืองย่างกุ้งตอนนี้เกิดโกลาหลใหญ่แล้ว เพราะชาวบ้านเริ่มออกมาช่วยตัวเองด้วยการปิดกั้นซอยทางเข้าบ้านกันแล้ว

          ท่านอาจจะนึกภาพไม่ออกว่าเป็นอย่างไร คือที่เมืองย่างกุ้งในเขตเมือง บ้านเมืองจะเป็นคล้ายๆ อาคารพาณิชย์บ้านเรา สูงประมาณ 8-10 ชั้น สร้างกันเป็นทิวแถว โดยระหว่างแต่ละแถวจะมีซอยกั้นกลาง แต่ละซอยเขาจะรักกันมาก เพราะเขามีศาลาพุทธศาสนา (ไม่ใช่วัด เพราะจะเล็กๆคล้ายศาลเจ้ามากกว่า) ทุกปีเวลางานบุญหรืองานสำคัญทางศาสนา เขาก็จะมารวมตัวกันที่นี่ ซอยใครซอยมัน ดังนั้นเขาจะรักและรู้จักกันหมด พอมีปัญหาโรคระบาด COVID-19 ระลอกสองเริ่มส่อเค้าว่าจะรุนแรงขึ้น เขาจึงร่วมกันปิดซอย โดยไม่ต้องรอให้รัฐบาลสั่งแล้วครับ ร้านค้าที่อยู่ในซอยก็ต้องช่วยกันเองก่อนครับ

          ส่วนคนที่จะเข้าออก โดยเฉพาะรถยนต์ ถ้าไม่จำเป็นเขาจะไม่อนุญาตให้เข้าเด็ดขาดเลยครับ ในวันนั้นผมจึงบอกให้ผู้จัดการผมส่งคนไปดูลาดเลา ว่าวันจันทร์หน้าเราจะได้ค้า-ขายมั้ยนี่ ปรากฏว่าคืนนั้น มีรายงานเข้ามาอีกว่า มีร้านค้าปิดไปประมาณ 80% ส่วนร้านค้าที่เปิดได้ จะมีเพียงร้านค้าที่อยู่ติดถนนใหญ่เท่านั้นครับ ที่สำคัญคือเกือบทุกร้านค้าเอาแผ่นพลาสติกมากั้น ไม่ให้คนที่มาซื้อของพูดกับคนขายแบบตรงๆ อย่างน้อยยังมีการกั้นใว้บ้าง นี่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านของชาวเมียนมาที่จะต้องช่วยตัวเองก่อนละครับ

          ในวันที่ 12 -13 เป็นวันเสาร์อาทิตย์ คงต้องรอดูวันจันทร์นี้เปิดงานแล้วจะเกิดอะไรขึ้นแหละครับ ผมก็เชื่อว่าทางการเมียนมา จะต้องออกมาทำอะไรบ้างอย่างแน่ๆ ครับ ไม่อยากคาดเดาจริงๆ ดูท่าทีของท่านดอร์ อองซาน ซูจี ช่วงนี้ยังมีเรื่องที่จะต้องแก้ไขอีกมากมาย แต่ก็ยังดีกว่าที่ประเทศไทยที่ท่านนายกรัฐมนตรีประยุทธกำลังเผชิญอยู่นะครับ เพราะไหนจะมีเรื่องการเมืองเรื่องของเด็กนักเรียนนักศึกษา เรื่องรัฐมนตรีการคลังที่ยังไม่มีใครมารับตำแหน่งเสียที

          เรื่องเจ้าวายร้าย COVID-19 ระลอกสองที่เริ่มเห็นเค้ารางเลาๆแล้ว ไหนจะเรื่องเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ไปทั่วโลก ไหนจะเรื่องตัวเลขการส่งออก  ที่กำลังซื้อจากคู่ค้าสำคัญในโลกนี้ ลดการจับจ่ายใช้สอยลงทั่วประเทศไปเสียทุกประเทศเลย เรื่องตัวเลขการท่องเที่ยวทีสนามบินไม่สามารถเปิดได้ เพราะเปิดไปก็โดยเจ้าวายร้าย COVID-19 จ้องจะเข้ามา

          เฮ้อ........น่าเห็นใจนะครับ ผมต้องบอกว่า ต่อให้เทวดามาเป็นนายกรัฐมนตรีช่วงนี้ ก็ต้องปวดเฮดไปหมดเหมือนกันแหละครับ ดังนั้นเราก็คงต้องทนๆกันไปนะครับ รอให้สถานการณ์ปกติค่อยว่ากันใหม่นะครับ สู้ๆๆๆๆๆ     

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

COVID-19 ของจริงมาแล้ว
COVID-19 ระลอกสองในเมียนมา
เศรษฐกิจหลังโควิดของเมียนมา
การรุกตลาดเมียนมาหลัง COVID19