โรงไฟฟ้าชุมชน : เดินหน้าต่อไป?

09 ก.ย. 2563 | 04:57 น.

มนูญ ศิริวรรณ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน ตอบคำถามเมื่อเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีพลังงาน นโยบายโรงไฟฟ้าชุมชนฯจะยังเดินหน้าต่อไปหรือไม่

 

หนึ่งในข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายพลังงานที่สื่อ มวลชนและผู้เกี่ยวข้องในวงการพลังงานสนใจคือ นโยบายโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากที่รัฐมนตรีพลังงานคนก่อน คือ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ได้เริ่มต้นเอาไว้จะได้รับการสานต่อโดยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้โครงการนี้ถูกชะลอเอาไว้ด้วยเหตุผลว่าไม่อยู่ในแผนการผลิตไฟฟ้าระยะยาว หรือ PDP 2018

 

ต่อมาถึงแม้จะมีการแก้ไขแผน PDP 2018 เป็นฉบับแก้ไขครั้งที่ 1 ที่มีการบรรจุเรื่องโรงไฟฟ้าชุมชนเข้าไปด้วย แต่แผน PDP ฉบับแก้ไขก็ยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากมติคณะรัฐมนตรี ทำให้ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ไม่สามารถออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชนได้

 

 ดังนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี จึงเป็นที่จับตามองว่า โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนจะได้รับการพิจารณาให้เดินหน้าต่อหรือไม่

 

เรื่องนี้ท่านรัฐมนตรีพลังงานท่านใหม่ได้แถลงไว้อย่างชัดเจนเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมาว่าจะดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนต่อไป เพียงแต่จะขอเวลา 30 วันในการปรับรูปแบบโครงการ โดยได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทบทวนหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการเพื่อให้เกษตรกรได้ประโยชน์จากโครงการอย่างแท้จริงไม่ใช่เอกชนผู้ลงทุนเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุด และตั้งเป้าหมายว่าจะประกาศเชิญชวนผู้สนใจให้ยื่นเสนอโครงการได้ภายในปลายปีนี้

 

เบื้องต้นจะทำเป็นโครงการนำร่อง เพื่อให้เห็นว่าเกษตรกรเป็นผู้ได้รับประโยชน์ เกิดการจ้างงาน และมีรายได้จากการปลูกและขายพืชพลังงานเพื่อเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้า

 

ส่วนเรื่องแผน PDP 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ที่รอเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรีนั้น ก็จะดึงกลับมาก่อนเพื่อปรับปรุงอีกครั้งให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความต้องการพลังงานที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะโควิด-19 โดยจะไม่กระทบกับการดำเนินการของโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน เพราะสามารถจัดทำเป็นบทแทรกอยู่ในแผน PDP 2018 ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้ และเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เพื่อรองรับการซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชนเข้าระบบได้

 

ถ้าดูจากการแถลงข่าวดังกล่าวก็พอจะสรุปได้ว่าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนคงเดินหน้าต่อไป แต่ด้วยแรงผลักดันที่ลดน้อยลงจากเดิม เพราะไม่ใช่โครงการสำคัญตามนโยบายของฝ่ายการเมืองอีกต่อไป ดังนั้นเป้าหมายที่จะสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนให้เกิดขึ้นทั่วประเทศ โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมถึง 1,933 MW (700 MW ภายในปี 2565) ตามแผน PDP 2018 ฉบับแก้ไขครั้งที่ 1 ก็คงต้องถูกยกเลิกไป แล้วมากำหนดกันใหม่

 

ส่วนหลักเกณฑ์ที่จะแก้ไขให้ผลประโยชน์ตกแก่ชุมชนและประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าจริงๆ นั้น ผมขอเสนอให้ปรับเกณฑ์การเปิดให้ผู้สนใจที่จะลงทุน ยื่นประมูลในสองเงื่อนไขคือ ประโยชน์หรือผลตอบแทนที่จะให้กับชุมชน และราคาค่าไฟฟ้าที่จะขายเข้าระบบ โดยพิจารณาว่าใครให้ผลตอบแทนกับชุมชนสูง แต่คิดค่าไฟฟ้าตํ่าก็ชนะไป โดยรัฐไม่ควรไปกำหนดราคารับซื้อไฟฟ้าเอาไว้เองล่วงหน้าอย่างหลักเกณฑ์ในปัจจุบัน เพราะมักจะกำหนดเอาไว้สูงเพื่อจูงใจผู้ผลิต ซึ่งเป็นสาเหตุของค่าไฟฟ้าแพงและการวิ่งเต้นเพื่อขอโครงการและนำโครงการไปแสวงหากำไรครับ !!!