หากพูดถึงการส่งออกของรัสเซีย หลายคนคงนึกถึงน้ำมันเป็นสิ่งแรกๆ เนื่องจากรัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอิทธิพลสูงในฐานะผู้ส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติมากที่สุดของโลกประเทศหนึ่ง ทุกความเคลื่อนไหวสามารถสะเทือนธุรกิจน้ำมันทั่วโลกได้อย่างที่เห็นกันในเหตุการณ์สงครามราคาน้ำมันกับซาอุดีอาระเบียเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำเอาราคาน้ำมันทั่วโลกลดฮวบอย่างหนัก
ที่ผ่านมารัสเซียพึ่งพารายได้จากธุรกิจพลังงานเป็นปริมาณมากหรือราวร้อยละ 60-70 ของรายได้ทั้งหมดของประเทศเลยทีเดียว น่ากลัวว่าหากเกิดเหตุการณ์อะไรที่เข้ามาสั่นคลอนตลาดพลังงานของโลกแล้ว ประชาชนในประเทศจะเดือดร้อนไปด้วย เช่นในกรณีที่สหรัฐและสหภาพยุโรปใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกดดัน หรือเหตุการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอย่างมากเมื่อปี 2557 กระทบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศอย่างเห็นได้ชัด
ประเด็นการลดบทบาทการส่งออกพลังงานจึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลรัสเซียพูดคุยกันมานาน เพราะเห็นตรงกันว่าประเทศกำลังพึ่งพารายได้ส่วนนี้มากเกินไป
ถ้าไม่พึ่งรายได้จากพลังงานแล้วจะไปซบไหล่ธุรกิจอะไร? นี่อาจไม่ใช่คำถามที่ยากนักสำหรับรัสเซียที่เป็นเจ้าธุรกิจระดับโลกอยู่หลายอย่าง ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่น่าสนใจเช่น “ธัญพืช” นอกจากจะเป็นผู้นำวงการพลังงานโลกแล้ว รัสเซียยังเป็นผู้ส่งออกธัญพืชอันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย
หากเปรียบเทียบสินค้าส่งออกทั้งหมดของรัสเซีย การส่งออก “ธัญพืช” มีมูลค่าเป็นรองเพียงเชื้อเพลิงและเหล็กเท่านั้น ปีที่แล้วรัสเซียมีผลผลิตสูงถึง 120.3 ล้านตัน ส่วนปีนี้กระทรวงเกษตรของรัสเซียคาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวธัญพืชได้มากกว่าเดิมถึง 122.5 ล้านตันเลยทีเดียว
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ผลผลิตผลิตทางการเกษตรของรัสเซียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มากกว่าร้อยละ 20 ในช่วงเวลาดังกล่าว รวมทั้งราคาที่น่าดึงดูดใจ ส่งให้รัสเซียกลายเป็นผู้ส่งออกธัญพืชอันดับต้นของโลก
การเติบโตของอุตสาหกรรมธัญพืชของรัสเซียเป็นที่น่าจับตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ข้าวสาลี” ที่ส่วนแบ่งในตลาดโลกเพิ่มขึ้นมา 4 เท่าในช่วงเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา และกลายมาเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีอันดับหนึ่งของโลกได้ในปัจจุบัน โดยมีลูกค้าใหญ่เช่น ตุรกี อียิปต์ และบัลคลาเทศ ในช่วงปีการเก็บเกี่ยว 2561-2562 รัสเซียส่งออกข้าวสาลีไปทั้งหมด 35 ล้านตัน จากปริมาณการส่งออกธัญพืชทั้งหมด 43.3 ล้านตันในปีนั้น
แม้ในสถานการณ์โควิด-19 ปีนี้ ทางการรัสเซียออกประกาศควบคุมผลิตภัณฑ์ธัญพืชอย่างเข้มงวดจนถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กันไม่ให้ราคาสินค้าภายในประเทศพุ่งสูงขึ้น คุมเข้มการส่งออกธัญพืชบางชนิดเช่น ข้าวสาลี ข้าวไรย์ ข้าวบาร์เลย์ และข้าวโพด ไม่ให้เกิน 7 ล้านตันเท่านั้น ทว่าในภาพรวม เชื่อว่าไวรัสไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมนี้มากมายเท่าไหร่นัก
นอกจากน้ำมันและธัญพืชแล้ว ภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงก็มีการพัฒนาอย่างน่าสนใจ และยังเป็นน่าจะเป็นประเทศที่ร่ำรวยเพชรมากที่สุดในโลกด้วย โดยมีแหล่งเพชรสำคัญอยู่ในพื้นที่ภูมิภาคไซบีเรีย
นอกจากกระแสการเมืองโลกที่จะเข้ามากระทบต่อธุรกิจพลังงานของรัสเซียแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าจะเข้ามาสร้างผลกระทบที่น่ากลัวต่อเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตอันใกล้คือกระแส “พลังงานสะอาด” ที่ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลง
ปีที่แล้ว กระทรวงการคลังของรัสเซียประกาศว่าจะทำให้สัดส่วนรายได้จากน้ำมันและแก๊ซของประเทศค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่คาดว่าในช่วงปีสองปีนี้ รายได้จากพลังงานก็ยังน่าจะยังอยู่ในระดับ 1 ใน 3 ของรายได้รวมของประเทศอยู่ดี หากจะให้เห็นผลของความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด อาจจะต้องรอดูกันไปยาวๆ อีก 10-15 ปีข้างหน้า
** พบกับ คอลัมน์ “หลังกล้องไซบีเรีย” ทุกวันอาทิตย์ ทุกช่องทางออนไลน์ของ “ฐานเศรษฐกิจ" **
Bio นักเขียน : “ยลรดี ธุววงศ์” อดีตนักข่าวที่ผ่านสนามข่าวทั้งในและต่างประเทศ จากสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ และ Spring News ปัจจุบันเป็นนิสิตปริญญาโทอยู่ในส่วนที่หนาวเย็นที่สุดของประเทศรัสเซีย