เขาจูบกันแน่แล้ว เขา...กันแน่แล้ว

เขาจูบกันแน่แล้ว

เขา...กันแน่แล้ว
 

     “โห่ฮิ้วโห่ ฟังเสียงคนโห่ ใกล้ใกล้...จากเครื่องไฟของคนบ้านใต้ แต่งกัน
     เจ้าสาว คือเพื่อนเราหนอ....เจ้าบ่าวรูปหล่อ นั้นเคยเป็น แฟนฉัน
     คนถูกแย่งแฟน เอาไป....นอนฟังเครื่องไฟ หัวใจมันสั่น
     เสียงแขกมากล่าว เชิญเจ้าบ่าวดังลั่น...แล้วแขกคนเก่า เชิญเจ้าสาวอวบอั๋น
     แล้วให้ทั้งสอง หอมกัน...เขาจูบกันแน่แล้ว เขาหอมกัน แน่แล้ว!”

     นังบ่าง นังชะนี และอีเห็น พาเหรดกันขึ้นรถเห่ ร้องเพลงนอนฟังเครื่องไฟ ดังลั่นสนั่นไปทั้งพระราม 9 ยันราชดำเนินว่า มติของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันที่ 8 มิ.ย.2563 ที่เห็นชอบหลักการการปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ก่อนให้เกิดการ จูบ การลูบ การหอมกันสนั่นปฐพี

     เพราะแผนฟื้นฟูใหม่ ขสมก. ที่ต้องสะสางภาระหนี้สิน 127,786 ล้านบาท และขอเงินอุดหนุนค่าบริการเชิงสังคม (PSO) จำนวน 7 ปี ในวงเงิน 9,674 ล้านบาท เพื่อจัดการผลขาดทุนเดือนละ 360 ล้านบาท เฉพาะดอกเบี้ยปาเข้าไปเดือนละ 233 ล้านบาท ผ่าน 5-6 ยุทธวิธีที่กระทรวงคมนาคมเสนอไปนั้น “มีช่องแมวลอด” เกิดขึ้นแล้วเจ้าข้าเอร้ย!

      หนึ่ง การจัดหารถโดยสารปรับอากาศใหม่ 2,511 คัน จากการซื้อและเช่า เป็นการจ้างวิ่งตามระยะทาง
     สอง ปรับปรุงเส้นทางเดินรถ ไม่ให้ทับซ้อน
     สาม การเปลี่ยนค่าโดยสาร จาก 15-20-25 บาท ตามระยะทาง เป็น 30 บาท/วัน ไม่จำกัดเที่ยว เป็นต้น
     สี่ ขอให้ขสมก.เช่ารถโดยสารไฟฟ้า (EV) จำนวน 2,511 คัน
     ห้า จ้างเอกชนเดินรถบริการ (NGV) จำนวน 1,500 คัน
     หก ขอจัดสรรงบประมาณ ประจำปี 2565 สำหรับโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด จำนวน 5,301 คน วงเงิน 4,560 ล้านบาท

     นังบ่างบอกว่า แผนฟื้นฟูใหม่ของเจ้าสาว ขสมก.นั้น แว่วว่า จะมีการปรับปรุงเส้นทางเดินรถจาก 269 เส้นทาง เหลือ 162 เส้นทาง เพื่อไม่ให้ทับซ้อน โดย ขสมก.จะจัดหารถ EV 2,511 คัน ในรูปแบบการจ้างวิ่งจ่ายค่าเช่าตามระยะทาง โดยที่เอกชนต้องรับภาระค่าเชื้อเพลิง ค่าซ่อมบำรุงทั้งหมด และจะเลือกรายที่เสนอค่าจ้างวิ่งต่ำสุด

     ปรากฏว่า มีเจ้าบ่าว รูปหล่อ มาจัดการแบบเบ็ดเสร็จ

     จัดการอย่างไรนะรึพ่อพราน มาดูที่ประชุมผู้ประกอบการรถร่วมเมื่อวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2563 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมสำนักงานใหญ่ของ ขสมก. ผู้ประกอบการรถร่วมไปพรึ่บ...เกือบ 30 บริษัท ดูได้จากเอกสารแนบ

     บรรดาผู้ประกอบการรถร่วมพร้อมที่จะรับจ้างวิ่งโดยเสนอค่าเช่าในการวิ่งรถกิโลเมตรละ 30 บาท ซึ่งถูกกว่าต้นทุนของขสมก.เองที่มีต้นทุนการบริการอยู่กิโลเมตรละ 50 บาท

แต่ปรากฏว่า ทางขสมก.แจ้งว่าจะตัดสิทธิ์บรรดารถร่วม โดยจะจ้างกลุ่มบริษัทที่ได้ใบอนุญาตจากกรมขนส่งทางบกแทน....โดยบอกว่าต้องเป็นรถเมล์ไฟฟ้า หรือ NGV ต้องเป็นรถใหม่หรือมีอายุไม่เกิน 2 ปี ติดตั้งไวไฟ จีพีเอส ต้องวางหลักประกัน 5-10%

     อะแฮ่ม! เจ้าบ่าวว่า รสชาติของรถทั่วไปหอมกว่า ดีกว่า แม้ว่ารถที่ได้รับใบอนุญาตจากกรมขนส่งทางบกเสนอค่าจ้างแพงกว่าโดยคิดค่าจ้างกิโลเมตรละ 34.27 บาท
     
     ฮั่นแนะ....คิดไม่ออกสิ มาดูผลการศึกษาของทีดีอาร์ไอ และ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจร.) พบว่า การเดินรถของขสมก.ในช่วงที่ผ่านมาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 240 กม./คัน/วัน...ถ้าคิดกิโลเมตรละ 34.27 บาทจะเท่าไหร่เนี่ย

     แอนแอ่นแอ๊น...เท่ากับว่าจะต้องจ้างวันละ 8,224 บาท/คัน/วัน

     แต่ถ้าใช้รถร่วมเขาจะคิดแค่กิโลเมตรละ 30 บาท เท่ากับว่าต้องจ่ายค่าจ้างเดินรถวันละ 7,200 บาท/คัน/วัน แพงกว่าคันละ 1,024 บาท/คัน/วัน

     แล้วรู้มั้ยว่าวันหนึ่งเขาจะจ้างวิ่งกี่คัน? ถ้าตามแผนคือต้องจัดหารถโดยสารปรับอากาศใหม่ 2,511 คัน มาจ้างวิ่งตามระยะทาง

     เจ้าบ่าวรูปหล่อ สามารถบริหารจัดการเงินค่าจ้างการวิ่งรถได้มากถึงวันละ 20 ล้านบาท เดือนละ 619 ล้านบาท ปีละกว่า 7,434 ล้านบาท ตุแล่ม ตุแล่ม ตุแล่ม

     เจ้าบ่าว สามารถบริหารส่วนต่างของราคาระหว่างรถร่วมกับรถมีใบอนุญาตขนส่งที่รับจ้างวิ่งวันละ 2.57 ล้านบาท เดือนละ 77 ล้านบาท ปีละ 925 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ

     มากกว่าที่สถาบันการศึกษาทั้ง 2 แห่งประเมินว่าจะมีต้นทุนค่าจ้างวิ่งประมาณปีละ 4,000 ล้านบาท/ปี เสียอีกพ่อพรานเอ๋ย!

     เขาจูบกันแน่แล้ว เขา...กันแน่แล้ว!