CP กับก้าว ที่จะกินรวบ สภาวิชาชีพบัญชี

14 ส.ค. 2563 | 23:00 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 2601 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 16-19 ส.ค.2563 By…เจ๊เมาธ์

CP กับก้าว

ที่จะกินรวบ

สภาวิชาชีพบัญชี
 

    *** การที่ประเทศรัสเซียจดทะเบียนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้เป็นประเทศแรกของโลก แม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านว่าเป็นวัคซีนที่ไม่สมบูรณ์แบบและยังไม่ผ่านกระบวนการทดสอบและรับรองอีกหลายขั้นตอน แต่วัคซีนนี้ก็ส่งผลกระทบไปหลายอย่าง ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ และเรื่องการเมือง โดยเฉพาะการเมืองที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ...นั่นก็เพราะว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็หมายมันปั่นมือที่จะให้สหรัฐเป็นผู้ค้นพบและจดทะเบียนวัคซีนป้องกันโรคโควิดเป็นประเทศแรกของโลก ทั้งนี้ ก็เพื่อจะได้ดึงความเชื่อมั่นและคะแนนความนิยมของประชาชนกลับมา เพื่อทำให้ทรัมป์สามารถชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี หลังจากที่คะแนนความนิยมตามหลัง โจ ไบเดน อยู่ค่อนข้างมาก
 

    *** ส่วนผลกระทบของการจดทะเบียนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่ เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ ผลกระทบกับราคาทองคำในตลาด COMEX ที่ปรับราคาลงอย่างรุนแรงจากราคาที่สูงกว่า 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ลงไปอยู่ต่ำกว่า 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกก็ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากตลาดคลายความวิตก จนนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ...หันกลับมาถือสินทรัพย์ให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีขึ้น
 

    *** ราคาหุ้นของ AOT วิ่งสวนทางกับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/63 ซึ่งขาดทุนไป 2,933.9 ล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจากความเชื่อที่ว่าราคาหุ้นของ AOT ปรับลงมาอยู่ในจุดที่ราคาหุ้นต่ำที่สุดแล้วนั่นเอง ในขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยเสริมจากเรื่องที่สหภาพยุโรป ได้ประกาศให้ประเทศนอกยุโรป สามารถเดินทางเข้าไปได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีประเทศไทยด้วย ซึ่งหมายความว่าถ้ามีการเปิดดำเนินการสายการบินที่เป็นปกติทาง AOT ก็จะมีรายได้จากผู้ที่เดินทางระหว่างไทย-ยุโรป นั่นเอง ยังไงก็ตามแต่ ...ในมุมมองของเจ๊เมาธ์ เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้นนะคะ เพราะตราบใดที่มาตรการรักษาความปลอดภัยจากโควิด-19 ที่ให้ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศจะต้องเข้ารับการกักตัว 14 วัน ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ของการเดินทาง ในขณะที่เจ๊เมาธ์เองก็ยังมองว่าไตรมาสที่ 3/63 ผลการดำเนินงานของ AOT ก็ยังอยู่ในสภาพ “ลูกผีลูกคน” หรือจะบอกว่า AOT จะยังขาดทุนต่อเนื่องต่อไปอีกไตรมาสก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะตอนนี้ก็ปาเข้าไปครึ่งทางของไตรมาสที่ 3/63 แต่ยังไม่มีวี่แววว่าสายการบินต่างๆ จะสามารถกลับมาเปิดทำการได้อย่างปกติซะที เอาเป็นว่าถ้าชอบก็ไม่ว่ากันนะคะ ...แต่ถ้าจะให้ดีก็ดูจังหวะให้ดีด้วยก็แล้วกันค่ะ เจ๊เมาธ์เป็นห่วงค่า

    *** JMART พ่วงด้วยบริษัทลูกอย่าง JMT และ SINGER กลายเป็นโมเดลทางธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จหลังจากที่ทั้ง 3 บริษัทล้วนแล้วแต่มีกำไรจากธุรกิจที่เอื้อถึงกัน นั้นคือในฝั่งของ JMART และ SINGER รับหน้าที่เป็นฝั่งของการปล่อยสินเชื่อและการขาย ในขณะที่ทาง JMT ทำหน้าที่เป็นบริษัททวงหนี้และขายสินทรัพย์ที่ได้มาจากการบริหารหนี้  การจัดการธุรกิจมันก็ต้องแบบนี้หละค่า เอ...หรือจะเรียกว่า “อัฐยายซื้อขนมยาย” ก็ไม่รู้นะคะ เอาเป็นว่าบริษัทมีกำไรก็แล้วกันค่ะ
 

    *** มาทางหุ้นขายยางพาราอย่าง NER ของ “เสี่ยชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์” กันบ้าง รายนี้ราคาหุ้นถูกไล่ขึ้นมาด้วย Story เรื่องผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ที่จะทำนิวไฮ จนเหล่ามีเหล่าแมงเม่าจำนวนมากเข้ามาเล่นไฟ...จนราคาหุ้นไต่ขึ้นมาจากสองบาทกว่าๆ จนถึงสี่บาทกว่า ถึงแม้ว่ากำไรจะเป็นไปตามเป้าและไม่ได้ทำให้ใครผิดหวัง แต่ราคาหุ้นของ NER ก็ยังถูกเทเพราะ Sell on Fact จนได้นะคะ ยังไงก็ตาม NER ยังเป็นบริษัทที่มีอนาคตที่ดี...เพราะอย่างน้อยก็มีค่า P/E เพียงแค่ 11-12 เท่าแค่นั้น ถ้าไม่รีบมากเกินไปก็หาจังหวะสะสมได้นะคะ เด่วย่อๆๆ ไปอีกสักพัก...ก็เข้าที่เองค่ะ
 

    *** ในช่วงเวลาที่ผ่านมาหุ้นอิเลคทรอนิคส์สองรายคือ KCE และ HANA ถูกดันขึ้นมาเรื่อยๆ ตามหลังหุ้นอิเลคทรอนิกส์รุ่นใหญ่อย่าง DELTA ที่แจ้งผลการดำเนินงานออกมาก่อนและมีกำไรก่อน ในขณะที่ทาง KCE และ HANA ต่างก็มีนักวิเคราะห์ออกมา คาดหมายเรื่องกำไรจากผลการดำเนินงาน 2/63 ไปต่างๆ นาๆ บ้างก็ว่า KCE อาจจะขาดทุน ในขณะที่ทางด้านของ HANA ก็น่าจะทำได้อย่างดีก็แค่หลุดพ้นจากการขาดทุนไปนิดหน่อยเท่านั้น แต่พอถึงเวลาประกาศผลออกมาจริงๆ KCE กลับยังมีกำไร ในขณะที่ทางด้านของ HANA กลับมีกำไรมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 22% ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้ต้องกลับมามองว่า ผลการวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ก็ไม่ได้แม่นยำอย่างที่ควรจะเป็นนะคะ เจ๊เมาธ์ก็ได้แค่หวังว่าคงจะเป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่พลาด ...เพราะถ้าพลาดเยอะหรือมากเกินไป มันก็ไม่ไหวเหมือนกันค่ะ

    *** ถ้าจะไม่ให้คิดว่ามันมีอะไรตะหงิดๆ ซ่อนอยู่ในวาระการเลือกนายกสภาวิชาชีพบัญชีคนใหม่ ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ เพราะในช่องว่างของสองทีมที่ลงสนามเลือกตั้งระหว่างทีมงานของ จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล นายกสภาวิชาชีพบัญชีคนปัจจุบัน ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลัง และรองประธานกรรมการคนที่ 2 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีทีมงานจากหลากหลายองค์กรกระจายกันไป กับทีมของ วรวิทย์ เจนธนากุล อุปนายกคนที่สอง และประธานคณะกรรมการวิชาชีพบัญชี ด้านการบัญชีบริหาร ในคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีชุดปัจจุบัน และปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริหาร และรองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF
 

    *** ในทีมของ วรวิทย์ เจนธนากุล นอกจากจะมีบุคลากรจากหลากหลายองค์กร แต่ก็ยังมีการสอดไส้พ่วงเอาทีมงานที่มาจากบริษัทในเครือของ “เจริญโภคภัณฑ์” เข้ามาด้วยอีกถึง 6 คน ได้แก่ ฉัตรชัย วิไลรัตนสุวรรณ ปัจจุบันทำงานที่บริษัท ซีพีแรม จำกัด หนึ่งในเครือเจริญโภคภัณฑ์ เฉลิมชนม์ กุณฑลวรรณ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF สุภาณี ศรีสถิตวัตร ปัจจุบันทำงานที่บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF  เยาวลักษณ์ ชาติบัญชาชัย อดีตพนักงานบริษัท อีวาย คอร์ปอเรท เซอร์วิสเซส จำกัด และเคยเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการบรรษัทภิบาลของ บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) หรือ CPALL
 

    *** เรื่องนี้คงจะไม่แปลก หรือน่าสนใจอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะอำนาจหน้าที่ของนักบัญชีที่เกี่ยวข้องอยู่กับเรื่องของผลประโยชน์จำนวนมหาศาล และก็จะไม่น่าแปลกใจถ้าทีมงานของ วรวิทย์ ไม่ได้มาจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่มีผลประโยชน์หรือเงินเป็นจำนวนนับล้านล้านบาทเข้ามาเกี่ยวข้อง
 

    *** นี่เครือเจริญโภคภัณฑ์กำลังคิดจะทำอะไรกันนะ จึงต้องการที่จะเข้ามายึดสภาวิชาชีพบัญชี ...องค์กรที่เกี่ยวพันถึงการตรวจสอบเงินจำนวนมหาศาล เจ๊อยากรู้จริงๆ