พลังนศ.ต้องไม่เรียกร้องจนสุดโต่ง

11 ส.ค. 2563 | 12:15 น.

พลังนศ.ต้องไม่เรียกร้องจนสุดโต่ง : คอลัมน์ฐานโซไซตี้ ฐานเศรฐกิจ ฉบับ 3600 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 13-15 ส.ค.2563 โดย...กาแฟขม

 

พลังนศ.ต้องไม่เรียกร้องจนสุดโต่ง
 

     *** ครม.ประยุทธ์ 2/2 มาแล้ว ไม่มีเวลาฮันนี่มูน แม้แต่วันเดียว เมื่อธุรกิจเอสเอ็มอี ทะยอยล้มหายตายจากไม่เว้นแต่ละวัน โจทย์สำคัญของ ปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีคลังคนใหม่ และ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ที่เป็นความหวังในการกอบกู้วิกฤติ จะกระตุกกระตุ้นอย่างไร โดยเฉพาะหนี้ก้อนมหึมา 1.75 ล้านล้านบาท ที่เสี่ยงเป็นหนี้เสียก้อนใหม่ ใส่รวมกับก้อนเดิม 5.45 แสนล้าน มันทะลักทะลายมหาศาลเป็นระเบิดเวลาที่รอวันถอดสลัก
 

     *** ไม่ใช่เรื่องเคราะห์ซ้ำกรรมซัด แต่ทุกอย่างมาจากเหตุปัจจัย มีความเป็นไป เป็นมาทั้งสิ้น เมื่อผลสำรวจโพลล์(ลับ)แบบไม่เป็นทางการคะแนนนิยมของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ตกลงแบบรูดทะราด จนพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย แซงนำไปหมดแล้ว ขณะที่ นายกฯประยุทธ์ ได้รับคะแนนนิยมพุ่งหลังแก้โควิด-19 จนได้รับเสียงชื่นชมไปทั้งโลก แต่ช่วงเวลาประเดี๋ยวเดียวกลับตกวูบวาบ หลุดร่วงเช่นเดียวกัน เหมือนที่เขาว่าเวลาขึ้นๆ บันได แต่ขาลงนี่ลงลิฟท์อย่างรวดเร็ว หลังจากมีการปรับครม.แล้วไม่ปังๆ แต่กลับกลายเป็นงั้นๆ แต่จะว่าไปทำยังไงได้ คนดี เก่ง ไม่อยากมาร่วม เพราะไม่รู้จะได้รับการปกป้องแค่ไหน มาแล้วโดนโขกสับก็รอวันพังพาบ กลายเป็นไปซ้ายก็ติด ไปขวาก็สะดุด เรือแป๊ะส่ออาการจะไม่ไหว

     *** วิกฤติศรัทธามาเร็ว หลายเรื่องประดังปนเปผสมผสาน ศึกนอกศึกใน จากนี้ไปต้องจับตามองกันแบบไม่กระพริบตา เมื่อนักศึกษาเคลื่อนไหวแก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภา ถ้าบริหารสถานการณ์ไม่ดีก็มีแต่วันถอยหลัง ย้อนดูประวัติศาสตร์จะเห็นอนาคต การเคลื่อนไหวของม็อบนักศึกษาสะสมกำลังเรื่อยจะกลายเป็นไฟกองใหญ่ขึ้นๆ ถ้าใช้วิธีการแก้ปัญหาแบบกำปั้นเหล็ก อันเป็นที่นิยมของกลุ่มอำนาจนิยม จะนำพาไปสู่ความจ่อมจมแบบกู่ไม่กลับ ต้องฟังเสียงพวกเขาบ้าง เขาต้องการอะไร ที่มันอึดอัดคับข้องใจ อย่าไปคิดข้างเดียวว่ามีเบื้องหน้า เบื้องหลังแอบแฝงของกลุ่มก๊วนการเมืองถ่ายเดียว ว่าแต่นักศึกษาเองต้องไม่เรียกร้องในประเด็นที่สุดโต่งเกินไปชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินหาได้ไม่ เพราะข้อเรียกร้องรังแต่จะตัดหนทางแนวร่วมออกไป สังคมไทยกำลังเดินทางมาถึงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ที่ต้องคิดกันให้หนักจะเดินฝ่าพายุร้ายกันอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ต้องไม่ตัดสินกันความรุนแรงและไม่มีใครปรารถนาให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายอีกแล้ว
 

     *** เรื่องกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นที่ส่อเค้าอำพราง เป็นเรื่องที่สังคมยากจะรับ คดีดัง ผู้ต้องหามีฐานะ ที่คดีไม่ไปถึงศาล แค่นายกฯบอกไม่โอเคอย่างเดียวหาได้ไม่ รูปธรรมต้องมี คนผิดต้องถูกลงโทษ สังคมเดียวกันต้องใช้กฎหมายแบบเสมอภาค ใครเข้าด้วยช่วยเหลือพลิกแพลงผลแห่งคดีอย่างไร ก็ต้องไม่ลอยนวลเสวยสุข ต้องชำระสะสาง ไม่ให้เกิดความอุกอั่งคุมแค้นในสังคมแบบสั่งสม เมื่อปะทุขึ้นเมื่อไรก็บรรลัยเมื่อนั้น ทั้งที่สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการอภัย ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจนเกินไป แต่ก็เช่นกันงานนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ ส่วนจะเป็นใคร จะเป็นกลุ่มคนหรือตัวบุคคลก็ต้องเดินกันให้สุด ข้อเท็จจริงมีอยู่จริงต้องพิสูจน์ให้ได้ อย่าให้กลายเป็นไปตามเสียงนินทากันอึงมี่ทั่วทั้งพารา ไม่รู้จะฝากความหวังไว้ที่ใคร
 

     *** ไปที่อเมริกา เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางไปเยี่ยมบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเวิร์ดพูล รัฐโอไฮโอ ตรวจเยี่ยมธรรมดาไม่เป็นไร หากไม่มีการปราศรัยออกมา คู่แข่งของเวิร์ดพูลไม่ต้องการแข่งขันบนพื้นฐานของความเท่าเทียมและหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ โดยย้ายสายการผลิตไปยังไทยและเวียดนามที่ถือเป็นมิตรกับสหรัฐ แต่ถามว่าทั้ง 2 ประเทศได้ประโยชน์จากสหรัฐหรือไม่ ทรัมป์ย้ำว่า Not so much anymore พูดให้ชัดๆ ก็คือคงไม่อีกต่อไปแล้ว แทบไม่ต้องตีความทรัมป์ทิ่มไปยังจีนที่ย้ายฐานการผลิตเพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้าตรงๆไปยังไทยกับเวียดนาม แน่นอนหลังจากนี้สหรัฐคงจับตามองเวียดนาม โดยเฉพาะไทยอย่างเข้มข้น ส่งออกของไทยที่พังพาบไม่เป็นท่าอยู่แล้ว ก็ยิ่งทรุดซ้ำเข้าไปใหญ่ ต้องระวัง ผู้ส่งออกก็ต้องจับตาสถานการณ์ใกล้ชิด หาทางหนีทีไล่เผื่อเอาไว้บ้าง