สังคมต้องการ นำคดี “บอส อยู่วิทยา” ขึ้นสู่ศาล

02 ส.ค. 2563 | 02:00 น.

สังคมต้องการ นำคดี “บอส อยู่วิทยา” ขึ้นสู่ศาล : คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3596 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 2-5 ส.ค.2563 โดย... ว.เชิงดอย

สังคมต้องการ นำคดี “บอส อยู่วิทยา” ขึ้นสู่ศาล
 

     SvS....กำลังเป็นข่าวใหญ่ ข่าวดัง ทำเอาสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้ง สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) และ สำนักงานตำรวจแห่ชาติ (สตช.) ช่วงเวลานี้ คงหนีไม่พ้น คดี วรยุทธ อยู่วิทยา หรือ ตามที่สื่อมวลชนจะเรียก ทั้ง “บอส อยู่วิทยา” บ้าง “บอส กระทิงแดง” บ้าง ทายาทเจ้าสัวเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ที่ซิ่งเฟอร์รารี่หรูชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อหลายปีก่อน เมื่อ “อัยการสูงสุด” โดย เนตร นาคสุข อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูง ขณะรักษาการรองอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา “บอส อยู่วิทยา” ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 ขณะที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ได้ลงนามไม่แย้งคำสั่งของพนักงานอัยการที่มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีอาญา พร้อมทั้งมีการถอนหมายจับในทุกคดี คดีของ “บอส อยู่วิทยา” ก็เรียบร้อยโรงเรียนอัยการสูงสุด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไป
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิด 7 เหตุผล อัยการสั่งไม่ฟ้อง “บอส อยู่วิทยา”
รื้อคดี “บอส อยู่วิทยา” ความหวังอยู่ที่ “หลักฐานใหม่”
ศรีสุวรรณจี้ ป.ป.ช.เอาผิดตำรวจ สั่งไม่ฟ้องมีโคเคนจากทำฟัน“บอส อยู่วิทยา”
ชูวิทย์ ชี้ "คดีบอส อยู่วิทยา" เรื่องมันจบไปแล้ว


     SvS....แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะคดีนี้ได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับสังคมเป็นอย่างมาก จนนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้าวขวาง ว่า “คุกมีไว้ขังคนจน” อันเป็นแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมของไทย ก่อให้เกิด “วิกฤติศรัทธา” ขึ้นกับ 2 องค์กร จนต้องมีการตั้ง “คณะกรรมการ” ขึ้นมา 3 ชุด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และหาคำตอบเพื่อชี้แจงกับสังคม ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตั้งขึ้น โดยมี “วิชา มหาคุณ” เป็นประธาน ว่ากันว่า เป็นการ “ซื้อเวลา” เพื่อลดกระแสร้อนแรงของสังคมหรือเปล่าไม่รู้ ... แต่สิ่งที่สังคมต้องการก็คือ อยากเห็นการนำคดี “บอส อยู่วิทยา” ขึ้นสู่ศาล เพื่อให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัยตัดสิน

     SvS....แต่นี่กลับเป็นการ “ตัดตอน” โดย “อัยการสูงสุด” สั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องทุกคดี และ “ตำรวจ” ก็ “เออออห่อหมก” ด้วย โดย พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาแถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ สตช.ตั้งขึ้นว่า ความเห็นไม่แย้งคำสั่งของอัยการในคดีถือว่าคดีสิ้นสุดแล้ว ไม่สามารถแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงความเห็นได้อีก ส่วนการพิจารณาความเห็นที่อัยการส่งมานั้น เป็นการพิจารณาความถูกต้องในข้อกฎหมาย และดูข้อเท็จจริง ทางตำรวจไม่มีอำนาจตรวจสอบความเห็นของอัยการหรือขอให้อัยการอธิบายเหตุผลของการสั่งคดีได้ เพราะเป็นการถ่วงดุลอำนาจในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ จะทำหน้าที่สืบหาข้อเท็จจริงว่า การใช้ดุลพินิจของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะรื้อฟื้นหรือสืบสวนเพิ่มเติม เพราะคดีผ่านชั้นสืบสวนของตำรวจมาแล้ว ขณะที่ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผบ.ตร. บอกว่า คดีนี้แม้ทางกระบวนการของตำรวจจะเสร็จสิ้นลงแล้ว แต่ครอบครัวผู้เสียหาย ยังสามารถฟ้องร้องคดีต่อศาลได้เองตามกระบวนการยุติธรรม...เห่อ เห่อ เห่อ มีการเจรจาจ่ายค่าเสียหายให้กับ ญาติ “ผู้เสียหาย” ไปแล้ว แม้ญาติผู้เสียหายไม่ได้เงินตามที่ต้องการ แต่ก็มีการยอมความว่าจะไม่ “ติดใจ” เอาความ แล้วอย่างนี้ใครจะกล้าไปฟ้องล่ะท่านตำรวจทั้งหลาย...
 

     SvS....ไม่รู้เป็นการปัด “เผือกร้อน” หรือเปล่า ต่อกรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ออกมาพูดว่า ไม่ได้เป็นผู้ใช้ดุลยพินิจ หรือได้รับแจ้งจาก พล.ต.ท.เพิ่มพูนชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่าจะมีความเห็นอย่างไรในกรณีดังกล่าว และตลอดการดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.มา 5 ปี ก็ไม่เคยเห็นสำนวนคดีนี้ผ่านตา เนื่องจากได้มอบหมายให้รองผบ.ตร. รับผิดชอบไปแล้ว พอเมื่อถูกถามว่าจนถึงขณะนี้ยังสามารถกลับความเห็นเป็นแย้งอัยการได้หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ตอบว่า “ไม่ได้รู้เรื่องกฎหมายมากขนาดนั้น ยังรู้สู้นักกฎหมายไม่ได้ จึงไม่สามารถแสดงความเห็นว่ายังสามารถเปลี่ยนแปลงการใช้ดุลยพินิจในครั้งนี้ได้หรือไม่”

     SvS....อ่าว... จู่ๆ ก็มีข่าว จารุชาติ​ มาดทอง อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นพยาน​ 1 ใน 2 คน ที่ให้การว่า วรยุทธ อยู่วิทยา​ ขับรถไม่เกิน 80 กม./ชม. จนทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต​ที่เชียงใหม่ เมื่อเช้ามืดวันที่ 30 ก.ค.2563 โดย พ.ต.อ.รณชัย รอดลอย ผกก.สภ.ภู​พิงค์ราช​นิเวศน์​ ให้ข้อมูล พร้อมกับเปิดเผยคลิปวงจรปิดขณะเกิดอุบัติเหตุ​ในคลิป​วงจรปิด​เป็นถนนห้วยแก้ว ต.สุเทพ อ.เมือง​เชียงใหม่ ขาเข้าคูเมืองเชียงใหม่​ ในภาพเห็​นมีรถจักรยานยนต์​ 2 คัน ขับขี่ตามกันมาจนถึงจุดเกิดเหตุ​รถจักรยานยนต์​คันหลังได้ขับชนคันหน้า แล้วแฉลบเสียหลักล้มไปชนขอบเกาะกลางถนน ตำรวจบอกว่า เหตุเกิด​เมื่อเวลา 01.40 น. โดยลักษณะเป็นทางด้านของ จารุุชาติ​ ขี่รถจักรยานยนต์​ ​ตามรถจักรยานยนต์​คู่กรณี หลังจากนั้นจารุ​ชาติ พยายาม​ขับแซงคู่กรณี​ และเกิดการเฉี่ยวชน โดย จารุชาติ เป็นผู้ชนท้าย แล้วเกิดการแฉลบเสียหลักล้มไปชนกับขอบฟุตบาท​ ทำให้ศีรษะของ จารุชาติ​ ไปกระแทกฟุตบาท เจ้าหน้าที่​กู้ภัย​ได้ให้การช่วยเหลื​อ ก่อนที่ จารุชาติ​ จะไปเสียชีวิต​ที่โรงพยาบาล​ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบระดับแอลกอฮอล์​ทั้งในตัว จารุชาติ และคู่กรณี ​พบมีแอลกอฮอล์​ทั้งคู่​ โดยคู่กรณี​ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย…อ่านแล้วคิดเห็นกันอย่างไรครับเรื่องนี้ แต่ “ว.เชิงดอย” แปลกใจว่าทำไมถึงได้มาเกิดอุบัติเหตุจนถึงขั้นเสียชีวิต เอาช่วงนี้ มันแปลกมั้ยหล่ะ?
 

     SvS....วันนี้ร่ายยาวว่าด้วยเรื่องคดี “บอส อยู่วิทยา” เรื่องเดียวล้วนๆ เพราะเป็น “คดีดัง” อยู่ในความสนใจของสังคมที่ไม่ใช่เฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น แม้แต่ “ต่างประเทศ” ก็ให้ความสนใจเรื่องนี้ สนใจว่า “กระบวนการยุติธรรมของไทย” แทรกแซงได้ หากรวย มีเงิน ...ถือเป็นภาระหนักของผู้ที่เกี่ยวข้องที่จะทำ “ความกระจ่าง” ในเรื่องนี้ออกมา เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีกระบวนการยุติธรรมไทย ที่เสียหายป่นปี้ไปกับเรื่องนี้...