เมื่อหาบเร่แผงลอย กลายเป็นกลไก พลิกฟื้นเศรษฐกิจจีน (จบ)

09 ก.ค. 2563 | 07:00 น.

บทความ: เมื่อหาบเร่แผงลอยกลายเป็นกลไกพลิกฟื้นเศรษฐกิจจีน(จบ)

คอลัมน์ มังกรกระพือปีก

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,590 หน้า 5 วันที่ 9 - 11 กรกฎาคม 2563

โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน

 

เจดีดอตคอมก็เปิดแผน “ซิงซิงจือหั่ว” (Xingxing Zhihuo) หรือ “จุดประกายไฟ” สนับสนุนกิจการขนาดเล็กด้วยการจัดหาสินเชื่อปลอดดอกเบี้ยเพื่อการจัดซื้อสินค้าและบริการในมูลค่ารวมถึง 100,000 หยวน ซึ่งคาดว่าจะสร้างประโยชน์แก่ร้านสะดวกซื้อและกิจการหาบเร่แผงลอยราว 1 ล้านราย และยังจะช่วยสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานและบริการที่มีการจ้างงานกว่า 5 ล้านราย

 

ขณะเดียวกัน เทนเซ้นต์ เจ้าของวีแชต สื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมของจีน ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน โดยประกาศ “แผนการจุดพลุร้านขนาดเล็กแห่งชาติ” (National Small Shop Fireworks Plan) ที่ต้องการช่วยกิจการขนาดเล็กและขนาดจิ๋วในการปลดล็อกปัญหาอย่างเร่งด่วน และเพิ่มกำไรผ่านการผสมผสานระหว่างออฟไลน์และออนไลน์ การให้คำปรึกษาทางธุรกิจ และการสนับสนุนด้านการตลาด สวัสดิการ และการรับประกันธุรกิจ

 

เหม่ยถวนเตี่ยนผิง เจ้าพ่อวงการจัดส่งอาหารก็จัด “แคมเปญสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ” (Spring Wind Campaign) ที่จะช่วยร้านขนาดเล็กนับล้านรายด้วย 6 มาตรการ อาทิ สินเชื่อพิเศษ บริการห่วงโซ่อุปทาน และการฝึกอบรมเป้าหมาย รวมทั้งยังจะร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่นในการจัดหาบัตรกำนัลการบริโภคจำนวนราว 40 โครงการ และการช่วยนำทางผู้บริโภคไปสู่ร้านค้าให้สะดวกคล่องตัวอีกราว 60 โครงการ

 

นอกจากนี้ ซูหนิง ยักษ์ใหญ่วงการค้าปลีกในจีนก็ออก “แผนความเป็นหุ้นส่วนการเดินเล่นยามคํ่า” (Evening Stroll Partnership Plan) ที่จัดหากองทุนสตาร์ตอัพอัตราดอกเบี้ยตํ่ามูลค่า 2,000 ล้านหยวนแก่ผู้ค้าในตลาดเดินเล่นยามราตรีดังกล่าว

 

การขยับตัวอย่างพร้อมเพียงของภาครัฐและเอกชนในเรื่องนี้ทำให้ราคาหุ้นของธุรกิจที่เกี่ยวข้องพุ่งสูงขึ้นทันที อาทิ ผู้บริหารศูนย์การค้า ผู้รับบริหารการจัดงาน ผู้ผลิตร่มขนาดใหญ่สำหรับพื้นที่กลางแจ้ง และผู้ผลิตและดัดแปลงจักรยานยนต์ และรถยนต์เป็นรถอาหารเคลื่อนที่ 

 

ขณะเดียวกันพลังความคิดของคนรุ่นใหม่ก็นำไปสู่ธุรกิจรูปแบบใหม่ที่แหวกแนวและเต็มไปด้วยจุดขาย อาทิ สิ่งประดิษฐ์และงานศิลป์สุดสร้างสรรค์ ร้านกาแฟอารมณ์ศิลป์ที่มีนักวาดภาพคอยให้บริการแก่ลูกค้า ร้านถ่ายรูปกับภาพในฝัน และแม้กระทั่งที่ปรึกษาทางกฎหมายข้างถนน

 

พลังจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนกำลังส่งผลให้นโยบายหายเร่แผงลอยที่ไม่ค่อยมีคนสนใจมากนักในระยะแรกแสดงผลงานอย่างเป็นรูปธรรมในหลายด้าน จนผู้คนเริ่มพูดกันว่านโยบายนี้จะเป็นอีกกลไกหนึ่งที่ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจฐานรากของจีนในยุคหลังโควิด-19 ได้อย่างน่าทึ่ง  

 

มีคนหนุนเยอะ ...มีคนค้านแยะ

 

แต่ใช่ว่านโยบายดังกล่าวจะได้รับการตอบรับเท่านั้น เพราะในอีกด้านหนึ่งก็มีผู้คนออกมาวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความเห็นคัดค้านต่อนโยบายดังกล่าวป็นจำนวนมากเช่นกัน สื่อระดับชาติบางรายใช้ถ้อยคำแสดงความเห็นแย้งค่อยข้างรุนแรงจนชาวจีนเริ่มงงว่ารัฐบาลจีนกำลังส่งสัญญาณอะไรกันแน่ โดยครอบคลุมประเด็นการสวนทางนโยบายพัฒนาชุมชนเมือง การจราจร ประสิทธิภาพของนโยบายต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และอื่นๆ

 

อันที่จริง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนเมืองภายใต้การสร้างเมืองศิวิไลซ์ต้นแบบ จากเดิมที่หาบเร่แผงลอยและแรงงานผิดกฎหมายที่เคยโดนจัดระเบียบไม่ให้วางขายตามทางเท้าและให้อพยพออกนอกพื้นที่ภายใน 72 ชั่วโมง ตามลำดับ 

 

เมื่อหาบเร่แผงลอย กลายเป็นกลไก พลิกฟื้นเศรษฐกิจจีน (จบ)

 

พื้นที่ทางเท้าถูกจัดระเบียบใหม่จนคนไทยที่กลับไปเยือนครั้งแรกในรอบหลายปี สงสัยว่าบ้านเมืองของจีนทำไมจึงเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาดตาเช่นนี้ หาบเร่แผงลอยในถนนสายหลักหายไปจากทางเท้า พื้นที่จอดรถถูกคืนให้เป็นถนน ทำให้ปัญหารถติดพลอยมลายหายไป

 

 

แต่วันนี้รัฐบาลจีนกำลังดำเนินนโยบายเศรษฐกิจหาบเร่แผงลอย เพื่อชุบชีวิตหาบเร่แผงลอยและกิจการขนาดจิ๋วให้กลับมาช่วยฟื้นเศรษฐกิจจีนในยุคหลังโควิด-19 ที่ดูเหมือนจะสวนทางกับนโยบายพัฒนาชุมชนเมือง บ้างก็เปรียบเศรษฐกิจหากเร่แผงลอยเสมือนไดโนเสาร์ และการดำเนินนโยบายดังกล่าวถือเป็นการบอกลาจากการเติบโตที่มีคุณภาพสูง

 

ถึงขนาดผู้ประกาศข่าวของสื่อระดับชาติค่ายซีซีทีวี (China Central Television) ท่านหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า เศรษฐกิจหาบเร่แผงลอยดูจะไม่เหมาะกับเมืองเอกอย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ หากรัฐบาลนำเอาเศรษฐกิจหาบเร่แผงลอยกลับมาสู่เมืองเหล่านี้ ก็เสมือนเป็นการย้อนกลับสู่อดีตหนึ่งทศวรรตในชั่วข้ามคืน

 

ในทางปฏิบัติ นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจหาบเร่แผงลอยอาจประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสม เพราะหลายเมืองในหลายพื้นที่อาจไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องภาพลักษณ์ของเมือง และสิ่งอำนวยความสะดวก ยกตัวอย่างเช่น กรุงปักกิ่งซึ่งเป็นเสมือนเมืองตัวแทนของประเทศ หรือเซี่ยงไฮ้ที่กำหนดวิสัยทัศน์เป็นเมืองศิวิไลซ์ต้นแบบของโลก แถมในใจกลางเมืองฝั่งตะวันตกส่วนใหญ่ก็มีพื้นที่ทางเดินเท้าค่อนข้างแคบอีกด้วย 

 

นอกจากนี้ ยังมีผู้คนวิจารณ์เลยเถิดไปถึงการหมุนกลับของหลายนโยบายที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบาย “ลูกคนเดียว” ที่ในระยะแรกของการดำเนินนโยบายได้พยายาม “ล้างสมอง” ให้คนจีนปรับเปลี่ยนทิศนคติในการมีลูกจ ากการมุ่งเน้นในเชิงปริมาณ มาเป็นในเชิงคุณภาพ แต่หลังจากใช้นโยบายดังกล่าวมาราว 30 ปีนับแต่เปิดประเทศ รัฐบาลจีนก็ปรับเป็นนโยบาย “ลูกสองคน” และอาจเป็น “ลูกสามคน” หรืออาจปลดล็อกในเรื่องจำนวนการมีลูกของชาวจีนในอนาคต

 

ขณะเดียวกัน ก็มีหลายฝ่ายเห็นว่า การเปิดพื้นที่ให้เศรษฐกิจหาบเร่แผงลอยจำเป็นต้องเกิดควบคู่กับการจัดระเบียบในด้านอื่นๆ การขาดการจัดระเบียบที่ดีอาจนำไปสู่ปัญหาการจราจรและอาชญากรรม ก่ออันตรายแก่ผู้เดินเท้า และสร้างปัญหาเชิงสังคมตามมา ซึ่งจะบั่นทอนความงดงามของเมืองลง และอาจกระทบเชิงลบต่อภาพใหญ่ของการพัฒนาชุมชนเมืองในระยะยาว

 

ในด้านเศรษฐกิจ นักวิชาการบางส่วนให้ข้อคิดเห็นว่า เศรษฐกิจหาบเร่แผงลอยไม่ใช่ยารักษาแผลเศรษฐกิจที่มีอยู่ หรือเป็นคำตอบสุดท้ายของความมั่งคั่งด้านเศรษฐกิจในระยะยาว แต่มันจะเป็นเพียงการสร้างภาพลวงตาในด้านความมั่นคงด้านแรงงานให้แก่คนตกงานในเมือง แรงงานที่อพยพมาจากต่างพื้นที่ และผู้จบการศึกษาใหม่เท่านั้น 

 

ประการสำคัญ การดำเนินนโยบายดังกล่าวยังอาจจะทำให้เศรษฐกิจของจีนเสียศูนย์จากความพยายามในการเดินหน้าสู่การเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกที่จำเป็นต้องอาศัยความเอาจริงเอาจังในการพัฒนาด้านเทคโนโลยี

 

หลายคนสงสัยว่า ทำไมจีนจะเดินกลับไปสู่ธุรกิจที่ใช้แรงงานเข้มข้น และแสดงทัศนะว่า จีนไม่ควรกลับไปขายสินค้าในรูปแบบเดิม ในขณะที่จีนประสบความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานของเทคโนโลยีระดับสูง และนวัตกรรม ธุรกิจจีนในปัจจุบันสามารถขายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพผ่านระบบไลฟ์สตรีม (Livestream) ของแอพสื่อสังคมออนไลน์ เช่น โต่วอิน (Douyin) หรือติ๊กต็อก (TikTok) ของจีน 

 

 

แม้ว่านโยบายดังกล่าวจะมีกระแสคัดค้านอยู่มาก แต่รัฐบาลจีนก็ยังเดินหน้านโยบายดังกล่าวอย่างจริงจัง ภายใต้หลักการที่ว่า “ไม่มีนโยบายใดที่ให้ผลแต่เพียงด้าน  บวก” ซึ่งอาจสะท้อนว่าวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนอย่างรุนแรงในหลายระดับ 

 

รัฐบาลจีนจึงต้องงัดเอาอาวุธที่มีอยู่ออกมาใช้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายประเมินว่าการให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจหาบเร่แผงลอยจะเป็นเพียงนโยบายในระยะสั้นเท่านั้น แต่ด้วยประโยชน์ต่อเศรษฐกิจฐานรากเฉพาะหน้าและศักยภาพในระยาว รัฐบาลจีนก็อาจผลักดันการดำเนินนโยบายดังกล่าวให้นานพอที่จะช่วยทุเลาปัญหาเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างงาน และการกระตุ้นการบริโภค และหวังว่าจะช่วยพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของกิจการรายย่อย และก่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้มากกว่าที่หลายฝ่ายคาดคิดในระยะยาว

 

การส่งสัญญาณที่ชัดเจนในเชิงนโยบายและมาตรการส่งเสริมของภาครัฐในครั้งนี้ได้สร้างความเชื่อมั่นและพลังใจแก่หาบเร่แผงลอยและกิจการขนาดจิ๋วเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน ชาวจีนส่วนใหญ่ก็ล้วนมีความเป็นผู้ประกอบ การอยู่ในสายเลือด คนเหล่านี้กล้าคิด กล้า เสี่ยง กล้าล้ม และพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้เสมอ เมื่อผนวกกับมาตรการความช่วยเหลือ การสนับสนุนทางการเงิน และอื่นๆ จากกิจการรายใหญ่ของจีน ก็น่าจะทำให้กิจการที่เกี่ยวข้อง เหล่านี้แข็งแกร่งและก้าวขึ้นมาเป็นกิจการในระบบไม่มากก็น้อย

 

ไทยเราก็มีสตรีทฟู้ดที่ขึ้นชั้นระดับโลก ขณะที่หาบเร่แผงลอยก็เป็นเสน่ห์ของสังคมไทยในสายตาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมานานหลายปี การเปิดพื้นที่และจัดเวทีให้หาบเร่แผงลอยในการทำมาหากิน และดึงเอากิจการขนาดใหญ่เข้ามาช่วยสนับสนุนและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของกิจการเหล่านี้อ่างจริงจัง เป็นระบบ และต่อเนื่องแล้ว นอกจากจะช่วยลดภาระอันหนักอึ้งในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในมือของรัฐบาลแล้ว เราอาจได้เห็นพ่อค้าแม่ขายเหล่านี้อาจกลายหนึ่งในคำตอบในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย และพัฒนาตนเองเข้าสู่ระบบการค้าที่ยั่งยืนในยุคหลังโควิด-19 

 

เกี่ยวกับผู้เขียน : 

ผู้เชี่ยวชาญที่สั่งสมความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับตลาดจีน มุ่งหวังนำข้อมูลและมุมมอง ความคิดเห็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหว ทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ การตลาด และอื่นๆ  ที่อยู่ในกระแสของจีนมาแลกเปลี่ยนกับผู้อ่าน เพื่อเราจะไม่ตกขบวน “รถไฟความเร็วสูง” ของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน