ขุมทรัพย์ใต้แผ่นดินเมียนมา

06 ก.ค. 2563 | 03:00 น.

คอลัมน์ เมียงมองเมียนมา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

 

ช่วงวันที่ 2 กรกฏาคมที่ผ่านมา หลายๆ ท่านคงได้รับทราบข่าวเหมืองหยกในรัฐกะฉิ่น ที่เมียนมาตอนบนได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก  ทำให้เกิดน้ำทะลักท่วมใหญ่ พัดพาเอาคนงานเหมืองแร่หยกเสียชีวิตไปร้อยกว่าศพ เป็นที่น่าเศร้าสลดใจยิ่ง นี้คือแผ่นดินบนผืนโลกครับ ที่ไหนมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ที่นั่นก็มีภัยธรรมชาติหรือไม่ก็เป็นภัยที่มองไม่เห็นได้ทุกเมื่อครับ ผมจึงอยากนำมาเล่าให้เพื่อนๆฟังกันครับ

ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของประเทศเมียนมา อยู่บนรอยเลื่อนของเปลือกโลกสองเส้นด้วยกัน คือเป็นเส้นกากบาททั้งแนวตั้งและแนวนอน โดยทั้งสองเส้นจะตัดผ่านกันที่รัฐมันฑะเลย์ ดังนั้นที่ประเทศเมียนมา จึงมีทรัพยากรธรรมชาติที่ค่อนข้างจะอุดมสมบูรณ์มากๆ ที่นี่ใต้พิภพจะมีทั้งอัญมณีอันล้ำค่ามากมาย เช่น พลอยทับทิมแดง พลอยไพลินน้ำเงิน พลอยบุษราคัมเหลือง ยังมีอำพันที่มีสัตว์เล็กๆฝังตัวอยู่ในเนื้อพลอย บางก็บอกว่าฝังอยู่ภายในมาหลายร้อยปี ยังมีอัญมณีที่ขึ้นชื่อที่สุดคือ “หยก” ซึ่งจะมีมากเป็นภูเขาเลากาเลยทีเดียว

ที่บอกว่าเป็นภูเขานั้นเป็นเพราะว่าเนื้อหยกจะซ่อนอยู่ในหิน ที่เราไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้ จะต้องผ่าหินออกมา จึงจะเห็นเนื้อใน ยังกะเจ้าเงาะสังข์ทองซ่อนรูปยังไงยังงั้นเลยครับ ดังนั้นเวลาที่เขาขุดภูเขาเพื่อเอาหินมาผ่าหาหยก จึงยากเย็นเข็ญใจพอควร แต่ด้วยความโลภของมนุษย์ หรืออาจจะเป็นเพราะสภาวะยากจนเป็นเหตุ จึงทำให้เมื่อเปิดเหมืองทีไร เรามักจะได้ยินข่าวการแห่แหนแตนแต้ไปเสาะแสวงหา พอเกิดอุบัติภัยโศกนาฏกรรมขึ้น เราจึงมักจะได้ยินข่าวคนเสียชีวิตมากมายประจำ ผมมาอยู่ที่เมียนมาสามสิบปี ทำให้ได้รับข่าวมีคนตายอย่างนี้เป็นประจำครับ

มาดูแร่ฐาตุใต้ดินที่เห็นๆผ่านตามานะครับ ถ้าเป็นถ่านหิน ก็จะมีมากที่รัฐสกาย ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเมียนมา ผมเคยมีคนมานำเสนอให้ไปทำเหมืองถ่านหินที่นั่นเช่นกัน “เขาเล่าว่า” ถ่านหินที่นั่นอุดมสมบูรณ์มาก แค่ตักหน้าดิน ก็สามารถวัดอัตราแคลลอรี่ได้สูงถึง 400 แคลลอรี่ ซึ่งถือว่าสูงมาก ต่างจากที่ขุดกันในประเทศจีน ที่มีแคลลอรี่ต่ำกว่า หรือถ้าอยากได้แคลลอรี่สูงๆ จะต้องขุดลงไปใต้ดิน ลึกถึง 300-400 เมตรเลยทีเดียวครับ ดังนั้นที่รัฐสกายจึงมีทั้งถ่านหินและอำพันสีเหลืองมากมายครับ

ส่วนพลอยสีต่างๆ เช่นทับทิม ก็จะมีอยู่ในรัฐฉานที่เมืองสู้ และเมืองก๊ก ที่นี่จะมีเหมืองที่เขาขุดกันมายาวนาน ก็คล้ายๆกับบ่อพลอยเมืองจันทร์บ้านเรานั่นแหละครับ ที่นี่เมื่อช่วงยี่สิบกว่าปีก่อน ที่ผมเข้าไปเมียนมาใหม่ๆ ก็มีคนมาชักชวนผมไปขุดพลอยที่นั่น ในยุคนั้นทางรัฐบาล(ทหาร)พม่าได้เอาที่ดินในเมืองสู้ออกมาให้ประชาชนทั่วไปประมูลเพื่อขุดพลอยทับทิมกัน ทั้งหมดมีอยู่ 24 แปลงด้วยกัน ในยุคนั้นแค่แปลงละล้านกว่าเหรียญเท่านั้น เพื่อนผมท่านหนึ่งก็เข้าไปดำเนินการหนึ่งแปลง ปรากฏว่าก็ร่ำรวยไปครับ ส่วนแร่อัญมณีอำพันสีเหลืองนั้น จะมีมากที่รัฐสะกายและที่รัฐกะฉิ่น ที่รัฐสะกายผมเองต้องยอมรับว่าลืมชื่อเมืองไปแล้ว แต่เจ้าของเหมืองแร่นั้นพอจะจำได้ว่า เขาเป็นเจ้าของโรงแรมในเมืองย่างกุ้งอยู่หนึ่งแห่ง ผมเคยพาเพื่อนไปพักที่โรงแรมเขา เขานำมาขายที่นี่ ราคาถูกมากๆ แถบจะไม่มีค่าเลยก็จะว่าได้ครับ เนื้อของพลอยประเภทนี้เป็นพลอยเนื้ออ่อน จุดเด่นคือมีสัตว์ประเภทแมลงอยู่ภายในเนื้อพลอยครับ ถ้าใครสนใจผมพอจะแนะนำให้ได้โดยไม่ต้องมีค่าคอมมิทชั่นครับ 

ส่วนที่เป็นข่าวดังมาตั้งแต่วันเกิดเรื่องคือวันที่ 2 กรกฏาคมที่ผ่านมา คือหยก ที่เมียนมาถือเป็นแหล่งผลิตหยกชื่อดังของโลกอย่างที่ทุกท่านรู้นั่นแหละครับ ที่นี่แหลงสำคัญอยู่ที่แถบตะวันตกของรัฐกะฉิ่นค่อนๆเยื้องลงมาทางรัฐสะกาย ที่นี่มีบ่อหรือภูเขาหยกมากมายหลายจุดด้วยกัน เรียกว่าเป็นภูเขาเลากาเลยครับ ที่นี่จะเป็นแหล่งขุดหยกกัน แต่จะตกอยู่ในมือของบริษัทยักษ์ใหญ่สี่ห้าบริษัท หลังจากขุดเสร็จส่วนหนึ่งก็จะส่งเอาหินหยก หรือหยกดิบล่องมาทางแม่น้ำอิยะวดี มาที่เมืองมัณฑะเลย์และย่างกุ้ง อีกส่วนหนึ่งก็ส่งไปยังเมืองมิจิน่า เมืองหลวงรัฐกะฉิ่น เพื่อขายส่งออกไปยังประเทศจีน ฝั่งมณฑลยูนนานสอง-สามเมือง เช่นที่เมืองเถินชง เมืองหมางซือ เมืองยุ่ยหลี่ เป็นต้น แล้วก็ทำการชำแหละหรือผ่าเอาเนื้อหยกออกจากหิน ซึ่งกรรมวิธีนี้พ่อค้าจะมีช่องทางในการทำเงินกันหลากหลายวิธีมาก ถ้าบรรยายมากเดี๋ยวไปเหยียบเท้าใครเข้านะครับ เอาเป็นว่ามีหลากหลายวิธีก็แล้วกันครับ 

ที่เห็นกันของการตายของแรงงานนั้นเป็นเพราะในช่วงที่เกิดเหตุนั้น เป็นช่วงที่มีพายุฝนเข้ามา ทำให้ทางบริษัทที่ได้สัปทานเขาสั่งให้คนงานหยุดงาน และให้คนงานออกมาจากพื้นที่ แต่ก็เป็นช่องทางให้คนจนหรือผู้แสวงผลประโยชน์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานอพยพที่ไม่กลัวตาย เข้าไปเก็บเศษเก็บเลย พอน้ำป่ามา ดินถล่มก็หนีไม่ทัน จึงเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่เป็นครั้งแรกนะครับ เป็นอย่างนี้บ่อยมาก เช่นเมื่อใกล้ๆนี้ก็เมื่อปี 2015 เดือนพฤศจิกายน ก็เกิดขึ้นมาแล้วหนึ่งครั้ง ตายไป100กว่าศพ และในปี 2019 เดือนเมษายน ตายไป 59 ศพ อีกครั้งเกิดขึ้นเมื่อปี2019 เดือนกรกฏาคม ครั้งนั้นตายไป 17 ศพ ทุกครั้งก็จะบาดเจ็บล้มตายกันเยอะๆ เป็นเช่นนี้มายาวนาน ไม่ค่อยมีคนเข็ดหรอกครับ เพราะความยากจนทำให้คนไม่เกรงกลัวความตายกัน ถ้าหากจะให้เปรียบเทียบ  ก็ให้ดูเรือประมงเวลาลากอวนขึ้นมา ก็จะมีนกนางนวลบินว่อนไปหมด ก็มีที่ตายกันไปเช่นกัน แก้ไขยากครับ

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

เมียนมาเตรียมออกกฎหมายการลงทุนใหม่
ข้อควรระวังทางด้านกฎหมายของผู้ประกอบการที่ลงทุนในเมียนมา
ประเมินประเทศเมียนมาใหม่