ค่าคลื่น 3.5 พันล้าน เขาแบ่งกันแน่แล้ว

01 ก.ค. 2563 | 11:50 น.

คอลัมน์ห้ามเขียน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3588 หน้า 20 ระหว่างวันที่ 2-4 ก.ค.63 โดย... พรานบุญ

ค่าคลื่น 3.5 พันล้าน

เขาแบ่งกันแน่แล้ว!

 

     “โห่ ฮิ้ว โห่ ฟังเสียงคนโห่ใกล้ใกล้ จากรายได้ของ อสมท มาแบ่งกัน

     เจ้าของ คือเพื่อนเราหนอ  เจ้าบ่าวรูปหล่อ นั้นมาแย่งเงินฉัน

     คนถูกแย่งเงิน เอาไป นอนฟังเครื่องไฟ หัวใจ มันสั่น

     เสียงบอร์ดมากล่าว เชิญเจ้าบ่าวกินให้สนั่น แล้วบอร์ดกลุ่มเก่า บีบเจ้าสาว อวบอั๋น

     แล้วให้ทั้งสองยอมแบ่งกัน เขาแบ่งกันแน่แล้ว เขาแบ่งกัน แน่แล้ว....”

     ...แบ่งกันเข้า เอาซิ เอ้าแบ่งกันเข้า เสิร์ฟกันเข้า เอาซิ เอ้า สุขให้พอ

     เจ้าสาวคงเอียงแก้มนวล เจ้าบ่าวคงด่วน คว้าเงินโต ซิหนอ

     คนสุข คือคู่บ่าวสาว คนเศร้าคือเรา นอนหนาว...เงินฝ่อ

     เสียงบอร์ดคนดังกล่าว เชิญเจ้าบ่าวแบ่งต่อ แล้วบอร์ดคนเก่า ยังขอเจ้าสาวอีกหนอ

     แล้วให้ทั้งสองกอดคอ เขาแบ่งกันแน่แล้ว เขาแบ่งกัน แน่แล้ว”.....!

     นังบ่าง....ฮัมเพลง “นอนฟังเครื่องไฟ” ของราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ดังลั่นสนั่นพระรามเก้า ยัน อาร์ซีเอ แหล่งบันเทิงยามราตรี เสมือนส่งเสียงสะท้อนออกไปให้ สร.1 ผู้กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นก่อนแปรรูปตาม พรบ.ทุนรัฐวิสากิจ เป็นบริษัทมหาชน ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ได้รับรู้เส้นสนกลใน

     อีเห็น ตะโกนก้องสวนเสียงเครื่องไฟไปว่า มันมีอะไรซ่อนอยู่ในกอไผ่ กันละนังบ่างเอ๊ย?

     นังบ่างสาธยายเสียงดังลั่นว่า ก็เรื่องการแบ่งเค้กก้อนโต 3,235 ล้านบาท จากการจ่ายค่าเยียวยาคลื่นความถี่ 2600MHz ให้แก่บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เพลย์เวิร์ค จำกัด คู่สัญญากับอสมทแบบวัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่ง แบ่งกันฝ่ายละ 1,517 ล้านบาทของกสทช.อันอื้ออึงนั่นแหละเธอเอ๋ย...เขาแบ่งกันแน่แล้ว เขาแบ่งกันแน่แล้ว

     30 มิถุนายน 2563 นี่แหละ คณะกรรมการบริษัท อสมท ที่เหลืออยู่ 7 คน ประกอบด้วย 1.พล.ต.ท. จตุพล ปานรักษา อดีตผู้บัญชาการตำรวจ ภาค 4 ผู้แจ้งบัญชีทรัพย์สิน 95.6 ล้านบาท หนี้สิน 2 แสนเศษ รายได้ต่อปีกว่า 58 ล้านบาท เป็นประธานกรรมการ และกรรมการ 6 คน ประกอบด้วย 2.เขมทัตต์ พลเดช กรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่และเลขานุการคณะกรรมการ  3.บุญสน เจนชัยมหกุล รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส 4.สมหมาย ลักขณานุรักษ์

     รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ 5. ภัทรพร วรทรัพย์ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง 6.สุวิทย์ นาคพีระยุทธ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 7. รัชดาภรณ์ ราชเทวินทร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท IRPC จำกัด(มหาชน) จากที่เหลืออยู่ 8 คน จะมีการประชุมพิจารณาลงมติให้สัตยาบรรณเห็นชอบย้อนหลังเพื่อมอบดาบให้ อสมท ไปแจ้งกับกสทช.ว่ามติให้แบ่งเงินเยียวยาแบบวัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่งนั้นชอบแล้ว

     ผลที่ตามมาคือ มารุต บูรณะเศรษฐกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบโอ เจเนเทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (BGIC) ผู้พัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) เกี่ยวกับชีวเภสัชภัณฑ์ที่เป็นกรรมการอิสระ ที่ยังไม่ลาออกนั่งเป็นจระเข้ขวางคลองอยู่ ไม่ยอมมาประชุม เพราะกลัวคุกตะราง

     เพราะเห็นปัญหาการแบ่งปันทรัพย์ อันไม่พึงได้ไปให้เอกชนแบบไม่มีฐานข้อมูลที่เพียงพอ ขนาด “ธนาวัฒน์ สังข์ทอง” รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มือกฎหมายในฐานะกรรมการอิสระของอสมท ยังยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563...เพราะเรื่องนี้ คุกตะราง ไม่ได้มีไว้ให้ขังแมว...นี่นา

     นังบ่างบอกว่า เรื่องเงินทองนี่ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ปัญหาเงินเยียวยา 3,235 ล้านบาท นี่แหละทำให้บอร์ดอสมท 4 คนตัดสินใจลาออก และทำหนังสือแย้งไปที่กสทช.ว่ามติให้แบ่งเงินค่าเยียวยากับบริษัท เพลย์เวิร์ค แบบคนละครึ่งนั้นไม่ชอบด้วยมติคณะกรรมการ แต่บอร์ดที่เหลือกลับจะเดินหน้าแบ่งเงินให้ได้...มันพิลึกมั้ยละเธอ

     ร้ายกว่านั้นนะอีเห็น....กรรมการและฝ่ายบริหาร อสมท บอกว่า แม้บอร์ดจะเหลือ 7 คน แต่ประชุมได้เพราะเกินครึ่ง และเวลาจะพิจารณาลงมติก็ต้องนับจากจำนวนที่เหลืออยู่ได้ ไม่ผิดกฎหมายหรือผิดข้อบังคับ!...หมูเขาจะหาม ใครอย่าเอาคานมาสอดเชียว

     ทั้งๆ ที่กรรมการที่เหลืออยู่อย่างน้อย 2 คน คือ “พล.ต.ท.จตุพล ปานรักษา-สมหมาย ลักขณานุรักษ์” กรรมการสรรหาจะมีมติไม่ต่อวาระรอบที่ 2 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 พิลึกกึกกือมั่ย 555

     นังบ่างบอกว่า เงินก้อนโต 3,235 ล้านบาท ที่จะมีการแบ่งกับเอกชนคู่สัญญา นี่อาจทำให้ใครบางคนหน้ามือตามัว ในการทำตามบัญชาของ “นายพล ขาใหญ่” ผู้บัญชาการอยู่นอกอสมทได้เชียว

     ขณะเดียวกัน เงินก้อนโตที่จะแบ่งปันกันนั้น อาจทำให้ “เสี่ยดล” เด็กหนุ่มเจ้าของบริษัท เพลย์เวิร์ค ตัวจริงเสียงจริงที่มอบให้ภรรยาสาวทายาทห้างขายยามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ต้องเข้าใจเรื่องทรัพย์อันมิพึงได้จากการขอแบ่งปันทรัพย์ของนายพลขาใหญ่ กับ เสี่ย อ.ผู้อวบอ้วน ได้เป็นอย่างดี

     นังบ่างบอกว่า ไม่ว่าใครหน้าไหน บอร์ดคนใดจะลงมติแบ่งเงินเยียวยาก้อนโตให้เอกชนคู่สัญญาแบบคนละครึ่ง ขอให้พิจารณาให้ถี่ถ้วน เพราะเงินก้อนนี้อาจนำพาคุกมาถึงบ้านแน่นอน

     เพราะ ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.ออกมาระบุไว้ก่อนหน้าแล้วว่า คณะกรรมการ กสทช. ได้รับทราบหนังสือของอดีตกรรมการบริษัท อสมท ที่ทักท้วงอำนาจของคุณเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท ในการเสนอแบ่งเงินเยียวยาคลื่น 2600 MHz ให้กับเอกชนคู่สัญญา คือ บริษัท เพลย์เวิร์ค จำกัด โดยให้แบ่งเงินเยียวยาค่าคลื่นฯให้ อสมท และ เพลย์เวิร์ค เท่าๆ กันแล้ว

     “หนังสือของอดีตกรรมการ อสมท ซึ่งท่านลาออกไปและคัดค้านอำนาจของ ผอ.อสมท ตามหนังสือของ อสมท ที่ นร 6100/1250 ลงวันที่ 4 มิ.ย.2563ในการกำหนดสัดส่วนการแบ่งเงินเยียวยาแบบครึ่งๆ ได้ส่งมาที่กสทช. แล้ว และเรื่องนี้ บอร์ด กสทช. ได้มีมติเห็นควรให้ส่งเรื่องดังกล่าวไปให้คณะกรรมการ อสมท พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ และแจ้งให้ กสทช. ทราบด้วยว่า เป็นอย่างไร เพราะเราไม่รู้ว่ากลไกภายในของ อสมท มีอำนาจหน้าที่ และทำอะไรบ้าง” ฐากรกล่าว

     ดังนั้น การแบ่งเงินเยียวยาคลื่น 2600 MHz ของ อสมท จำนวน 3,235 ล้านบาท ให้เอกชนคู่สัญญานั้น เป็นเรื่องที่คณะกรรมการ อสมท จะพิจารณาเอง  เพราะเป็นเรื่องยากที่ กสทช.จะพิจารณา หากพิจารณาผิด ก็จะทำให้ กสทช. มีปัญหาได้ ในการจ่ายเงินเยียวยานั้น ถ้า อสมท จะรับเงินเยียวยาก่อน และไปฟ้องศาลฯทีหลังก็สามารถทำได้ เพราะเป็นคนละส่วนกัน และที่ผ่านมามีกรณีลักษณะนี้มาแล้ว

     ใครแบ่งเงินแบบครึ่งต่อครึ่ง ฝ่ายละหนึ่งพันห้าร้อยสิบเจ็ดล้านบาทเมื่อไหร่ คุกมาเยือนแน่...นังบ่างขู่...นายกฯลุงตู่รู้ยัง?