(อาถรรพ์) เรือรัก เรือหลอน

27 มิ.ย. 2563 | 02:55 น.

ทีนี้ก็จะกล่าวถึงว่า ในฉบับก่อนๆนั้น อภิมหึมามหาเศรษฐีโลกผู้คว้าเอาอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งมาคู่ครองด้วยรหัสรักรหัสลับอย่างอริสโตเติ้ล โอนาส์สิส ก็มิได้จะร่ำรวยมาจากฐานผูกขาดอย่างเศรษฐีขี้เกียจทั่วไปที่วิ่งเข้าใส่ขั้วอำนาจการเมืองหรอก อริสโตเติ้ลเขาก็มีคู่แข่งตัวกลั่นในธุรกิจสายเรือเหมือนกัน บุรุษนี้คืออภิมหึมามหาเศรษฐีกรีกอีกคน นามกรว่า สตาวรอส นิอาร์โชส

หากว่าอริสโตเติ้ล เชิญรัฐบุรุษ เชอร์ชิลขึ้นไปสำราญบนเรือ คริสติน่าโอ ได้แล้วไซร้ สตาวรอสก็สามารถจีบลูกสะใภ้เชอร์ชิลมาเปนแฟนควงแขนได้ทั่วไปล่ะน่า หนักไปกว่านั้น ศรีภริยาคนเเรกของ อริสโตเติ้ล หลังมาหย่ากัน ก็ตกเปนภริยาลำดับท้ายๆของสตาวรอส! แถมเจ้าสาวคนนี้ยังมีศักดิ์เปนน้องเมียคนแรกๆของสตาวรอสเสียอีกด้วย 

อลเวงกันพิลึก!!

สตาวรอส

 

(อาถรรพ์) เรือรัก เรือหลอน

สตาวรอสผู้พยายามหลบบรรทัดข่าวทางสังคมมักใช้ชีวิตอยู่บนเรือยอชท์สวยงามระดับโลกขนาดยาวสามเสา ชื่อ ครีโอล อันว่าเรือ กับม้านี้ฝรั่งเขาถือเรื่องลางเรื่องโชค จะไม่เปลี่ยนชื่อกัน เพราะมันจะอาถรรพ์ แต่สำหรับมหาเศรษฐีผู้สร้างตัวจากลำเเข้งแล้วไซร้ มันคงไม่ใช่ประเด็น

เรือครีโอล นี้แต่เดิมเปนเรือยอชท์ลำใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา มหาเศรษฐีพรมทอ อเล็กซานเดอร์ โคคราน เปนคนสั่งผลิต ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจโลก 1930 ให้ชื่อมันว่า เรือ ‘วีร่า’ ต่อมาไม่นาน โคครานเจ้าของเรือเปนมะเร็งตายไวผิดคาดหมาย ทายาทได้มรดกมาปุ๊บก็ขายทิ้งทันที คราวสงครามโลกราชนาวีอังกฤษยึดไปรบ จบสงครามเอามาคืน สตาวรอสไปพบเข้าก็เอามาปรับปรุงใหม่และให้ชื่อ ครีโอล

 

(อาถรรพ์) เรือรัก เรือหลอน

 

แม้ไม่เชื่อโชคลาง แต่สตาวรอสเชื่อในการป้องกัน เขาไม่ทำห้องนอนใต้ท้องเรือเหมือนคนอื่น แต่กลับไปทำไว้บนดาดฟ้า ด้วยกลัวว่าถ้าเรือจมตัวจะออกมาไม่ทัน ตายไวเสียเปล่า!

แต่โศกนาฏกรรมนั้นยามจะมาเยือนมักไม่พูดพร่ำทำเพลง ปี1970 ยูจีนเนีย เมียสตาวรอสลูกสาวมหาเศรษฐีผู้เฒ่า ชื่อเดียวกับลูกเขย สตาวรอส ลิวานอส ก็ฆ่าตัวตายบนเรือสำราญงามงดนี้  ยัง_ยังไม่จบ  โศกนาฏกรรมถัดมา ตามด้วยน้องเมียซึ่งเปนอดีตเมียของอริสโตเติ้ล ซึ่งขึ้นมารั้งตำแหน่งเมียที่สอง ในอีก 2-3 ปีต่อมา ก็ฆ่าตัวตายตามพี่สาวไปอีก!

สตาวรอสครานี้ ทิ้งเรือลอยทะเลไม่แลเหลียวมันอีกเลย ราชนาวีเดนมาร์กขอเอาไปทำโครงการเรือบรรทุกผู้เสพยามาบำบัด ก็ยกให้ง่ายๆ อันว่าสมบัตินั้นผลัดกันชม ก็เปนความจริงเข้าลักษณะสัจจธรรมดังนี้

หมดโครงการแล้ว ลูกชายกุชชี่_เมาริตซิโอ้ กุชชี่ ไปเจอเข้า และเกิดตกหลุมรักเรือสามเสานี่อย่างถอนตัวไม่ออก ซื้อมาบูรณะและจัดห้องตกแต่งใหม่โดยใช้ฝีมือยอดมัณฑนากร โตโต้ รุสโซ่คนเนเปิ้ลที่ออกแบบร้านกุชชี่ เรือธงในเมืองใหญ่ๆของโลก_มาดำเนินการด้วยงบประมาณชนิดว่าไม่อั้น เอาใช้เปนเรือรักระหว่างเขาและปราติเซียภริยาที่รักกันมาแต่ยังวัยกระเตาะ ก็ลำพังห้องนอนห้องเดียวก็หมดไปล้านดอลล่าร์สหรัฐแล้ว

 

เมาริตซิโอ้กับปราติเซีย

 

ทั้งที่รู้ว่าเปนเรืออาถรรพ์ แต่มหาเศรษฐีกุชชี่ ก็มีวิธีล้างเสีย_ติดต่อคนทรงอิตาเลียนที่ตัวเองนับถือชื่อ ฟรีด้า พาไปทำพิธีส่งวิญญาณสองสตรีติดเรืออยู่ กะลาสีเรือเล่าว่าวันนั้น ฟรีด้าลงเรือแล้ว จู่ก็ตากลอกกลับ เดินเลื่อนลอยไปตามทางคล้ายกับไม่มีข้อเท้า ยามผ่านห้องโถง ก็ส่งเสียงกรีดร้องให้เปิดประตู ทำเอา เจ้าของเรือคนใหม่งงเต็ก เพราะว่ามันมีที่ไหนล่ะประตู! จนกะลาสีกระซิบว่า ก่อนมัณฑนากรของท่านมาทุบทำภายในใหม่นั้นน่ะ ตรงนี้มันเปนประตูมาก่อน!!

ว่าแล้วกุชชี่ก็ต้องทำท่าเปนเปิดประตูอากาศให้คนที่ส่งเสียงสามารถผ่านไปไปได้ ว่ากันว่า อากาศเย็นลงอย่างเฉียบพลัน และมีลมปะทะหน้าเจ้าของเรือไปวูบหนึ่ง นึกว่าผีเรือออกไปแล้วแต่ทว่าวิญญาณสองหญิงนี้กรีดร้องไม่ไป แต่ประกาศผ่านเจ้าพิธีว่ามีความยินดีช่วยพิทักษ์รักษาเรือและเจ้าของคู่รักคนใหม่ให้แทน เช่นนี้ก็นับว่าได้สำแดงอิทธิฤทธิ์ให้รับรู้ทั่วกันตั้งแต่กัปตันไปยันกะลาสี

อันวันชื่นคืนสุขมากนักมักจะผ่านไปรวดเร็ว เรือแสนรักของเมาริตซิโอ้นี้สร้างความสุขสันต์หรรษาได้ไม่นาน เมาริตซิโอ้ กุชชี่ ก็ถูกญาติพี่น้องกองมรดกฟ้องคดีว่ายักยอกเอาเงินบริษัทมาซื้อเรือให้เมีย แถมพกด้วยอาญาและแพ่งหลายประการในการบริหารกิจการกุชชี่ แม้จะเคลียร์คดีจนจบแล้ว แต่ด้วยวัยเพียง 40 กว่าปี เมาริตซิโอ้ กุชชี่ ก็กลายเปนวิญญาณ ด้วยถูกฆาตกรรมระยะเผาขนสองนัดระหว่างเดินเท้าจากบ้านไปสำนักงานเปิดใหม่ที่มิลาน และในเวลาอีกไม่นานนับแต่ความตายมาเยือนนั้น ปราติเซีย กุชชี่ผู้ภริยา ก็ถูกศาลอิตาลีพิพากษาจำคุก 20 ปี ไม่รอลงอาญา ทิ้งลูกสาวสองคนไว้ในโลกกว้าง !

อาถรรพ์!!!

ปัจจุบันสมบัติผลัดกันชมลำนี้ตกอยู่ในความดูแลของบริษัทเรือล่องสมุทรเปิดให้เช่าเหมาล่องท่องไปในมหาสมุทรอย่างสุนทรีย์เปนการทั่วไป

 

(อาถรรพ์) เรือรัก เรือหลอน

 

เพชรโฮป บลูไดมอนด์ ณ สมิธโซเนียน

ฝรั่งนั้นถือกันว่าของมีค่ามากๆมักมีอาถรรพ์ นิยมแก้ทางได้โดยยกให้เปนของส่วนรวมเสียจะล้างอาถรรพ์นั้นได้ ด้วยการผูกมัดรัดตรึงข้าวของงดงามชนิดว่าระดับโลกไว้เปนเจ้าของแต่ผู้เดียวนั้นมันบาป ยกตัวอย่างก็เช่นเพชรโฮป หรือว่าบลูไดมอนด์ ที่ว่าทหารฝรั่งไปได้มาจากลูกกะตาเทวรูปในอินเดีย เอาออกขายทอดเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนมือไปหลายครั้งก็พาไอมรณะไปสู่ทุกคนที่สัมผัสครอบครอง ตราบจนทุกวันนี้เกิดหายเฮี้ยน ก็ด้วยว่าเจ้าของคนสุดท้ายยกให้พิพิธภัณฑ์ สมิธโซเนียน เพื่อผู้คนทั่วไปได้ชื่นชมเข้าดูนั่นแหละ จึงสร่างเคราะห์ลง

นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 หน้า 23 ฉบับที่ 3,587 วันที่ 28 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563