ต้องกล้า... ในเวลาที่คนอื่นกลัว

23 มิ.ย. 2563 | 22:00 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3586 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 25-27 มิ.ย.2563 By…เจ๊เมาธ์

 

ต้องกล้า...

ในเวลาที่คนอื่นกลัว!

 

        >> ถ้าใครยังจำได้ว่า ช่วงเวลาเริ่มต้นระบาดของโรคโควิด-19 กลางเดือนมีนาคม เป็นจังหวะที่ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงไปทำจุดตํ่าสุดถึง 969.08 จุด ซึ่งถ้าใครกล้าที่จะเข้าไปลงทุนในจังหวะนั้น วันนี้ก็คงจะมีพอร์ตหุ้นที่ทำกำไรติดตัวได้อย่างน่าพอใจแน่นอน เพราะขณะที่ราคาหุ้นส่วนใหญ่ปรับลงไปอย่างรวดเร็ว จากสาเหตุของความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากปัญหาโรคระบาด...แต่ราคาหุ้นเหล่านั้นก็กลับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน และถึงแม้จะไม่มาก...แต่ก็มีหุ้นจำนวนไม่น้อยที่ราคาปรับขึ้นมาได้เป็นเท่าตัว (100%) ดังนั้นคำพูดของนักเลงหุ้นโบราณ ที่มักจะพูดกันอยู่เสมอว่า “กล้าในเวลาที่คนอื่นกลัว...และกลัวในเวลาที่คนอื่นกล้า” จึงเป็นคำพูดที่ไม่ได้เกินไปจากความเป็นจริง

        >> เช่นกันในจังหวะนี้ราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารต่างก็ปรับตัวร่วงลงอย่างรุนแรง โดยสาเหตุที่มาจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่าย “เงินปันผลระหว่างกาล” และ “งดซื้อหุ้นคืน” ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องของความหวาดเกรงว่าหนี้เสีย (NPLs) ที่ควบคุมไม่ได้ตามมาหลอกหลอน ในขณะที่ราคาหุ้นของธนาคารใหญ่อย่าง KBANK BBL และ SCB ต่างก็โดนเทขายออกมาหนักที่สุด โดยมีสาเหตุจากการที่ธนาคารเหล่านี้มีการจ่ายปันผล 2 ครั้ง/ปี ดังนั้นเจ๊เมาธ์เองก็อยากตั้งข้อสังเกตเอาไว้ดังนี้ค่ะ

           1. การที่ธนาคารไม่ได้จ่ายปันผล เงินปันผลก็ไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ที่เดิม...และมีโอกาสที่จะเอามาจ่ายสมทบกับเงินปันผลอื่นในอนาคตอีกก็เป็นไปได้ ถึงเวลานั้น เงินปันผลอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

           2. ราคาหุ้นธนาคารที่ปรับร่วงลงมา (วันเดียว 7-9 % ยังไม่รวมลงมาก่อนหน้านี้) คิดเป็นจำนวนเงินรวมแล้วมากกว่าปันผลที่ธนาคารเหล่านี้จ่ายหลายปีรวมกันซะอีก

           3. เมื่อเทียบราคาหุ้นหน้ากระดาน ต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชีและค่า P/E ของหุ้นธนาคารเหล่านี้ ดูยังไงหุ้นธนาคารเหล่านี้ ก็น่าลงทุนในระยะยาว

        >> เจ๊เมาธ์ ขอสรุปตรงนี้คะว่า หุ้นกลุ่มธนาคาร จังหวะนี้เป็นโอกาสที่น่าสนใจหาจังหวะเก็บหุ้นเข้าพอร์ตนะคะ เพราะนานๆ ที ถึงจะมีเรื่องร้ายๆ ที่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องพื้นฐานทางธุรกิจ มากดราคาหุ้นให้ได้เก็บของดีราคาถูกค่ะ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

        >> ได้ฤกษ์จองหุ้น IPO ของ ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT ในวันที่ 23-25 มิถุนายนนี้ ที่ราคา 34 บาทต่อหุ้น จำนวนที่ขาย 438.78 ล้านหุ้น หรือ 30.7% ของหุ้นทั้งหมด ...ครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์ว่าตลาด IPO ยังมีมนต์ขลังพอที่จะดึงดูดให้นักลงทุนคลายความหวาดกลัวหุ้น IPO ได้หรือไม่ หลังจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หุ้น IPO เสมือนฝันราย ที่คอยหลอนนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง IPO ตัวสุดท้ายในปี 2563 คือ CRC ที่ราคาหุ้นตํ่าจองมาตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน...เจ๊เมาธ์ก็ได้แต่เอาใจช่วยว่า STGT จะไม่ทำให้นักลงทุนต้องผิดหวังเหมือนหุ้น IPO หลายๆ ตัว ที่เลือกใช้วิธีตีหัวเข้าบ้าน จนถึงตอนนี้แผลนั้นก็ยังรักษาไม่หาย

        >> เจ๊เมาธ์ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทเหล็กรีดร้อนแม่-ลูก จีสตีล ( GSTEEL ) และ จี เจ สตีล (GJS ) ตอนนี้ “เจ้าสัวสมศักดิ์ ลีสวัสตระกูล” อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ กำลังถูกมนต์ดำของแขกเป่ามนต์อยู่ ...ลำพังเกมส์การเงินน่ะ เจ๊เมาธ์ว่า “เจ้าสัวแฮคัต” น่าจะทันกันอยู่ แต่เกมส์กลลวง นี่ต้องประลองชั้นเชิงใครจะเหนือกว่ากัน...เท่าที่เจ๊เมาธ์ ดู เชื่อได้ว่าแขกเก๋าเกมส์กว่าในการคิดแยบยล  แต่ดูเหมือนจะมึนๆ การแจ้งข่าวให้ตลาดหลักทรัพย์  ...เจ๊เมาธ์ ชวนงงสงสัยจริงๆ ว่า การเรียกประชุมสามัญประจำปี มีเรื่องสอดแทรกที่ไม่อยู่ในวาระได้ด้วยเหรอ โดยเฉพาะเรื่องที่ยังไม่ผ่านมติบอร์ด อย่างเรื่องสำคัญ เช่น เปลี่ยนวิธีการคิดค่าเสื่อมชั่วลูก-ชั่วหลานกว่า 40 ปี...โหว !!!! คิดค่าเสื่อมชั่วโค...คต  แบบนี้ ผู้ผลิตไม่ต้องคิดขายเครื่องจักรอีก ขายครั้งเดียว เซอร์วิสไปชั่วนาตาปี เลยนะคะ ...อย่างนี้ก็ได้ด้วยเหรอคะ

        >> ราคาหุ้นของ TFG ขยับขึ้นมาแตะจุดสูงที่สุดในรอบ 2 ปี หลังจากที่จีนระงับการนำเข้าเนื้อไก่ปรุงสุกจากโรงงานของ Tyson Foods Inc. สหรัฐฯ หลังพบว่า มีคนงานนับร้อยติดเชื้อโควิด ขณะเดียวกัน ทางการจีนได้ระงับการนำเข้าเนื้อหมูจากบริษัทสัญชาติเยอรมัน หลังบริษัทดังกล่าวพบคนงานกว่า 600 ราย มีผลตรวจโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่…สถานการณ์นี้  ส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มอาหารและผู้ผลิตเนื้อสัตว์ทั้ง TFG และ CPF ในขณะที่ราคาหุ้นของ CPF เป็นหุ้นโดดเด่นอยู่ในตลาด แตกต่างจาก TFG ที่เปรียบเสมือนถูกเงาของ CPF บังอยู่ ดังนั้นเมื่อราคาหุ้นของ TFG โดดเด่นขึ้นมา ก็กลายเป็นการมองเห็นเมื่อราคาหุ้นวิ่งไปไกลแล้ว ถ้าจะเข้าในนาทีนี้ เจ๊ก็ต้องบอกว่าเสี่ยงที่จะโดนเทมากกว่าปกตินะเจ้าค่ะ

        >> คาราบาวแดง CBG มีอาการเป๋ไปบ้าง หลังจากที่ “เสถียร เศรษฐสิทธิ์” ประธานกรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ของบริษัทได้ขายหุ้นบิ๊กล็อต จำนวน 22.5 ล้านหุ้น ไปเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 กวาดเงินเข้ากระเป๋าไป 2.13 พันล้าน แต่ผลข้างเคียงก็ทำให้ราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นไปแตะ 100 บาท มีอันต้องถอยหลังลงมาวนอยู่ที่ 92-93 บาทอยู่นานหลายวัน...ล่าสุดดูเหมือนว่า CBG จะเริ่มตั้งหลักได้จากกระแสเครื่องดื่ม “วู้ดดี้ ซี+ ล็อค” แล้วค่ะ...แต่ถ้าไม่สนใจสตอรี่  มองไปที่เรื่องของเทคนิคหุ้นล้วนๆ ก็จะเห็นได้ว่า MACD กำลังเคลื่อนที่ไปตัดกับ Signal รวมไปถึง RSI ก็กำลังยกขึ้นมา ส่วนราคาก็ยืนเหนือ EMA 15, 45 และ 100 ไปแล้วค่ะ แบบนี้มองได้อย่างเดียวว่า จะไปได้อีกไกลนะคะ อ้อ...แถมอีกอย่าง บล.เคทีบี แนะนำ “ซื้อ” ที่เป้า 118 บาท ด้วยค่ะ