รวมไทยสร้างชาติ แนวทางรัฐบาลลุงตู่

19 มิ.ย. 2563 | 12:30 น.

คอลัมน์ทางออกนอกตำรา ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3585 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 21-24 มิ.ย.63 โดย... บากบั่น บุญเลิศ

รวมไทยสร้างชาติ

แนวทางรัฐบาลลุงตู่

+++

          ใครจะว่าอย่างไร ผมไม่รู้ แต่ผมมองเห็นสัญญาณบางประการที่ส่งผ่านมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่แถลงเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2563 ซึ่งสื่อมวลชนจับประเด็นตรงหัวใจ “รวมไทยสร้างชาติ” นั้น มีนัยที่สะท้อนถึงวิธีคิด วิธีการจัดการของผู้นำประเทศหลังจากนี้ได้ชัดเจนมาก

          ขออนุญาตจับสัญณาณที่ส่งมาจากถ้อยแถลงของนายกฯลุงตู่ ที่บริหารประเทศมา 6 ปีเศษ จนตกผลึกในกระบวนการจัดการของรัฐบาลที่มาในสถานการณ์พิเศษ และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อให้เห็นภาพ

          “สิ่งที่ผมต้องการคือ ทำให้ประเทศไทยของเรา กลายเป็นตัวอย่างการบริหารที่ดี ในเรื่องการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ เหมือนกับที่เราเป็นตัวอย่างที่ดีที่ทั่วโลกยอมรับ ในเรื่องการจัดการด้านสาธารณสุข ผมอยากจะพูดถึงสิ่งที่เราต้องทำ เพื่อจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาให้ได้โดยเร็ว

          วิกฤติโควิดครั้งนี้ ทำให้ผมได้ตระหนักชัดว่า ประเทศไทยของเรามีความแข็งแกร่งที่เป็นสุดยอดไม่แพ้ประเทศใดในโลก อยู่ 2 เรื่อง ซึ่งมันเกี่ยวกับ “ความเป็นไทย” ของพวกเราทุกคน

          ความพิเศษแรกที่น่าภาคภูมิใจคือ ความพร้อมใจกันของคนไทย ที่ร่วมมือกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว ทำงานด้วยกัน และช่วยเหลือกันในยามวิกฤติ คนที่มีกำลังน้อยหรือแทบจะไม่มี ก็ยังเอาส่วนของตัวเองมาแบ่งปันให้คนอื่นได้มีกินด้วย หรือ คนที่พร้อมยอมเอาสุขภาพของตัวเองไปเสี่ยง เพื่อช่วยเหลือดูแลรักษาสุขภาพของคนอื่น นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกพื้นที่ และเป็นสิ่งที่น่าประทับใจอย่างที่สุด

          ความพิเศษเรื่องที่ 2 คือ ประเทศของเรามีคนเก่งที่มีความสามารถอยู่มาก อยู่ในทุกระดับของสังคม เป็นคนที่มีความคิดดีๆ มีพละกำลัง และมีความพร้อมใจ ต้องการที่จะช่วยประเทศชาติ โดยไม่มีข้อแม้”

          เห็นด้วย และภูมิใจคนไทยเหมือนกับนายกฯลุงตู่หรือไม่ครับ!

          นายกฯลุงตู่บอกว่า ปรากฏการณ์เช่นนี้ทำให้ผมกลับมาถามตัวเองว่า ในเมื่อประเทศเรามีคนเก่งเยอะขนาดนี้ เรามีคนที่พร้อมใจ ที่จะจับมือกันช่วยเหลือประเทศชาติเยอะมาก แล้วทำไมเราถึงไม่จับมือ  ร่วมแรงร่วมใจกันทั้งประเทศแบบนี้ไปตลอด ทำงานขับเคลื่อนประเทศไปด้วยกัน  ให้เหมือนกับตอนที่เราจับมือกันฟันฝ่าวิกฤติ

          ผมคิดว่าถึงเวลาแล้ว ที่รัฐบาลและทั้งประเทศควรจะทำงานในทุกวัน ให้เหมือนกับว่า เราอยู่ในวิกฤติ เราต้องก้าวข้ามเกมการเมือง และลงมือทำงานกันอย่างจริงจัง ให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น ในฐานะที่พวกเราคือคนที่ประชาชนเลือกให้มาเป็นตัวแทนทำงานบริหารประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

          ทุกคนพูดกันว่า หลังวิกฤติโควิดครั้งนี้ โลกของเราจะเปลี่ยนไป เป็นเหมือนโลกใบใหม่ ที่ไม่เหมือนเดิม และเราจะต้องใช้ชีวิตกันในรูปแบบใหม่ แบบ New Normal เพื่อที่จะอยู่รอดและก้าวต่อไปข้างหน้า

          ผมจึงขอประกาศให้ท่านทราบว่า เมื่อเราเข้าสู่โลกใหม่ จากนี้ไปการทำงานของรัฐบาล จะต้อง New Normal ปรับเปลี่ยนเป็นวิธีการทำงานแบบใหม่ด้วย

          หนึ่ง เราต้อง “ผนึกทุกภาคส่วนร่วมวางอนาคตประเทศไทย” นั่นหมายความว่า ต่อไปนี้รัฐบาลจะต้องทำงาน โดยดึงทุกภาคส่วน ทุกระดับในสังคม เข้ามามีส่วนร่วม และมีบทบาทมากขึ้น ในการช่วยกันกำหนดอนาคตของประเทศ

          ลุงตู่บอกว่า หลังโควิด ผมจะปรับวิธีการวางแผน และกำหนดนโยบายหรือมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนซึ่งเป็นผู้ที่จะได้รับผลจากนโยบายต่างๆ เหล่านั้น ได้มีส่วนร่วมมากขึ้น ไม่ใช่แค่รับรู้นโยบาย ต่อไปนี้ประชาชนต้องมีโอกาสมีส่วนร่วม รัฐบาลต้องได้ยินเสียงของประชาชน และรับฟังประชาชนให้มากขึ้น

          แนวความคิดนี้เกิดจาก ในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของวิกฤติโควิด ผมได้เดินทางไปพบปะกับสมาคมภาคธุรกิจต่างๆ ด้วยตัวของผมเองได้รับฟัง หารือกับผู้ที่เดือดร้อนโดยตรง ที่เป็นประโยชน์มาก ผมจึงอยากจะต่อยอดวิธีการทำงานแบบนี้

          นายกฯประกาศว่า “สิ่งที่ผมต้องทำ ในฐานะผู้นำประเทศ คือ เปิดโอกาสให้คนมากมายที่มีความปรารถนาดี และอยากจะช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ แต่ไม่เคยมีโอกาสมาก่อน ได้มีโอกาสและมีส่วนร่วมมากขึ้น ผมต้องทำให้ฟันเฟืองที่สำคัญตัวนี้ นั่นคือความสามารถของคนในประเทศ ได้ถูกนำมาใช้ ขับเคลื่อนประเทศไทยของเราให้มีประสิทธิภาพ ...

          ดังนั้น ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า ผมจะขอให้แต่ละภาคส่วนนำเสนอวิสัยทัศน์ และความคิด ในการเปลี่ยนโฉมและขับเคลื่อนแต่ละภาคส่วน ไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยนำพาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าให้ได้ไกลขึ้น และรวดเร็วขึ้นด้วย

          หลังจากได้รับความคิดเห็นต่างๆ แล้ว รัฐบาลจะพิจารณาความเป็นไปได้ ศึกษาข้อดี ข้อเสีย ข้อเสนอแนะ ในวิธีการที่โปร่งใส และเปิดกว้าง เพื่อหาหนทางที่ดีที่สุดที่จะดำเนินการโครงการนั้นๆ ให้เกิดขึ้นจริง อย่างมีประสิทธิภาพ 

          ผมเชื่อว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นรัฐมนตรี ข้าราชการ เจ้าของธุรกิจ พนักงานบริษัท คนประกอบอาชีพต่างๆ เกษตรกร ครู หรือตัวแทนจากภาคประชาสังคม ทุกคนมีบทบาทที่จะช่วยประเทศได้ ถ้าเราจับมือกันให้แน่น เราจะเจอวิธีแก้ไขปัญหาบางอย่าง ที่เราเคยคิดว่าเป็นไม่มีทางออก

          เห็นชัดมั้ยครับว่านี่เป็นสัญญาณที่นายกรัฐมนตรีของไทย ที่มาจาก “คอมมานเดอร์” เปลี่ยนมุมคิด เปลี่ยนวิธีการจัดการประเทศแล้ว นักการเมือง นักเลือกตั้ง ข้าราชการ เห็นหรือยัง?

          ไม่ต้องแปลความมากมาย มันบอกได้คำเดียวว่า ลุงตู่กำลังส่งสัญญาณว่าจะดึงคนข้างนอกมาร่วมทีมคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลมากขึ้น โควต้ารัฐมนตรี เก้าอี้ที่ช่วงชิงกันอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้ว...ชัดมั้ย!

          เรื่องที่สองที่ต้องปรับเปลี่ยน คือ “การประเมินผลงานภาครัฐ โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตัวจริง” 

          นายกฯลุงตู่บอกว่า ผมได้ตัดสินใจแล้วว่า เมื่อเราเลือกที่จะปรับวิธีการทำงานของรัฐบาล โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมมากขึ้น เราก็ควรต้องเปลี่ยนระบบประเมินผลการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย เพื่อประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการทำงานของรัฐ ว่าได้สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนตามที่คาดหวังไว้หรือไม่

          “เราต้องกำจัดสิ่งที่ทำแล้วเสียเปล่า ไม่มีประโยชน์ต่อประชาชน ออกไปให้ได้มากที่สุด ดังนั้น สิ่งที่ผมจะทำให้เกิดขึ้นเป็นอันดับต่อไปก็คือ ผมจะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีบทบาทในการประเมินผล และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ให้ผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลได้รับทราบโดยตรงได้ด้วย”

          แหม่! เป็นสัญญาณชัดในการทำงานที่จะมีภาคประชาสังคมเข้าไปร่วมประเมินการทำงานของภาครัฐ แม้ไม่ใช่การ “รีเอ็นจิเนียริ่งองค์กรภาครัฐ” แต่นี่คือการปฏิรูปการทำงานที่ชัดเจน...ลุงตู่สู้ๆ

          อย่างที่สามที่นายกฯตู่ประกาศว่าต้องทำ คือ “การทำงานเชิงรุก”

          ลุงตู่บอกว่า “ ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง เราต้องทำงานให้บูรณาการมากขึ้น และผมจะทำงานเชิงรุกมากขึ้น โดยจะกำหนดนโยบายสำคัญเร่งด่วนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม ให้กับกระทรวงต่างๆ ทำขึ้นมาขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี โดยผมจะติดตามกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นจริง อย่างมีประสิทธิภาพ...

          เมื่อเราเริ่มทำงานในวิธีการแบบใหม่ อาจจะมีเสียงคัดค้าน ไม่เห็นด้วย หรือมีการวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้น ผมพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ และหากเป็นข้อเสนอแนะที่ดี ผมก็พร้อมที่จะทำตามข้อเสนอแนะนั้นด้วย

          เพราะประชาชนคนไทยรอไม่ได้อีกต่อไปแล้วครับ คนไทยควรจะได้ก้าวไปสู่การมีชีวิตที่ดีขึ้น เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น ดังนั้น เราต้องไม่เสียเวลาไปกับการถกเถียงกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแล้วปล่อยให้คนไทย ต้องอดทนรอ

          เราต้องหยุดเสียเวลาไปกับการคุยเรื่องไม่สร้างสรรค์ เราต้องหยุด ไม่ปล่อยให้เกมการเมือง ที่ไม่สุจริต บิดเบือนข้อเท็จจริง มาดึงรั้งการก้าวเดินไปข้างหน้าของประเทศโดยไม่จำเป็น เป้าหมายข้างหน้าที่มีความเจริญรุ่งเรืองของประเทศรอเราอยู่ เส้นทางนี้ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลจนเกินไป ถ้าเราทุกคนร่วมมือกัน

          ผมจึงอยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ได้ตัดสินใจร่วมกันวันนี้ว่า เราจะเดินหน้าในภารกิจที่สำคัญนี้ไปด้วยกัน นั่นคือภารกิจ “รวมไทยสร้างชาติ” โดยคนไทยทุกคน!

          ประตูที่ปิดตายในการรวมพลังไทยสร้างชาติเปิดกว้างขึ้นมาแล้ว คนไทยเอามั้ย!

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง