“สันติ-อนุชา” 2 ขาใหญ่เปิดศึก ชิงเลขาฯ “พลังประชารัฐ”

12 มิ.ย. 2563 | 11:00 น.

คอลัมน์อยู่บนภู ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3583 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 14-17 มิ.ย.63 โดย... กระบี่เดียวดาย

 

“สันติ-อนุชา”

2 ขาใหญ่เปิดศึก

ชิงเลขาฯ “พลังประชารัฐ”

      

          พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พูดล่าสุดเมื่อถูกถามถึงการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่ “โอ้วไม่รู้ๆ ถามแต่เรื่องพรรคนั่นแหล่ะ”

          เมื่อถูกถามว่ามีกระแสข่าวว่าเมื่อได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว จะเป็นายกรัฐมนตรีต่อ พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถาม แต่ร้อง “ฮู้วๆ” แทนคำตอบก่อนขึ้นรถไปทันที

          เป็นท่าทีล่าสุด ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงในพรรค พปชร. จากพี่ใหญ่ บิ้กบราเธอร์ ของบรรดาน้องๆ ทั้งหลาย หลังกระแสข่าวหนักหน่วง ในการแห่พี่ใหญ่นั่งหัวหน้า พปชร. ดีเดย์กันไว้ 3 ก.ค.2563 ถ้าไม่มีอุบัติเหตุอะไร การเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งหัวหน้า พปชร.คงเดินไปตามเส้นทางนั้น

          แต่ที่ยังไม่แน่นอนสูงมากกลับเป็นตำแหน่งเลขาธิการพรรค พปชร.ที่แข่งขันกันดุเดือด ในกลุ่มนิยมบิ้กป้อม ระหว่าง สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง  ผู้มากบารมีจากเพชรบูรณ์ กับ อนุชา นาคาศัย คนใหญ่แห่งชัยนาท สายสามมิตรส่งเข้าประกวด

          แน่นอนตำแหน่งเลขาธิการพรรค แม่บ้าน ถ้าเราคิดย้อนกลับไปในระบบการเมืองแบบเก่า ต้องนึกภาพ เสธ.หนั่น-พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ตามด้วยเลขาผู้มากบทบาทอย่าง กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ

          การเมืองแบบเก่า ต้องมีเลขามากบารมี บุคลิกเลขาธิการพรรค “ต้องมือหนัก ใจถึง พึ่งได้ จ่ายไม่ท้อ” ประสานสิบทิศ โดยพร้อมตั้งวงพูดคุยได้ทั้งเทพและมาร ตั้งแต่ “ยี้” ไปจนภาพลักษณ์สีทองผ่องอำไพ “มุดโน่น โผล่นี่ แตะคนนั้น จับคนนี้ พรรคพวกเพื่อนฝูงมาก มีคาถา ของขลัง ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้” เป็นบทบาทของเลขาธิการพรรคดังๆ ในอดีตของการเมืองแบบเก่าๆ

          ทำไมต้องแข่งกันเป็นเลขาธิการพรรค เพราะตำแหน่งนี้แทบการันตีเก้าอี้ตัวใหญ่ในครม.

          จริงอยู่ แม้ลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะยืนยันหลักแน่น ฮึ่มๆ ฮั่มๆ “ปรับครม.เป็นอำนาจของผมคนเดียว และยังไม่ปรับตอนนี้ ใครมีอะไรมั้ย” แม้จะเป็นอำนาจนายกฯ ซึ่งถูกต้องทั้งในแง่กระบวนการและข้อเท็จจริง แต่การเมืองระบบสภาฯ รัฐบาลผสมยังพึ่งมือ ส.ส.ในการโหวตอภิปรายต่างๆ การปรับครม.จึงยังต้องคำนึงถึงระบบโควต้า ต้องดูจากจำนวนเก้าอี้ส.ส.ในการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี

          การปรับครม.จึงหลีกเลี่ยงยาก ในการมองไปที่กลุ่ม ก๊วน และเลขาธิการพรรค ต้องมีกลุ่ม ก๊วนที่มากพอให้การสนับสนุน นั่นหมายถึงเกราะที่แข็งแกร่งและคว้าเก้าอี้ตัวใหญ่พอสมควรในครม.ไปครอง

          ตำแหน่งเลขาธิการพรรค จึงต้องประลองกำลังปะทะเดือดเพื่อให้ได้มา!!

          ไปกันที่ “สันติ พร้อมพัฒน์”เจ้าของตึกที่ทำการพรรคพปชร.ในปัจจุบัน อดีตรมต.หลายกระทรวงในยุคทักษิณ  สนิทแนบแน่นกับ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” คอนเนกชั่นปึ้ก นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ นักการเมืองสไตล์ค่อนข้างโบราณหรือเรียกกันว่าผู้กว้างขวาง พูดน้อย สงวนท่าทีไม่ค่อยตกเป็นข่าว แม้กระทั่งงานในตำแหน่งหน้าที่รัฐมนตรีในปัจจุบัน และก่อนหน้านี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักในการทำหน้าที่รัฐมนตรีหลายกระทรวงที่ผ่านมา ทั้งเรื่องการโยกย้ายข้าราชการ ทั้งการใช้เงินเยียวยาผุ้ชุมนุม

          คู่แคนดิเดต อย่าง “อนุชา นาคาศัย” เสี่ยแฮงค์ กลุ่มสามมิตร ที่เหลือเพียงสองมิตร ส่งเข้าประกวด เสี่ยแฮงค์ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองผู้โชกโชน กว้างขวางเพื่อนฝูงมาก แนบแน่นประหนึ่งลมหายใจของ สมศักดิ์ เทพสุทิน และกล่องดวงใจของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งในทางการเมือง 2 ชื่อหลังนี้ใครๆ ก็รู้จักดี ไม่เฉพาะคอการเมือง แต่ภาคธุรกิจก็รู้จักลึกซึ้งยิ่ง

          เสี่ยแฮงค์มีชื่อเสียงมานานและยิ่งดังมากขึ้น เมื่อลุกขึ้นมาทวงตำแหน่งรัฐมนตรีพลังงานให้ สุริยะ เมื่อคราวจัดตั้งรัฐบาลประยุทธ์1 (ภาคเลือกตั้ง)

          “เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมาผมย้ำไปแล้วว่านายกฯ เคยบอกหัวหน้าพรรคไว้ว่าโผไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะนายกฯเป็นชายชาติทหาร เป็นนายกฯของประเทศไทย และจะเป็นผู้นำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง พวกเราจึงมั่นใจและเชื่อถือคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้าเป็นไปตามกระแสข่าวจริง คงเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อพี่น้องที่ต้องหลุดโผหรือถูกเปลี่ยนตำแหน่ง ส่วนตัวเอง ถ้าจะถูกปรับออกก็ยินดี แต่ขอนายกฯว่าอย่าเปลี่ยนตำแหน่งอื่นเลย โดยเฉพาะนายสุริยะ เพราะผมทำงานร่วมกันมานาน นายสุริยะเป็นคนที่มีคุณค่า มีความสามารถ” คำพูดของเสี่ยแฮงค์ในคราวทวงตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อ 28 มิ.ย.2562

          2 คู่แคนดิเดตเริ่มขยับกันคึกคัก ในการประชุมพรรคพปชร. เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา เสี่ยแฮงค์ได้โอกาสคว้าใจส.ส.ก่อน เมื่อได้แสดงบทบาทในการประชุมวันนั้น ในการวางจังหวะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค

          ขณะที่ สันติ เดินทางมาร่วมประชุมเช่นกันในวันนั้น แต่ยังไม่มีโอกาสแสดงวิสัยทัศน์หรือโชว์อะไรในการนำพรรค อาจจะเพราะฝ่ายจัดการยังกีดกันสันติเอาไว้นอกวง

          ประลองกำลังยกแรกๆ ทั้ง 2 ฝ่ายยังต้องงัดสรรพกำลัง ลากดาบ เพลงฝ่ามือมาประลองกันในยกต่อๆ ไป

          ขาใหญ่มากบารมีกันทั้งคู่ ว่าแต่ว่าจะเป็นเลขาธิการพรรคแบบไหน หรือใครจะเข้าแทรก

          โปรดอย่ากระพริบตา!! ไม่นานก็รู้...

​​​​​​​