ฉวยสถานการณ์โควิด ล้วงข้อมูลลูกค้า

ฉวยสถานการณ์โควิด ล้วงข้อมูลลูกค้า

       +++ สถานการณ์การแพร่ระบาดและการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ “โควิด-19” สำหรับประเทศไทย ก็ยังมีผู้ติดเชื้อใหม่อยู่เป็นระยะ บางวันก็มียอดต่ำสิบ บางวันก็มากกว่าสิบ แต่โดยรวมถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ที่ประเทศไทยสามารถควบคุมให้ไม่มีการแพร่ระบาดไปมากกว่านี้ เรียกได้ว่า “เอาอยู่” จนมีเสียงชื่นชมจากนานาชาติเป็นระยะ ๆ ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในต่างประเทศนั้น เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 5,789,843 ราย เสียชีวิตไปแล้ว 357,432 ราย เฉพาะที่ “สหรัฐอเมริกา” มียอดผู้เสียชีวิตทะลุ 100,000 คน ไปแล้ว ไม่เฉพาะที่สหรัฐฯ เท่านั้นที่น่าเป็นห่วง หลายประเทศก็ยังมีความน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่ “เกาหลีใต้” จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เคยเป็น “ศูนย์” กลับมาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 69 ราย

       +++ กลับมาที่บ้านเรา... เวลาใครไปเดินช้อปปิ้ง หรือไปรับประทานอาหารตามห้างสรรพสินค้า ตามมาตรการ “คลายล็อก” ระยะ 2 ทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ก็ได้กำหนดให้สถานประกอบการที่ได้รับการผ่อนปรนใช้ แอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” เพื่อควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 โดยใช้ทดแทนการลงทะเบียน การเข้าใช้บริการ โดยใช้วิธีการ Check-in และ Check-out จากเดิมร้านค้าจะต้องลงทะเบียนการเข้า-ออกร้านของลูกค้าด้วยการจดใส่สมุด

       +++ แต่ปรากฏว่าที่ “ห้างเซ็นทรัล” ทั้ง สาขาเชียงใหม่ และ ลำปาง ทางห้างไม่ได้จัดให้สแกนแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” แต่กลับให้ สแกน “ไลน์” ของทางห้างแทน ก่อนที่จะเข้าไปในห้างได้ ซึ่งหากเราสแกน “ไทยชนะ” จะไม่มีการเอา“ข้อมูล” เราไปทำอะไร แต่การที่ “ห้างเซ็นทรัล” ทำเช่นนั้น อาจถือได้ว่าเป็นการ “ล้วงข้อมูลลูกค้า” โดยอาศัย “สถานการณ์โควิด-19” โดยอ้างว่า สแกน “ไทยชนะ” หรือ “ไลน์” ของเซ็นทรัล ก็เหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วไม่เหมือนกัน เพราะ “ไทยชนะ” ไม่มีการล้วงข้อมูลของประชาชน ซึ่งนอกจากสาขาที่เชียงใหม่ และลำปางแล้ว ไม่รู้ว่า “เซ็นทรัล” สาขาอื่น เป็นอย่างนี้หรือไม่? เป็นนโยบายหรือไม่? เรื่องนี้ “ผู้บริหารเซ็นทรัล” ต้องออกมาอธิบายกับสังคม และ “ศบค.” เองก็ต้องตรวจสอบด้วยว่าทำแบบนี้ได้อย่างไร...    

       +++ ถือเป็นข้อมูลให้กับ “รัฐบาลลุงตู่” ในการแก้ไขปัญหา หาทางช่วยเหลือได้เป็นอย่างดี หลัง ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ออกมาเปิดเผยตัวเลข “คนว่างงาน” ซึ่งคาดการร์ว่า ในปี 2563 นี้ จะพบมีการจ้างงานลดลง อัตราการว่างงานจะอยู่ในช่วง 3-4% หรือตลอดทั้งปีมีผู้ว่างงานไม่เกิน 2 ล้านคน  เนื่องจาก 3 ปัจจัยคือ 1.เริ่มควบคุมสถานการณ์โควิดได้ และในครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคมเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางประเภทสามารถเปิดดำเนินการได้มากขึ้น 2.รัฐบาลมีมาตรการในการช่วยเหลือ และฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเน้นกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ และ 3.ภาคเกษตรกรรมจะสามารถรองรับแรงงานที่ว่างงานได้บางส่วนแม้ว่าจะมีปัญหาภัยแล้ง ซึ่งทั้งปีมีโอกาสที่คนจะ “ตกงาน” ประมาณ 8.4 ล้านคน แต่หากสถานการณ์ดีขึ้น คาดว่าทั้งปีจะมีคนว่างงาน 2 ล้านคน ...ไม่รู้ว่า “พ.ร.ก.กู้เงิน” ที่รัฐบาลเตรียมไว้ 400,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลเตรียมไว้สำหรับฟื้นฟูหลังโควิด จะเพียงพอที่จะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนหรือไม่...

       +++ ต้องขอขอบคุณ คุณชาญชิลป์ ตรีนุชกร อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คนที่ 9 ที่ได้จัดส่งหนังสือ “ชมศาสตร์...ชาญศิลป์” มาให้ คุณบากปั่น บุญเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด และได้แบ่งปันมาให้ “ว.เชิงดอย” ได้อ่านด้วย ถือเป็น “หนังสือ” อีกเล่มหนึ่งที่น่าหาอ่านทีเดียว ภายในหนังสือประกอบไปด้วยเรื่องราวประวัติ และประสบการณ์ของ คุณชาญชิลป์ ตรีนุชกร ตลอดช่วงอายุ 60 ปี รวมทั้งยังมีข้อคิดต่างๆ ตลอดการทำงานช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะประสบการณ์การบริหารงานมากมาย ผ่านการดำรงตำแหน่งกว่า 19 ตำแหน่ง เคยเป็นกรรมการมากว่า 18 บริษัท และเป็นประธานกรรมการมาแล้ว 7 บริษัท ในเวลาเกือบ 38 ปี...ลองหาอ่านกันดูนะครับ

       +++ คณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” วุฒิสภา กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง หรือข้อคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับ บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงขอเชิญชวนท่านใดที่มีข้อมูล ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม สามาถส่งไปยัง พล.อ.อู้ด เบื้องบน ประธานคณะกรรมาธิการฯ ที่ ตู้ ปณ. 45 ปณฝ. รัฐสภา กรุงเทพฯ 10305 หรือสำนักกำกับและตรวจสอบ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เลขที่ 499 อาคารสุขประพฤติ ชั้น 20 ถ.ประชาชื่น เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 10800 หรือที่ http:/www.senate.go.th ภายในวันพุธที่ 10 มิถุนายน 2563 นี้