ตามหาความจริง กับความจริงที่หายไป (จบ)

27 พ.ค. 2563 | 05:00 น.

คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน ฉบับ 3578 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 28-30 พ.ค.63 โดย... ประพันธุ์ คูณมี

วิญญูชนทั้งหลายที่มีความรู้และมีประสบการณ์ทางการเมือง ล้วนมองออกว่า "นี่คือการก่อจลาจล เพื่อปลุกมวลชนให้ลุกฮือขึ้นสู้ในเมือง และต่างจังหวัด เพื่อทำการปฏิวัติยึดอำนาจรัฐ ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองในบ้านเมือง" มิใช่การชุมนุมต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ดังที่พวกเขาพยายามโฆษณาบิดเบือน การกระทำเยี่ยงนี้ต่างหากที่ควรจารึกบนหนังหมา

 

ข้อเท็จจริงดังกล่าว สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์เปิดเผยความจริงของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีตแกนนำคนสำคัญคนหนึ่งของ นปช. ที่สำนึกและกลับใจพูดความจริงที่ควรยกย่องว่า การก่อการชุมนุมของคนเสื้อแดงครั้งนั้น มีนายใหญ่คือ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ชักใยสั่งการ เป็นการชุมนุมเพื่อพรรคการเมือง เพื่อให้ “นายใหญ่”กลับมามีอำนาจทางการเมือง ด้วยการปลุกระดมเอาชาวบ้านคนเสื้อแดงที่สุจริต มาเป็นโล่ห์มนุษย์กำบัง หรือตายแทน

 

การก่อการดังกล่าว จึงมีการปลุกระดมมวลชนว่า การต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาใช้หลักแก้ว 3 ประการ ตามทฤษฎีการปฏิวัติของ เหมา เจ๋อ ตง คือ 1. มีพรรคการเมืองนำการปฏิวัติ 2. มีกองทัพหรือกองกำลังติดอาวุธเพื่อการปฏิวัติ 3. มีมวลชนที่สนับสนุนและเข้าร่วมการปฏิวัติทั่วแผ่นดิน แกนนำการชุมนุม และ เสธ.แดง ที่คุมกองกำลัง จึงต่างประกาศด้วยความมั่นใจ และเชื่อมั่นว่าครั้งนี้พวกเขาต้องทำการสำเร็จเป็นแน่

ตามรายงานของ คอป.ที่สำคัญๆ สรุปไว้ว่า


วันที่ 6 มีนาคม 2553 พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนยอมรับว่า ได้เดินทางไปเสนอแผนเผด็จศึกรัฐบาลภายใน3วัน ให้นายทักษิณ ชินวัตร ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดังปรากฎภาพ นายทหารใหญ่ เสธแดง นายอริสมันต์ และ นายสุภรณ์ ถ่ายภาพคู่กับนายทักษิณ เป็นหลักฐาน และต่อมาการชุมนุมของคนเสื้อแดง จึงมีกองกำลังติดอาวุธ ที่นำโดย พล.ต.ขัตติยะ หรือ เสธ.แดง ตั้งกองกำลังอยู่ที่สวนลุมพินี และมีเหตุการณ์ความรุนแรงยิงใส่สถานี บีทีเอสและชาวสีลมเสียชีวิตบาดเจ็บ

 

ก่อนที่พวกเขาจะก่อการชุมนุมครั้งนี้ มีการซ้อมมวลชนเพื่อการชุมนุมใช้ความรุนแรงมาก่อนแล้ว เมื่อปี 2552 คือเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2552 ภายใต้การนำของ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ด้วยการบุกเข้าไปในโรงแรมรอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จนทำให้การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนไม่สามารถดำเนินการได้ ผู้นำประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุมต้องหนีตายอลหม่าน คดีนี้ศาลตัดสินถึงที่สุดให้จำคุกแกนนำทุกคนรวมถึงนายอริสมันต์ ที่หลบหนีคดีไป

 

และเมื่อวันที่  8-14 เมษายน 2552 กลุ่มคนเสื้อแดงมีการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลและหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ก่อเหตุจลาจลหน้าบ้านสี่เสา  13 เมษายน 2552 ก็ก่อเหตุจลาจลบริเวณแยกดินแดง มีการยึดรถแก๊สเพื่อขัดขวางการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ทหาร และมีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่ม นปช.กับชาวชุมชนตลาดนางเลิ้ง มีผู้เสียชีวิต 2คน รัฐบาลต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

 

12 มีนาคม 2553 มีการชุมนุมครั้งใหญ่เรียกว่า "แดงทั้งแผ่นดิน" นำโดยแกนนำ นปช. เป็นจุดเริ่มต้นของการจลาจลเผาบ้านเผาเมือง

13 มีนาคม 2553 นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ปราศรัยให้ประชาชนเตรียมน้ำมันมาคนละลิตร เตรียมเผาเมืองให้ กทม.เป็นทะเลเพลิง

15 มีนาคม 2553 เกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่กรมทหารราบที่1 มหาดเล็กรักษาพระองค์

16 มีนาคม 2553 เกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใกล้บ้านพักนายอักขราธร จุฬารัตน์ ประธานศาลปกครอง

 

ระหว่างการชุมนุมแดงทั้งแผ่นดิน ชุมนุมไปยิงระเบิดใส่สถานที่สำคัญ หรือวางระเบิดสถานที่ต่างๆ มุ่งทำร้ายบุคคลสำคัญ ไม่เว้นแต่ละวันเกือบร้อยแห่ง มีการก่อวินาศกรรมสถานีไฟฟ้า อ.วังน้อย โดยมีการวางระเบิด 6 ลูก ที่เสาไฟฟ้าแรงสูงขนาด 230 โวลล์ ของ กฟผ.ได้รับความเสียหายแต่เสาไฟฟ้าไม่ล้ม เพราะระเบิดไม่ทำงาน 3 ลูก และมีเหตุปล้นปืนจากทหารที่จะเข้ามารักษาความสงบ ไปได้หลายร้อยกระบอกบริเวณเชิงสะพานปิ่นเกล้า ตามด้วยเหตุร้ายแรงที่บริเวณสี่แยกคอกวัว จนเป็นเหตุให้ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิต พร้อมทหารและบาดเจ็บอีกหลายร้อยนาย ในเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553

 

ระหว่างการชุมนุมและหลังการชุมนุม มีการตรวจพบอาวุธและวัตถุระเบิดจำนวนมากจากที่ชุมนุม หรือจากแนวร่วมที่เกี่ยวข้อง ทั้งมีการจับกุมดำเนินคดีต่อศาลกับบุคคลดังกล่าว  จนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกคนเหล่านั้น ว่าเกี่ยวข้องกับการชุมนุมอย่างไร

เหตุที่การชุมนุมของคนเสื้อแดง มีกองกำลังติดอาวุธปะปนอยู่ด้วยเช่นนี้ จึงมีการก่อเหตุความรุนแรงระหว่างการชุมนุมตลอดเวลา แตกต่างจากการชุมนุมของพันธมิตรหรือ กปปส. ศูนย์เอราวัณสรุปยอดผู้บาดเจ็บ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2553 มีจำนวน 1,493 คน แต่ข้อมูลที่ คอป.ได้รับมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยและสาหัสไม่ต่ำกว่า 1,500 คน เฉพาะเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 คอป.ระบุในรายงานมีผู้บาดเจ็บกว่า 800คน จำนวนนี้เป็นทหารกว่า 300 นาย มีผู้เสียชีวิตรวม 26 คน เป็นทหาร 5 นาย รวม พ.อ.ร่มเกล้า (ยศขณะนั้น) ด้วย โดยมีพลเรือนเสียชีวิต 21 คน รวมนักข่าวญี่ปุ่น

 

ที่สำคัญคือเหตุการณ์นี้ ผู้ชุมนุมได้ยึดอาวุธของเจ้าหน้าที่ทหารไปจำนวนมาก และมีการปรากฎตัวของกองกำลังที่เรียกว่า "คนชุดดำ"  ใช้อาวุธสงครามโจมตีเจ้าหน้าที่ทหาร ดังปรากฎในรายงานข้อค้นพบเฉพาะกรณี ของ คอป.ยืนยันข้อเท็จจริงว่าผู้ชุมนุมมีกองกำลังติดอาวุธ และรู้กันระหว่างแกนนำ กองกำลังติดอาวุธ กับผู้ชุมนุม โดยแบ่งหน้าที่กันแบบรวมกันสู้ แยกกันโจมตี เจ้าหน้าที่ทหาร กำลังติดอาวุธบางคนถูกจับในที่ชุมนุม

 

จากรายงานข้อเท็จจริงของ คอป.ฉบับสมบูรณ์ ประกอบภาพนิ่ง คลิปวิดิทัศน์ ภาพเคลื่อนไหวของสถานีโทรทัศน์ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบคำปราศรัยปลุกระดมของแกนนำ นปช. เช่น "วันนี้การต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ชนะเป้าหมายคือคุก หรือไม่ก็ตาย เท่านั้น พี่น้อง ผมขอบอกข่าวดีว่า เดิมทีนั้นคนเสื้อแดงมีเพียงพรรคการเมือง และมวลชนเท่านั้น แต่วันนี้ แก้วอีกประการหนึ่งที่เรารอนั่นคือ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย เขาพร้อมสนับสนุนและปกป้องคนเสื้อแดง และพร้อมที่จะเป็นปรปักษ์กับกองทัพ ถ้ากองทัพทำร้ายประชาชน"

 

เมื่อพิจารณาประกอบกับข้อเท็จจริงที่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ได้เปิดเผย และคำพิพากษาของศาลอันเป็นที่สุด ไม่ว่ากรณีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ หรือห้างเซ็นเตอร์วัน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หรือการเผาศาลากลางจังหวัดต่างๆ หรือคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2560,4288-4299/2560 ,6646-6647/2561 ที่วินิจฉัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการก่อเหตุของผู้ชุมนุมไว้อย่างละเอียดแล้ว ย่อมจะเห็นได้ว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงครั้งนี้ มิใช่การชุมเพื่อประชาธิปไตย หรือเป็นการใช้สิทธิ เสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด

 

"มันคือการก่อจลาจล ลุกฮือขึ้นสู้ เพื่อการปฏิวัติ แย่งชิงอำนาจรัฐ จากรัฐบาลที่ปกครองประเทศขณะนั้น" จึงเป็นความจริงอันสมควรที่รัฐบาล และผู้รักความเป็นธรรม จะได้ช่วยกันตามหาความจริงที่หายไป ว่าการก่อการครั้งนี้ พวกเขาต้องการอำนาจรัฐและเปลี่ยนระบอบการปกครองประเทศใช่หรือไม่?

 

และเชิญชวนแก๊ง 3 คน มาร่วมกันเพื่อค้นหาความจริงที่ขาดหายไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายทักษิณ ชินวัตร ผู้บงการ ได้ทุ่มเงินสนับสนุนการต่อสู้คนเสื้อแดงครั้งนี้ รวมถึงจ้างผู้สื่อข่าวบางสำนัก และทนายต่างชาติ เพื่อเผาประเทศไทยหมดไปทั้งสิ้นกี่พันล้านบาท และมีนักการเมือง นักธุรกิจคนใดร่วมลงขันด้วยบ้าง ทักษิณ รู้เห็นกับการจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธใช่หรือไม่ เราจึงไม่ควรปล่อยคนชั่วให้ลอยนวล

 

สุดท้ายที่แก๊ง 3 คน ควรตามหาความจริงและตอบสังคมด้วยว่า " นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีส่วนเกี่ยวข้องในการควบคุมเวทีการชุมนุมที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และมีส่วนร่วมในเหตุเผาห้างเซ็นเตอร์วัน ด้วยหรือไม่" และคำปราศรัยรวมถึงข้อเขียนตามพื้น และผนังห้างที่ผู้ชุมนุมเขียนโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีส่วนเกิดจากการปลุกระดม หรืออภิปรายในที่ต่างๆ ของนายปิยบุตร แสงกนกกุล ด้วยหรือไม่ เพื่อให้ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ที่แก๊ง 3 คนอยากตามหา ได้ปรากฎความจริงและมีความสมบูรณ์ครบถ้วนทุกประการ เพราะเรื่องนี้คนไทยอยากรู้ความจริงที่หายไปครับ