“ศรีไทยฯ” ถอย 1 ก้าว ตั้งหลักสู้โควิด สั่งพักงานวันแรก18 พ.ค.นี้ 620 คน

16 พ.ค. 2563 | 02:32 น.

 

คอลัมน์: พื้นที่นี้....Exclusive

โดย:งามตา สืบเชื้อวงค์

ภัยร้ายจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19 ถือเป็นวิกฤติครั้งร้ายแรงของโลกที่ทำลายชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนพร้อมกันจำนวนมาก  ไวรัสโควิด-19  ทำลายความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ  ประชาชนจำนวนมาก เกิดปัญหาปากท้อง หลายชีวิตตกงาน  และไม่รู้ทิศทางว่าจะต้องใช้เวลาอยู่กับปัญหานี้ไปอีกนานแค่ไหน  การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจะกลับสู่ภาวะปกติอีกกี่วันกี่เดือนไม่มีใครตอบได้ทุกอย่างเป็นเพียงคำคาดการณ์

 

แต่สำหรับบริษัทศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน)หรือ “SITHAI” วันนี้ไม่รอว่าปัญหาจะจบลงเมื่อไหร่  แต่ต้องรีบตัดสินใจยอมถอยออกมา 1 ก้าว เพื่อให้ทุกชีวิต 2,524 คน ที่ผูกพัน ทำงานร่วมกันมายาวนาน ให้อยู่ในสถานะได้ทำงานกับบริษัทต่อไป

 

นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”อีกครั้งหลังจากที่มีความชัดเจนในการวางแผนรับมือพร้อมที่จะฝ่าคลื่นโควิด-19ไปด้วยกันกับพนักงานทุกชีวิตที่พร้อมจะกลับมาสู้ต่อได้ทันทีที่สายพานการผลิตเริ่มสตาร์ทใหม่แบบเต็มกำลัง

 

-แจ้งบอร์ดบริษัทฯพร้อมรับมือสู้โควิด-19

นายสนั่นกล่าวว่าได้ชี้แจ้งกับคณะกรรมการบริษัทถึงแผนการรับมือกับวิกฤติโควิด-19ครั้งนี้ โดยหลักๆจะให้น้ำหนักกับการรับมือ  3  ส่วน  คือ  1.  เรื่อง“คน” ซึ่งหมายถึงพนักงานของบริษัททั้งหมดที่มีจำนวน  2,524 คน  ในจำนวนนี้เปิดโครงการสั่งพักงานชั่วคราวก่อนจำนวน 620 คน (ตามแผนที่เคยกล่าวไว้กับ “ฐานเศรษฐกิจ”ก่อนหน้านี้ ยื้อต่อไม่ไหว “ศรีไทยซุปเปอร์แวร์” หยุดกิจการบางส่วน-สั่งพักงาน 600 คน)  โดยรายละเอียดล่าสุด  แบ่งการพักงานชั่วคราวออกเป็น 3 ส่วน คือ  โรงงานของศรีไทยฯ ที่โคราช ให้มีการพักงานชั่วคราวเป็นเวลา 3 เดือน จำนวน 250 คน  , โรงงานบางปู ผลิตเปลือกหุ้มแบตเตอรี่พลาสติกให้พนักงานจำนวน 320 คน พักงานชั่วคราวเป็นเวลา 15 วัน  และโรงงานผลิตถังสีพลาสติก ที่สุขสวัสดิ์ ให้พักงานชั่วคราวจำนวน 50 คน เป็นเวลา 15 วัน

 

 “ศรีไทยฯ” ถอย 1 ก้าว ตั้งหลักสู้โควิด สั่งพักงานวันแรก18 พ.ค.นี้ 620 คน

โดยทั้ง 3 ส่วนนี้รวม 620 คน ให้เริ่มมีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 18 พ.ค. 2563 เป็นต้นไป โดยพนักงานยินยอม และพร้อมจะกลับมาทำงานต่อโดยทุกคนยังคงสถานะความเป็นพนักงานของบริษัทฯอยู่เช่นเดิม

 

2.แผนการผลิต นับตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.2563 เป็นต้นไป บริษัทจะลดกำลังผลิตผลิตภัณฑ์เมลามีนลงประมาณ 40%  และผลิตภัณฑ์พลาสติกจะลดลงราว 25% โดยตามแผนเบื้องต้นจะลดลงไปถึงกลางเดือนก.ค. 2563

 

3.แผนการตลาด หลังจากที่ก่อนหน้านั้น วางแผนร่วมกับลูกค้าโดย แบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็น 3 ส่วน เพื่อประเมินออเดอร์หรือคำสั่งซื้อทั้งหมดให้สอดคล้องกับระบบซัพพายเชน  และสรุปได้ว่าภายในเดือนพ.ค.ถึงเดือนก.ค.นี้ เฉลี่ยออเดอร์ จะอยู่ที่ระดับ 60-70% จึงมาวางแผนวัตถุดิบและบริหารการผลิตตามออเดอร์ที่มี โดยติดต่อลูกค้าทางออนไลน์เพื่อยืนยันออเดอร์ในช่วง2-3เดือนนับจากนี้ โดยในช่วงเดือนเม.ย.ไปถึงเดือนมิ.ย.2563 ยังมีการส่งมอบให้ลูกค้า และหลังจากนั้นนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นไป ก็จะโฟกัสร่วมกับลูกค้าต่อว่าจะมีออเดอร์เข้ามาอีกมากน้อยแค่ไหน เพราะต้องล้อไปตามปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดด้วย

 

-เดินแผนปรับตัวบริหารความเสี่ยง

นายสนั่น  ยอมรับว่าแผนการบริหาร “คน”เป็นความยากลำบากใจ  แต่ยังโชคดีที่พนักงานทุกคน ทั้งคนไทยและต่างด้าวที่ทำงานด้วยกันมานาน 10-30 ปี ล้วนมีความเข้าใจ และเห็นใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับบริษัทฯ โดยก่อนหน้านี้ได้ทำความเข้าใจกับพนักงานว่าเราจะมีแผนรับมือร่วมกันอย่างไร ธุรกิจได้เจออะไรมาข้าง

 

“เราต้องถอยออกมา 1 ก้าว เพื่อรับมือและปรับตัวให้เร็ว ใกล้ชิดกับลูกค้าเป็นระยะเพื่อบริหารความเสี่ยงในระบบซัพพายเชนทั้งระบบให้ได้  โดยการสั่งพักงานชั่วคราวนอกจากไม่ได้เลิกจ้างพนักงานแล้ว ยังจะเป็นการประกันความเสี่ยงเมื่อถึงเวลาที่ออเดอร์กลับมาก็จะมีแรงงานรองรับได้ทันที”

 

นอกจากนี้จะต้องระบายสะต็อกวัตถุดิบให้เหลือน้อยที่สุดและควบคุมค่าใช้จ่ายทุกด้าน  รวมไปถึงสำรวจสินทรัพย์ที่ไม่ใช้แล้ว  เช่น เครื่องจักรเก่า หลังจากที่บริษัทฯมีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่ไปก่อนหน้านี้ก็ต้องขายทิ้งเครื่องจักรเก่าที่ยังใช้งานได้  บางส่วนอาจจะขายให้กับฐานการผลิตในต่างประเทศไป

 “ศรีไทยฯ” ถอย 1 ก้าว ตั้งหลักสู้โควิด สั่งพักงานวันแรก18 พ.ค.นี้ 620 คน

 

นายสนั่นกล่าวถึงความคาดหวังจากผลประกอบการตลอดปี2563 ซึ่งเป็นปีที่เผชิญภาวะวิกฤติที่รุนแรงสุด โดยประเมินเบื้องต้นจากการคาดการณ์ว่าจะมียอดขายลดลงเหลือ 7,200-7,500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับยอดขายปี2562 อยู่ที่ 8,930 ล้านบาท 

 

โดยผลประกอบการล่าสุดไตรมาสแรกปี2563 มียอดขายรวมประมาณ 1,923 ล้านลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 2,414 ล้านบาทหรือลดลงไปประมาณ 20%  แต่มีกำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่มีกำไรเพียง 10 ล้านบาท   และคาดการณ์ในไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 ปีนี้ยอดขายน่าจะลดลงประมาณ 30-50%   อย่างไรก็ตามเวลานี้สิ่งสำคัญที่สุดคือพนักงานทุกคนต้องปลอดภัยจากโควิดเพราะสินค้าที่ผลิตเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับอาหาร  และเราไม่ได้สนใจว่าปีนี้ยอดขาย และกำไรจะเป็นเท่าไหร่ ต้องการเพียงให้บริษัทมีสภาพคล่องอยู่ได้ด้วยตัวเองบริหารหนี้ได้โดยไม่ให้เกิดหนี้สูญ

 

-บทเรียนจากโควิด-19

 

สุดท้ายนายสนั่นกล่าวถึงบทเรียนที่ได้รับจากวิกฤติโควิดว่า  จากที่เคยมองว่าบางธุรกิจกำลังจะเป็นดาวร่วงเพราะเทคโนโลยี และนวัตกรรมกำลังจะมาเปลี่ยนแปลง แต่วันนี้บางธุรกิจในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กำลังกลับมาไปได้ดีเช่น กลุ่มฮาร์ด ดีสก์ ไดร์ฟ (HDD) ดูได้จากการขายลังและพาเลท พลาสติกที่ใส่ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือผลิตภัณฑ์พลาสติกที่เป็นกล่องอาหาร  ก็กลับมาเป็นโอกาสในช่วงวิกฤติโควิด ทำให้บริษัทฯต้องพุ่งเป้าค้าขายทางออนไลน์มากขึ้น ปรับตัวโดยนำดิจิตอลเทคโนโลยีเข้ามาบริหาร สอดคล้องกับที่เมื่อปลายปีที่ผ่านมาบริษัทฯเสริมทัพโดยหาคนเก่งด้านการบริหารงาน และด้านการวิจัยและพัฒนารวมถึงวิศวกรเก่งๆเข้ามาช่วย  และมองว่าถ้าโควิด-19 ผ่านไปได้กลุ่มศรีไทย ซุปเปอร์แวร์ จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดและมั่นคงอีกครั้งสำหรับองค์กรที่มีอายุใกล้ 60 ปี  (ปัจจุบันศรีไทยซุปเปอร์แวร์ฯครบรอบ57 ปีเต็ม)   นายสนั่นกล่าวทิ้งท้าย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง