มหาเศรษฐี กับนายกรัฐมนตรี (จบ)

28 เม.ย. 2563 | 11:30 น.

คอลัมน์ข้าพระบาททาสประชาชน ฉบับ 3570 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 30 เม.ย.- 2 พ.ค.63 โดย... ประพันธุ์ คูณมี

 

          วันนี้ขอเสนอตอนจบครับ เรื่องราวของ มหาเศรษฐี กับ นายกรัฐมนตรี จากบันทึกด้วยปลายปากกา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายประมวล รุจนเสรี  รัฐมนตรีร่วมคณะรัฐมนตรี รัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งคงเป็นอุทธาหรณ์สอนใจ ที่มหาเศรษฐีทุกท่านควรอ่าน และเป็นบทเรียนเตือนตน บทจบเป็นอย่างไร ผู้อ่านได้อุทธาหรณ์อย่างไรกับชีวิต ท่านเท่านั้นจะเป็นผู้ให้คำตอบกับตนเองครับ

                                                   --------------

          “ผมรู้สึกได้ทันทีว่า นี่คือการสกัดกั้นธุรกิจของครอบครัวมหากิจศิริ อย่างแน่นอน สังคมนั้นลึกซึ้งนัก อดไม่ให้นึกถึงบางอ้อว่า ความเป็นมหาเศรษฐีระดับต้นๆ ของเมืองไทย มีทั้งคนอยากได้ไว้เป็นผู้สนับสนุน หรือเก็บไว้เพื่อคุมกําเนิดตามกลยุทธ์

          ด้วยภาพลักษณ์ที่คุณประยุทธ รักษาไว้ตลอดมาจากการทําธุรกิจ คือการไม่ปะทะกับผู้มีอํานาจ ถึงแม้จะไม่ได้รับความเป็นธรรม คุณประยุทธ ก็ได้แต่เฉย และปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป แม้จะทําให้ธุรกิจโครงการผลิตทองแดงบริสุทธิ์เสียหายอย่างมากมายมหาศาล

          ด้วยภาพลักษณ์ที่คุณทักษิณ แสดงต่อสาธารณะ ด้วยความสนิทชิดชอบกับ ครอบครัวมหากิจศิริ กลับเป็นผลร้ายต่อธุรกิจของคุณประยุทธ ต่อการผลิตทองแดงบริสุทธิ์ของคุณประยุทธอีกครั้งหนึ่ง

          กล่าวคือ โรงงานผลิตทองแดงบริสุทธิ์ที่จังหวัดระยอง คุณประยุทธได้ลงทุนที่หลายหมื่นล้าน และได้ติดตั้งเครื่องจักรจนสามารถผลิตทองแดงบริสุทธิ์ได้ในเชิงพาณิชย์แล้วนั้น ในระหว่างที่มีการรัฐประหาร ยึดอํานาจและล้มล้างรัฐบาลของ คุณทักษิณ ชินวัตร จน คุณทักษิณ ต้องหลบหนีภัยไปอยู่นอกประเทศ

          ผมขอเรียนข้อมูลให้ทราบว่า โรงงานผลิตทองแดงบริสุทธิ์แห่งนี้ ผ่านการอนุมัติให้ตั้งโรงงานจากกระทรวงอุตสาหกรรม ผ่านการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทย ผ่านการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ใช้เวลาขออนุมัติอนุญาตหลายปีและใช้เวลาก่อสร้างโรงงาน รวมทั้งต้องระดมทุนจากแหล่งลงทุนมากมายทั้งภายในประเทศ และภายนอกประเทศ เป็นโรงงานที่ทันสมัยสมบูรณ์ที่สุดโรงงานหนึ่งในประเทศไทยและของโลก

          โรงงานทองแดงบริสุทธิ์แห่งนี้ เป็นโรงงานที่ทันสมัยมาก ตั้งอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ มีผู้เชี่ยวชาญที่เป็นวิศวกรด้านการผลิตทองแดงบริสุทธิ์ที่ดีที่สุดของโลก โดยรัฐวิสาหกิจจากประเทศชิลี ถึงกว่า 100 คนเป็นผู้ควบคุมงาน มีพนักงานชาวไทยที่ทํางานอยู่กว่า 1,200 คน เป็นโรงงานทันสมัย สามารถผลิตทองแดงบริสุทธิ์ เป็นวัตถุดิบเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจมากมายมหาศาลในประเทศ

          เมื่อโรงงานแห่งนี้ได้เริ่มประกอบการในเวลาไม่นานนัก ได้เกิดรัฐประหารยึดอํานาจจากรัฐบาลของ คุณทักษิณ ชินวัตร ทําให้คุณทักษิณต้องหลบหนีออกนอกประเทศในปี พ.ศ. 2549

          โดยเหตุที่รัฐบาลที่ขึ้นต่อจากรัฐประหาร คมช. หลังจากยึดอํานาจแล้ว ก็มีการติดตามตรวจสอบบุคคลที่รัฐบาลคาดว่า น่าจะเป็นผู้สนับสนุนและเป็นเครือข่ายทางการเมืองของผู้มีอํานาจเก่า ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน ข้าราชการ ผู้จงรักภักดีต่อระบบทักษิณมาก่อน แม้แต่นักธุรกิจ บริษัท ห้างร้านต่างๆ เพื่อเป็นการป้องกันล่วงหน้าไว้ก่อน และเพื่อริดรอนอํานาจของคุณทักษิณ

          โรงงานผลิตทองแดงบริสุทธิ์ของ คุณประยุทธ ที่จังหวัดระยอง ก็ถูกหวยครั้งนี้กับเขาด้วย รัฐบาลขณะนั้นอ้างว่าโรงงานแห่งนี้ทําให้เกิดมลภาวะเป็นพิษมีผลต่อสุขภาพ ร่างกาย ชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชนจึงสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พิจารณาใช้อํานาจปิดโรงงานแห่งนี้

          การปิดโรงงานของผู้ว่าราชการจังหวัดครั้งนี้ ไม่มีการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ว่า โรงงานผลิตมลพิษอย่างไร? ไม่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นการสั่งปิดโรงงานที่รวดเร็วด้วยกระดาษเพียงแผ่นเดียว เสมือนดั่งว่าผู้สั่งการหลงคลั่งในอํานาจ โดยมีคณะรัฐประหารสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และตัวผู้ว่าราชการจังหวัดผู้รับคําสั่ง ก็เกรงกลัวจนต้องลนลานสั่งปิดโรงงานทองแดงบริสุทธิ์แห่งนี้ ด้วยหมายปิดโรงงานเพียงแผ่นเดียว

          ในวันที่ปิดโรงงานมีรถบรรทุกที่มารับทองแดงจํานวนมาก รอเวลารับขนทองแดงไปส่งลูกค้า เมื่อคําสั่งปิดมาถึงจึงเกิดความโกลาหลให้แก่ประชาชนพอสมควร

          ผมเองเคยเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ว่าราชการจังหวัดระยองท่านนี้มาก่อน มีความสัมพันธ์และคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว พอที่จะสอบถามเหตุผลในการสั่งปิดโรงงานครั้งนี้ และสงสัยในการใช้ดุลพินิจของท่านว่า มีเหตุผลกลใดที่กล้าใช้อํานาจทางกฎหมายปิดโรงงานโดยไม่มีการสอบสวนสืบสวนข้อเท็จจริงทั้งที่เป็นโรงงานขนาดใหญ่ สร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจให้แก่จังหวัดระยอง และประเทศชาติมากมาย

          เมื่อผมทราบข่าวการสั่งปิดโรงงานผลิตทองแดงบริสุทธิ์นี้นั้น ผมแทบไม่เชื่อ และมั่นใจว่ามีเบื้องหลังแน่นอน

          ในที่สุดผมก็ได้ผลลัพธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองตอบผมว่า “โธ่พี่ ส่วนกลาง เขาสั่งผมมา ลําพังเพียงผมจะกล้าไปปิดโรงงานขนาดแสนล้านได้อย่างไร" ผมก็ได้แต่ คิดว่า จริงของน้องเขาแฮะ เพราะคณะรัฐประหารยังครองอํานาจบ้านเมืองอยู่ ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ไม่กล้าเสี่ยงไปขัดคําสั่งของเขา

          ผมบอก คุณประยุทธ ให้อุทธรณ์ไปยังส่วนกลางด้วยเหตุผลร้อยแปดที่สามารถยกมาอ้าง แต่คุณประยุทธ ก็คือ คุณประยุทธ คุณประยุทธ กล่าวกับผมว่า “ผมขอถอยดีกว่าที่จะขัดแย้งกับคณะที่ทรงอํานาจ”

          ผมได้แต่เห็นใจ คุณประยุทธ ที่โชคไม่ดี ที่ไปคบค้าสมาคมกับคุณทักษิณ ทั้งที่ความจริง คุณทักษิณ ก็ไม่ได้อวยประโยชน์ใดๆ ให้แก่ คุณประยุทธ เลย ตรงกันข้ามกลับเอาตัว คุณประยุทธ และ คุณกึ้ง ไปไว้ใกล้ตัวเพื่อไม่ให้ คุณประยุทธ ไปช่วยพรรคการเมืองอื่น

          อนิจจาประเทศไทย ธุรกิจผลิตทองแดงบริสุทธิ์ที่จําเป็นของประเทศต้องพังพินาศลงนับตั้งแต่บัดนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปิดโรงงานทองแดงบริสุทธิ์ ของ คุณประยุทธ มหากิจศิริ นี้ ยังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ต้องพึ่งพาทองแดงบริสุทธิ์เป็นวัตถุดิบ อีกทั้งจําเป็นต้องสั่งจากต่างประเทศเท่านั้น และประเทศไทย จะไม่มีโอกาสมีอุตสาหกรรมผลิตทองแดงบริสุทธิ์ อีกต่อไป

          การปิดโรงงานแห่งนี้ ได้สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติและ คุณประยุทธ มหากิจศิริ เป็นเงินหลายหมื่นล้านบาท และยังทําลายโอกาสที่คุณ ประยุทธ มหากิจศิริ จะได้รับผลตอบแทน (กําไร) จากการลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตทองแดงบริสุทธิ์นี้ไปปีละกว่าหมื่นล้านบาท เป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง และเป็นวิบากกรรมที่ประเทศชาติ และ คุณประยุทธ มหากิจศิริ ได้รับผลกระทบเต็มๆ

          ที่สําคัญกว่านั้น ประเทศไทยของเราจะไม่มีเทคนิคการผลิตชั้นสูงในการผลิตทองแดงบริสุทธิ์ถึง 99.99% อีกต่อไป นอกเหนือจากนี้ประเทศไทยยังจะต้องพึ่งพาการนําเข้าทองแดงบริสุทธิ์จากต่างประเทศ ปีละกว่า 300,000 ล้านบาท (สามแสนล้านบาท) เพื่อนํามาใช้ภายในประเทศตลอดไป

          โชคดีที่ คุณประยุทธ มหากิจศิริ มีวิสัยทัศน์ที่ดีและยาวไกล ถึงแม้จะได้รับผลกระทบมากมายมหาศาล จากความเสียหายที่ถูกสั่งปิดโรงงานทองแดงบริสุทธิ์ไปหลายหมื่นล้านบาท แต่ คุณประยุทธ มหากิจศิริ ยังสามารถรักษาดูแลธุรกิจ และขยายอาณาจักรธุรกิจของท่านได้อย่างมั่นคง ยั่งยืนและยังคงครองอันดับเศรษฐีชั้นแนวหน้า ในฐานะหัวหน้าครอบครัว “มหากิจศิริ" (ซึ่งจัดอันดับโดย Forbes Magazine) ของประเทศไทย เราได้อย่างเต็มภาคภูมิ

          ผมจึงขอชื่นชมท่านด้วยใจจริงครับ

          ประมวล รุจนเสรี

          เมษายน 2563