‘อีแร้ง’ติดเชื้อชั่ว สบช่องเขมือบ 600 ล้าน ไม่สนความ‘เป็น-ตาย’คนไทย
คอลัมน์ล้วงตับ โดย...จิ้งจกตัวใหญ่
หน้า 7 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,565 วันที่ 12-15 เมษายน 2563
จ๊อก จ๊อก จ๊อก มันมาอีกแล้ว...เพื่อนจิ้งจกตัวใหญ่ที่อยู่ในกระทรวงใกล้ๆ กับสถาบันทรวงอก ย่านติวานนท์ รายงานเข้ามาว่าเขาจะเอาเงินปากถุงจากเครื่องมือทางการแพทย์ตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คราวที่แล้วจิ้งจกตัวใหญ่ได้แฉเส้นทางวงจรอุบาทก์ของฝูงอีแร้งที่มีจ่าฝูงชื่อ “หมอมนต์ดำ” ในการวางแผนกวาดเงินเข้าพอร์ตของพวกพ้องตัวเอง ผ่านไป 1 สัปดาห์ คิดว่าเรื่องฉาวที่ว่านั้นจะมีอะไรไปดลจิตดลใจ “หมอมนต์ดำ”และบริวารอีแร้งฝูงนี้ให้หยุดเชื้อชั่ว... แต่ท้ายที่สุดหาเป็นเช่นนั้นใหม่ กลับหาช่องหาลู่ทางผลักดันวงจรอุบาทก์ รุมจิกกินผลประโยชน์บนความเป็นความตายของคนในชาติจนได้
พลันที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ชุดที่ 3 วงเงิน 1.9 ล้านล้าน ที่ออกมาประกอบด้วย การออกพ.ร.บ.โอนงบประมาณ 8 หมื่นถึง 1 แสนล้าน และยังมีพ.ร.ก.ของธนาคารแห่งประเทศไทย วงเงิน 9 แสนล้าน นอก จากนี้ออกพ.ร.ก.เงินกู้ในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้าน ของกระทรวงการคลัง เพื่อใช้สำหรับการเยียวยา และด้านสาธารณสุข 6 แสนล้านบาท และการฟื้นฟูเศรษฐกิจอีก 4 แสนล้านบาท
จุดโฟกัสที่น่าสนใจที่จิ้งจกตัวใหญ่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการตรวจสอบคือ ในวง 6 แสนล้านบาท ที่มาช่วยด้านสาธารณสุข จุดนี้ที่ทำให้อีแร้งฝูง “หมอมนต์ดำ” สบช่องทางเข็นโปรเจ็กต์อุบาทก์ที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ บอกตรงๆ ว่าขณะฟ้าผ่าไปแล้วรอบหนึ่ง อีแร้งฝูงนี้มันยังไม่ตาย มันหาช่องทางจนได้จริงๆ
มา มา มา จิ้งจกตัวใหญ่จะแฉให้ฟังว่า...ช่องทางตักตวงครั้งใหม่ของอีแร้งฝูงหมอมนต์ดำทำกันอย่างไร? แหม่ๆ ง่ายนิดเดียว เมื่อหมอมนต์ดำ เห็นงบที่รัฐบาลตั้งไว้ 6 แสนล้าน มาช่วยด้านสาธารณสุข ทันใดนั้นหมอมนต์ดำได้ที จึงใช้ให้ร่างทรงที่มีอำนาจในกระทรวงสำคัญเกี่ยวกับสุขอนามัยต่างๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กับสถาบันทรวงอก ย่านติวานนท์ ให้ดำเนินการปัดฝุ่นโปรเจ็กต์เดิมขึ้นมาใหม่ ในการจัดหาเครื่องตรวจเชื้อไวรัสแบบ PCR-Polymerase Chain Reaction ซึ่งเป็นกระบวนการในการสังเคราะห์ชิ้นส่วนของดีเอ็นเอ (DNA) ของสิ่งมีชีวิตในหลอดทดลอง เพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อโรคพันธุกรรม การผันแปรทางพันธุกรรม และการกลายพันธุ์ของยีน เพื่อคัดกองตรวจหาเชื้อให้คนไทยทั่วทั้งประเทศ ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด โอ้ว...เรื่องนี้จิ้งจกตัวใหญ่ยอมรับ ถือเป็นเรื่องที่ดีในการคุมการแพร่ระไวรัสโควิด-19
แต่เรื่องดีๆ มักแฝงด้วยผลประโยชน์เสมอ โดยเฉพาะเรื่องนี้ ความแตกตรงที่ว่า “เอกชนรายหนึ่ง” เป็นผู้นำเข้าเครื่องตรวจเชื้อไวรัสแบบ PCR ซึ่งเอกชนรายนี้หวังเพียงว่าช่วยให้ชาติพ้นภัยสงครามโรคครั้งนี้ไปให้ได้
แต่ปรากฏว่า ทันทีที่เอกชนรายนี้ยื่นเรื่องในการนำเข้าเครื่องตรวจเชื้อไวรัส ร่างทรงบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากต้อง ไปคุยกับ “หมอมนต์ดำ” อันที่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นั้น มันไม่ใช่ความเป็นความตายของคนไทยหรอก มันหายถึงเงินปากถุงที่มีนํ้าหนักมากต่างหาก?
ตามจิ้งจกตัวใหญ่ไปดูว่า แผนหากินของอีแร้งฝูงหมอมนต์ดำเป็นเช่นไร แผนนี้เข้าวางกันไว้ว่าจะนำเครื่องตรวจเชื้อไวรัสแบบ PCR ไปวางที่ศูนย์ โรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลอำเภอ ซึ่งสอดคล้องกับแผนของกรมควบคุมโรค และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่เสนอเรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้ ว่าจะสร้างทั้งหมด 110 แห่ง แต่ละแห่งใช้เครื่องเดียว แต่ถ้าโรงพยาบาลศูนย์ใช้เครื่องใหญ่ โรงพยาบาลระดับจังหวัดระดับตำบลก็ใช้เครื่องเล็ก จะหากินกันจนได้... ด้วยการโยนหินถามทางโดยราชการ ทำการตรวจสอบหาข้อมูลต่างๆ นาๆ เพื่อมารองรับอ้างผลเพื่อสนองต่อโปรเจ็กต์นี้
ร่างทรงหมอมนต์ดำอ้างว่าที่ต้องจัดซื้อในจำนวน 110 เครื่องนั้น เพราะขณะนี้เครื่องตรวจเชื้อไวรัสแบบ PCR ทั้งหมดบ้านเราที่ใช้ในการตรวจสอบคัดกรอง มีแค่ 40-50 แห่งเท่านั้น การไม่สามารถทำได้ทั่วถึง เพราะคนที่ป่วยจะต้องตรวจอย่างน้อย 10 ครั้ง เพราะฉะนั้นตัวเลขต่างจังหวัดที่บอกว่าตรวจได้ 1 หมื่นตัวอย่าง หรือในกรุงเทพฯ ที่ตรวจได้ 1 หมื่นตัวอย่างนั้น คือขีดความสามารถที่น้อยมาก
เพราะฉะนั้นร่างทรงหมอมนต์ดำจึงขอซื้อเครื่อง และสังคมก็เห็นด้วยเพราะการเข้าถึงมันจำกัดวงจริงๆ แต่ข้างในจริงๆ คือ ฝูงอีแร้งจัดการไว้เรียบร้อยแล้วเสนออย่างเดียว แล้วก็ราคาสูงกว่า มาอีกแล้วกินหัวคิว... ซึ่งราคาเครื่องตรวจเชื้อไวรัสแบบ PCR เครื่องเล็กตกอยู่ที่เครื่องละ 2 ล้านบาท ถ้าเครื่องใหญ่ตกอยู่ที่ เครื่อง 15-20 ล้านบาท ตามนิสัยและสไตล์หมอมนต์ดำนั้น ฟันหัวคิว 30% เสมอ ซึ่งคิดคำนวณง่ายๆ โปรเจ็กต์นี้มีเงินตกนํ้าราว 600 ล้านบาทกันเลยทีเดียว
จิ้งจกตัวใหญ่ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาตราหน้าฝูงอีแร้งหมอมนต์ดำที่หาผลประโยชน์ไม่จบไม่สิ้น ไม่สนว่าคนไทยทั้งชาติกำลังเผชิญกับชะตากรรมโรคระบาดที่ร้ายแรงที่สุดอยู่
แต่วันนี้ก็คงไม่แปลกใจว่าทำไมหลายคนหลายเจ้าสัวถึงยอมจ่ายให้หมอมนต์ดำ เพราะหมอมนต์ดำขึ้นชื่อการโขกหัวคิวว่า “เจ็บแต่จบ จ่ายหนักได้ชัวร์” วงจรอุบาทก์นี้จึงไม่จบไม่สิ้นเสียที จงจำไว้จิ้งจกตัวใหญ่จะตามติดไปทุกที่ พร้อมเปิดโปงความชั่ว ให้คนในชาติร่วมประณาม และจงจำไว้คนคิดคดกบฏแผ่นดินมักจบไม่สวย...