จีนสร้างความมั่นคง ทาง“ธัญญาหาร”

09 เม.ย. 2563 | 06:28 น.

พล.ต.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประมวลเรื่องการสร้างความมั่นคงทางธัญญาหารของจีน ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจคือ

1.นายเว่ย ไป่กัง (Wei Baigang) อธิบดีกรมแผนการพัฒนาการเกษตรและเขตชนบทจีน ได้กล่าวในที่ประชุมแถลงข่าวเมื่อวันที่ 4 เม.ย.63ณ กรุงปักกิ่ง ว่า ตั้งแต่ปี 2010 (พ.ศ.2553) เป็นต้นมา ปริมาณธัญญาหารเฉลี่ยต่อคนของจีนมากกว่าระดับเฉลี่ยของโลกมาโดยตลอด และเมื่อปี 2019 (พ.ศ.2562) ปริมาณธัญญาหารเฉลี่ยต่อคนของจีนมากกว่า 470 กิโลกรัม (มาตรฐานเฉลี่ยต่อคนของโลกอยู่ที่ 400 กิโลกรัม) โดยในช่วงระยะเวลาหลายปีมานี้ จีนมีความอุดมสมบูรณ์ด้านการเก็บเกี่ยวทุกปี โดยมีปริมาณการเก็บเกี่ยวมากกว่า 650,000 ล้านกิโลกรัมติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปีมาแล้ว

2.แนวทางการสร้างความมั่นคงทางธัญญาหารของจีน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายภายในปี 2022 (พ.ศ.2565) ตามแผนยุทธศาสตร์การฟื้นฟูชนบทของจีน (ปี 2561-2565) ในการพัฒนาการทำเกษตรและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวชนบท ซึ่งจีนจะมีความพร้อมในระบบข้อมูลเพื่อสร้างแผนที่พื้นที่เพาะปลูก การปรับปรุงข้อมูลสารสนเทศและการควบคุมการเกษตรแบบแม่นยำ โดยเฉพาะการสร้างเขตพื้นที่เพาะปลูกข้าวและธัญพืช และเขตคุ้มครองการผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับการพัฒนาศักยภาพในการผลิต โดยมีระบบการบริหารจัดการที่พร้อม และเป็นการทำเกษตรแบบสมัยใหม่ อันประกอบด้วย 

2.1 การกำหนดแผนในการสร้างพื้นที่ 2 เขต คือ เขตพื้นที่เพาะปลูกข้าวและธัญพืช และเขตคุ้มครองการผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ โดยจะเป็นพื้นที่ทางการเกษตรถาวรระยะยาวสำหรับการเพาะปลูกพืชที่กำหนด และไม่สามารถนำไปใช้ในการเกษตรด้านอื่นได้ ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แนะในการสร้างเขตพื้นที่เพาะปลูกข้าวและธัญพืช (ข้าว ข้าวสาลี และข้าวโพด) เป็นพื้นที่ 375 ล้านไร่ และเขตคุ้มครองการผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ (ถั่วเหลือง ฝ้าย เมล็ด rapeseed อ้อย และยางพารา) เป็นพื้นที่ 99.17 ล้านไร่

2.2 การกำหนดโซนเพาะปลูกในพื้นที่ 2 เขตทั่วประเทศจีน จะพิจารณาจากสภาพพื้นที่การเกษตรเดิมที่เคยทำการปลูกพืชชนิดนั้น ๆ โดยในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ในการเพาะปลูกพืชชนิดนั้นไม่ลดลง สภาพนิเวศวิทยาอยู่ในสภาพดี สภาพดินและน้ำอุดมสมบูรณ์ ความลาดเอียงของพื้นที่น้อยกว่า 15 องศา เลือกพื้นที่ให้ต่อเนื่องกันเพื่อพัฒนาเป็นแปลงใหญ่ โดยหากเป็นที่ราบรวบรวมพื้นที่ไม่น้อยกว่า 208.00 ไร่ หากเป็นที่บริเวณภูเขารวมพื้นที่ใม่น้อยกว่า 20.83 ไร่

ทั้งนี้ หากเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่มีการพัฒนาการเกษตรมาตรฐานระดับสูงอยู่แล้วก็จะได้รับคัดเลือกก่อน หากเป็นพื้นที่เพาะปลูกยาง ต้องเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากอากาศที่หนาวเย็น และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลน้อยกว่า 900 เมตร เพื่อให้ง่ายต่อการกรีดยาง

2.3 การดำเนินการสร้างพื้นที่ 2 เขต เพื่อมุ่งไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยจะส่งเสริมให้เป็นการทำการเกษตรแบบมาตรฐานสูง สร้างและพัฒนาสาธารณูปโภคด้านน้ำที่ใช้ในการเกษตรและการทำระบบให้เข้าสู่แปลงโดยชลประทานประหยัดน้ำ การใช้เมล็ดพันธุ์ที่ดีและให้ผลผลิตสูง ยกระดับให้เป็นการทำการเกษตรโดยใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยี ใช้ระบบอินเทอร์เน็ต และ cloud รวมถึงระบบข้อมูล big data เข้ามาร่วมด้วย

2.4 การสร้างการรับรู้ด้านนโยบายเพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการเข้าร่วม โดยรัฐบาลกลางและท้องถิ่นมีนโยบายในการส่งเสริม สนับสนุน และให้หลักประกันในการใช้พื้นที่ในการพัฒนาการเกษตรเพื่อสร้างเขตพื้นที่ผลิตข้าวและธัญพืช และพืชเกษตรที่สำคัญในระยะยาว เช่น การสนับสนุนก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อใช้ในการเกษตรจนถึงระดับแปลง การหาแหล่งเงินกู้ยืมให้กับเกษตรกร/ผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการ และการประกันความเสียหายในการเพาะปลูก เป็นต้น

2.5 รัฐบาลระดับมณฑลจะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลการเลือกพื้นที่ 2 เขต ที่นำเสนอจากเมืองและอำเภอต่าง ๆ ในมณฑล แล้วจึงส่งข้อมูลให้กับกระทรวงเกษตรและกิจการชนบท คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสำเนาให้กับกระทรวงการคลัง กระทรวงที่พักอาศัยและการพัฒนาเขตเมือง-ชนบท และกระทรวงทรัพยากรน้ำ โดยกระทรวงเกษตรและกิจการชนบท คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจะเป็นเป็นผู้ชี้แนะการสร้างแผนที่อิเล็กทรอนิกส์และฐานข้อมูล เพื่อสามารถรวมให้เป็นภาพใหญ่ของทั้งประเทศ และจะต้องรายงานผลการดำเนินงานการจัดสร้างเขตพื้นที่ให้กับคณะรัฐมนตรีจีนทราบด้วย

3.ข้อสังเกต จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและกิจการชนบทจีน พบว่า เมื่อปี 2019 (พ.ศ.2562) ปริมาณการผลิตธัญญาหารของจีนสูงถึง 664 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับปี 2018 (พ.ศ.2561) และถือเป็นสถิติใหม่ในประวัติศาสตร์

ทั้งนี้ การเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์ติดต่อกันในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ปริมาณสะสมธัญญาหารในคลังของจีนมีเพียงพอ ซึ่งสอดคล้องกับการแถลงข่าวของ นายหวัง ปิง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการอุปโภค กระทรวงพาณิชย์จีน เมื่อวันที่ 2 เม.ย.63 ว่า ปี 2019 (พ.ศ.2562) ข้าวสาร ข้าวสาลี และข้าวโพด ในคลังมีปริมาณกว่า 280 ล้านตัน ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการในประเทศ และหากไม่มีการนำเข้าก็จะไม่เกิดปัญหาขาดแคลนธัญญาหารแต่อย่างใด

 

บทสรุป ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ราคาธัญญาหารระหว่างประเทศในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ธัญญาหารในคลังของจีนยังคงมีปริมาณเพียงพอ ดังนั้น ราคาธัญญาหารและอาหารต่าง ๆ ในตลาดจีนจึงมีเสถียรภาพ ซึ่งสอดรับกับแนวคิดของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในฐานะเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลาง พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่กล่าวเน้นว่า “ชามข้าวของคนจีนจะต้องถือไว้อย่างมั่นคงด้วยมือของตัวเอง จึงต้องให้ความสำคัญอย่างมากในการยกระดับการผลิตข้าวและธัญพืชที่สำคัญ ให้มีความปลอดภัยและสามารถป้อนความต้องการบริโภคภายในประเทศได้ โดยไม่ได้รับผลกระทบจากตลาดต่างประเทศ” อันเป็นการตอกย้ำถึงการสร้างหลักประกันความมั่นคงทางธัญญาหารของจีน

 

บทความหน้า 6 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3564 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 12-15 เม.ย.63