คนกลับจากเมืองนอก "ปมใหญ่คุมระบาด" เพราะปิดประตูบ้านไม่สนิท

05 เม.ย. 2563 | 00:00 น.

รายงานพิเศษ : คนกลับจากเมืองนอก "ปมใหญ่คุมระบาด" เพราะปิดประตูบ้านไม่สนิท

จะเรียกว่าเป็นข่าวดีก็พูดได้ไม่เต็มปาก กับการที่ คนไทยจำนวน 158 ราย ได้มารายงานตัวครบแล้ว เมื่อค่ำวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา แม้ว่าจะล่วงเลยเส้นตาย 18.00 น. ที่รัฐบาล โดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิดกำหนดก็ตาม ก็ยังเป็นการยืดหยุ่นให้ในภาวะฉุกเฉินแบบนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการกักตัวตามขั้นตอนต่อไป

 

คนกลับจากเมืองนอก "ปมใหญ่คุมระบาด" เพราะปิดประตูบ้านไม่สนิท

 

เรื่องนี้ก็เป็นผลพวงต่อเนื่องมาจากผู้โดยสารคนไทย จำนวน 158 คน เดินทางจากต่างประเทศด้วย 5 เที่ยวบิน จากเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา แล้วเกิดปัญหาในการกักตัว

 

ปัญหาที่ว่า โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) “นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” ใช้คำว่า คนไทยจำนวนดังกล่าวได้อยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิหลายชั่วโมง เพื่อรอเวลาไปอยู่ในสถานที่ที่รัฐจัดให้ มีความไม่เข้าใจ มีการต่อรองว่าจะไม่ขออยู่ ไม่ร่วมมือในการที่จะไปอยู่ในที่ที่รัฐจัดให้ อ้างเหตุว่าไม่ได้รับทราบมาก่อน และอ้างเหตุว่าจะกลับไปอยู่ในที่ที่ตัวเองจัดไว้  ทำให้เกิดการควบคุมกลุ่มกลุ่มชนไม่ได้  มีการร้องขอกลับไปยังบ้านพักอาศัยของตนเอง”

 

ซึ่งเรื่องนี้ “นายกรัฐมนตรีสั่งไม่ควรให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก”

การที่นายกฯย้ำอย่าให้เกิดขึ้นอีก นั่นเพราะกระทรวงสาธารณสุข พบข้อมูลและมีความกังวลกับ “กลุ่มเป้าหมาย” ที่แพร่กระจายเชื้อมากที่สุด ข้อมูลผู้ติดเชื้อรายใหม่ 89 ราย ณ วันที่ 4 เม.ย. 63  หนึ่งในนั้นคือ กลุ่มก้อนที่ใหญ่มากคือ “คนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 18 ราย” 

คนกลับจากเมืองนอก "ปมใหญ่คุมระบาด" เพราะปิดประตูบ้านไม่สนิท

 

หมอทวีศิลป์ บอกว่า “เมื่อคืนวันที่ 3 เม.ย. เป็นคนกลุ่มนี้ที่มีปัญหาที่สนามบินสุวรรณภูมิและจะต้องได้รับการดูแลอย่างดี เพราะถ้าทั้ง 158 คนไปสัมผัสกับครอบครัว พ่อแม่ หรือญาติพี่น้อง ก็ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงทั้งสิ้น จึงของให้  158 คน รวมถึงญาติที่สัมผัสกับท่าน ขอให้มาทั้งครอบครัว เพื่อจะได้ดูแลท่าน

 

คนกลับจากเมืองนอก "ปมใหญ่คุมระบาด" เพราะปิดประตูบ้านไม่สนิท

แต่จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 3 เม.ย. นพ.ทวีศิลป์ บอกว่า ที่ประชุม ศบค. มีมติว่าจะต้องชะลอการเดินทางของคนต่างชาติและคนไทย จะต้องหยุดเชื้อให้ได้  โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการว่า จะต้องชะลอการเดินทางเข้ามาของคนต่างชาติและคนไทย 

เหตุผลของมาตรการ หมอทวีศิลป์บอกว่า ที่ประชุมนำบทเรียนที่ต้องนำมาปรับ อาทิ คนไทยที่ไปประชุมที่อิตาลี 6 คน ติดเชื้อ 4 คน สัมผัสติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1 คน ต้องกักกั้น เฝ้าระวัง 50 คน ศาสนกิจที่มาเลเซีย 132 คน ติดเชื้อ 47 คน เสียชีวิต 4 คน กักกั้น เฝ้าระวัง  คนกว่า 1,000 คน ศาสนกิจที่อินโดนีเซีย 56 คน ติดเชื้อ 32 คน ครั้งล่าสุดคือ 27 คน ติดเชื้อ 19 คน กักกั้น เฝ้าระวังคน 500 กว่าคน ผู้ที่เดินทางกลับจากอังกฤษติดเชื้อ 4 คน เสียชีวิต 1 คนเป็นนักธุรกิจ กักกั้น เฝ้าระวังคน 200 กว่าคน

 

“ผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อปกปิดอาการแอบเดินทางกลับมา ซึ่งขณะนี้เป็นความเสี่ยงอย่างสูงมาก จากด่านปอยเปตติดเชื้อแล้ว 19 คน กักกั้น เฝ้าระวัง  300 กว่าคน เหล่านี้เป็นภารกิจที่หนักมากของทุกคน ไม่ใช่ภาครัฐอย่างเดียวยังรวมถึงผู้ถูกกักกั้น เฝ้าระวัง  2,000-3,000 คน"

 

ฉะนั้นนายกรัฐมนตรีจึงสั่งการมาตรการใหญ่คือตั้งแต่วันนี้ - 15 เม.ย.63 ให้ชะลอการเดินทางของคนไทยและคนต่างชาติที่จะกลับมาประเทศไทย ยกเว้นกลุ่มคนที่มีการขออนุญาตกันไว้ก่อนแล้วหรือคนที่อยู่ในระหว่างการเดินทาง คนที่มีความจำเป็นที่จะต้องกลับมาให้ติดต่อกับสถานเอกอัครราชทูตในประเทศนั้น ๆ ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเข้มงวดมากที่สุด”

 

ซึ่งคนที่ขออนุญาตไว้แล้วก่อนหน้านี้มีการอนุญาตให้คนไทยจากอินโดนีเซีย 100 คน มาเลเซีย 83 คน และนักเรียนเอเอฟเอสจากสหรัฐอเมริกา กลับเข้ามาในประเทศ โดยทางการไทยจะเตรียมพื้นที่รองรับ และต้องอยู่ในพื้นที่ที่รัฐจัดให้ 100% 

 

นั่นหมายความว่า 158 คนไทย ไม่ได้เป็นคณะสุดท้าย 

 

แต่ก็พอจะเบาใจได้บ้างชั่วคราว กับมาตรการบรรเทาปัญหาชั่วคราวที่งัดคำสั่งออกมากลางดึกวันที่ 3 เม.ย. หลังเกิดปัญหาที่สุวรรณภูมิ จาก “สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)” ที่ออกประกาศเรื่องห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว 

 

โดยมีรายละเอียดว่าเพื่อประโยชน์ในการป้องกันมิให้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVD 19) รุนแรงมากยิ่งขึ้น และเพื่อสนับสนุนการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงโดยเร็ว ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยจึงมีคำสั่ง 

 

ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ห้ามอากาศยานขนส่งคนโดยสารทำการบินเข้ามายังท่าอากาศยานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2563 เวลา00.01  น. จนถึงวันที่ 6 เมษายน พศ. 2563 เวลา 23.59 น.”