‘ออมสิน-กรุงไทย’ โมเดลรวมใจ ฝ่าวิกฤติโควิด-19

05 เม.ย. 2563 | 00:00 น.

ถึงนาทีนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาที่กำลังถาโถมเข้ามา ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนโดยรวมอย่างมาก แม้ที่รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องในหลายด้าน

 

แต่ที่น่าจับตามองคือหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ ได้มอบมอบนโยบายให้สถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ยังมีลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งยังไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร

 

เช่น ลูกหนี้บัตรเครดิตระบุว่า หลังติดต่อสถาบันการเงินเจ้าหนี้ผู้ออกบัตรเครดิต ส่วนใหญ่ไม่ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้จริงตามที่ประกาศ บางธนาคารยังปฏิเสธให้ลูกค้าผู้ถือบัตร โอนยอดวงเงินคงเหลือไปเข้าโครงการมาตรการช่วยเหลือลูกค้าดี แต่ต้องปิดบัตรบัญชีเดิมไปก่อนและปฏิเสธที่จะพิจารณา ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากเดิม

 

‘ออมสิน-กรุงไทย’  โมเดลรวมใจ  ฝ่าวิกฤติโควิด-19

 

นอกจากนี้ในส่วนของงวดการผ่อนชำระยังคงยึดมาตรฐานลดวงเงินผ่อนชำระ 5% ใน 2 ปีแรก ตามเกณฑ์กลางที่กำหนดไว้ โดยอ้างว่าการพักหนี้ ไม่เก็บค่างวด หรือการลดวงเงินผ่อนต่องวดหรือลดดอกเบี้ยนั้น จะกระทบกับรายได้ของธนาคาร อาจทำให้บางธนาคารขาดทุนหรือกำไรลดลง เพราะรายได้ไม่เข้าและมีสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ หรือสำรองหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบไปหลายทอด เช่น ผู้ฝากเงินหรือผู้ถือหุ้นของธนาคาร แม้ที่ผ่านมาธปท.สนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่ไม่ต้องบันทึกก็ตาม

อย่างไรก็ตามเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารออมสิน ภายใต้การนำของ “ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย” ผู้อำนวยการ ได้นำร่องออกมาตรการช่วยเหลือด้านสินเชื่อสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผล กระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน ให้กับลูกค้าเงินกู้ทุกรายที่มีสถานะชำระปกติจนถึงที่มีหนี้ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 โดยอัตโนมัติ สำหรับลูกค้าสินเชื่อบุคคลสินเชื่อเคหะที่มีเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 3 ล้านบาท และสินเชื่อ SMEs ที่มีเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 20 ล้านบาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน - 30 มิถุนายน 2563

 

ส่วนลูกค้าที่ถือบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด ธนาคารออมสินได้ช่วยลดอัตราการผ่อนชำระขั้นตํ่าในปี 2563 - 2564 จากเดิม 10% ของยอดเงินที่เรียกเก็บ เหลือ 5% ของยอดเงินที่เรียกเก็บ จากนั้นในปี 2565 ให้ชำระในอัตรา 8% ของยอดเงินที่เรียกเก็บ และปี 2566 อัตราการผ่อนชำระขั้นตํ่าอยู่ที่ 10% ของยอดเงินที่เรียกเก็บ

 

อีกวันถัดมาธนาคารกรุงไทย ภายใต้การนำของ “ผยง ศรีวณิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ประกาศพักชำระหนี้ให้ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจที่มีสถานะชำระปกติ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยนาน 3 เดือน ทั้งลูกค้าสินเชื่อบุคคล ได้แก่ สินเชื่อ Smart Money และสินเชื่ออเนกประสงค์ 5 Plus และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท รวมทั้งสินเชื่อธุรกิจ ที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 20 ล้านบาท โดยลูกค้าสามารถยื่นความประสงค์เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้-30 มิถุนายน 2563

นอกจากนี้แบงก์กรุงไทยยังพักชำระเงินต้น 12 เดือนให้กับลูกค้ารายย่อย ขยายระยะเวลาชำระหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) และสินเชื่อ Trade Finance ออกไปอีก 6 เดือน สำหรับลูกค้าธุรกิจที่มีรายได้ลดลง รวมทั้งให้สินเชื่อกรุงไทยต้ายภัยโควิด-19 ดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 2% ต่อปี คงที่ 2 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 20 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียม บสย. คํ้าประกัน 4 ปี ทำธุรกรรมโอน รับ จ่าย ไม่คิดค่าธรรมเนียมนาน 1 ปี กับลูกค้าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว โรงแรม รถเช่า ร้านขายของฝาก ของที่ระลึก

 

ในสถานการณ์แบบนี้ต้องขอ ชื่นชมธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทย ที่ตัดสินใจออกมาตรการต่างๆ มาช่วยเหลือลูกหนี้ในภาวะอันยากลำบาก โดยเฉพาะการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน แม้การดำเนินการดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อรายได้ของธนาคารอย่างมหาศาล และถือได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด เพราะการหยุดพักชำระหนี้และดอกเบี้ยนั้นเป็นสิ่งที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของลูกหนี้อย่างแท้จริง

 

คอลัมน์ ถอดสูตรคุย โดย บรรทัดเหล็ก 

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,563 วันที่ 5-8 เมษายน 2563