ความสุขที่มนุษย์พึงควรจะต้องมี

01 เม.ย. 2563 | 22:55 น.

คอลัมน์ ทำมา..ธรรมะ โดย ราช รามัญ

ผมเคยมีโอกาสไปเป็นวิทยากรเกี่ยวกับศาสนาปรัชญา ในวันนั้นบรรยายอบอุ่นพระสงฆ์องค์เณรและผู้สนใจธรรมในนามฆราวาสมากันเนื่องแน่ ผมได้บอกกับผู้ที่ร่วมฟังบรรยายในวันนั้นว่า

“พระพุทธศาสนา คือ ศาสนาแห่งความสุข” 

พระเณรระดับมหาเปรียญหันมามองเป็นแถว..เพราะโดยมากทั่วไปจะคุ้นเคยกับการที่ได้ยินว่าศาสนาพุทธนั้นสอนให้รู้จักทุกข์แล้วก็ปล่อยวาง อันนั้นก็ว่าตามตำรา สำหรับผมก็ว่าตามตำราเช่นกัน ในพระไตรปิฎก ปรากฏชัดเจนมาก

ในระดับเรื่องของจิตใจนั้น...คำสอนอันสูงสุดทรงตรัสว่า นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ใครที่ถึงนิพพานย่อมเป็นสุข นั่นหมายความว่าเป็นระดับความสุขอันสูงสุด 

ถ้านิพพานเป็นสุขอันสูงสุดแล้วความสุขที่รองๆลงมาก็ต้องมีอย่างแน่แท้ คงไม่มีตรรกใดในโลกที่ไม่มีจุดเริ่มต้นไม่มีท่ามกลางแล้วจู่ๆกระโดดไปสูงสุดเลยแน่ๆไม่ว่าจะวิชาอะไรก็ตาม

ความสุขรองๆ ลงมาก็มีมากมายอยู่จริงในคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะเราต้องปรับวิธีคิดมายเซ็ตให้ไดแบบนี้ก่อนว่า  ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งความสุขเพียงแต่เรียนรู้ผ่านกระบวนการของความทุกข์เพื่อให้ไปพบความทุกข์ตามลำดับขั้น 

ผู้ที่เป็นนักบวชถือศีลภาวนาก็สุขในระดับที่สูงกว่าฆราวาส ผู้ที่เป็นฆราวาสที่รักษาศีลเคารพในศีลก็มีความสุขกว่าผู้ที่ไม่มีศีล ทุกอย่างเป็นผลหรืออานิสงส์ที่เรียงร้อยลำดับๆ ขั้นไป 

ถ้าศาสนาใดศาสนาหนึ่งในโลก สอนและให้เรียนรู้แล้วจะมีแต่ความทุกข์ๆๆๆเป็นผลลัพธ์ผมว่าศาสนานั้นคงไม่ยั่งยืนอย่างแน่นอน ใครจะไปเอาทุกข์ไม่มีใครอยากเป็นทุกข์ แต่ถ้าเราเรียนรู้ทุกข์ เรียนรู้เหตุแห่งทุกข์ วิธีดับแห่งความทุกข์ เพื่อให้เรามีความสุขแบบนี้น่าศึกษา น่าเข้าใกล้ หลายคนที่เข้าใจในพุทธศาสนาผิดจึงเดินหนี ไม่เอา อะไรๆก็สอนแต่เรื่องทุกข์ นี่เกิดจากการสื่อสารที่ไม่ครบ ที่ทรงให้รู้จักทุกข์เหตุแห่งทุกข์เพราะจะทำให้ชีวิตนั้นมีความสุข  เราต้องบอกแบบนี้ให้ผู้คนเข้าใจ สุขที่ว่า คือ สุขใจ สุขแม้มีอะไรเข้ามากระทบก็ไม่เป็นทุกข์ใดๆเลย  อันนี้ คือ ส่วนของนามธรรม 

ในส่วนของรูปธรรมพระองค์ตรัสสอนชัดในพระไตรปิฎก เช่นกัน  ในปัตตกัมมวรรค สูตร อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต  หลังจากที่ทรงสอนมหาเศรษฐีที่รวยกว่าเจ้าสัวชื่อดังในยุคกว่าแสนล้านเท่า คือ อณาถปิณฑิกเศรษฐี ผู้ที่รวยแล้วใจบุญไม่โลภและรู้จักหยุดให้ผู้อื่นมีทางทำมาหากินบ้างไม่ใช่กวาดไปหมดทุกโครงการทุกอย่างเพราะถือว่าตนมีทุนมาก 

พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ความสุข4อย่างที่มนุษย์พึงควรมี คือ

1 สุขเกิดจากการมีทรัพย์

2 สุขจากการใช้จ่ายทรัพย์

3สุขจากการไม่มีหนี้

4สุขจากการงานไม่มีโทษ 

 

ความสุขข้อที่4 มีความสำคัญเชิงอรรถ คือ การค้าที่ไม่มีโทษตามที่พระพุทธเจ้าสอนเอาไว้ ประกอบด้วย การค้าขายมนุษย์ การค้าขายยาพิษ(ยาเสพติด) การค้าขายชีวิตสัตว์ การค้าขายสุรา ใครที่รวยมาจากที่กล่าวมานี้ ถือว่า รวยแบบการงานมีโทษ มีกรรมหนัก ชีวิตจะสาหัส ในปลายชีวิต 
 

ดังนั้นความสุขของเราทุกคนย่อมมีได้เกิดขึ้นได้ แต่จะต้องเป็นความสุขที่อยู่ในกรอบที่เหมาะสมกับธรรมะ นั้นแล ทำมา..ธรรมะ