เดิมพัน ‘นายกฯตู่’ สู้ศึกไวรัส-จบเร็ว

24 มี.ค. 2563 | 13:00 น.

คอลัมน์ห้ามเขียน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3560 หน้า 20 ระหว่างวันที่ 26-28 มี.ค.63 โดย... พรานบุญ

 

          เงี่ยหูฟังอย่างใจจดใจจ่อกันทั้งประเทศ เมื่อมีข่าวเล็ดลอดออกมาในช่วงเที่ยงของวันที่ 24 มี.ค. 63 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะแถลงเพื่อประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาแก้ปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ที่ออกอาละวาดจนสร้างความหวาดผวาไปทั่วประเทศจนกระจายออกไปกว่า 47-48 จังหวัด โดย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับนี้จะมีอายุบังคับใช้ 1 เดือน

          อีเห็นบอกว่า ที่ฮือฮาไปทั้งป่าใหญ่ทะลุไปยัง ปิง วัง ยม น่าน จนเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ออกไปยังทะเลใหญ่ในอ่าวไทย คือ ความฉุกเฉิน จะเริ่มใช้วันที่ 26 มีนาคมนี้

          รูปแบบการทำงานของ “ศอฉ.โควิด” จะเป็นการยกระดับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ขึ้นมาให้มีอำนาจมากขึ้น เรียกว่า “ศอฉ.โควิด” มีนายกฯลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน ศอฉ.โควิด ด้วยตัวเอง...อะแฮ่ม

 

          อำนาจตามกฎหมายของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ประกาศออกมาเพื่อควบคุมสกัดกั้นการระบาดและมาตรการในการดูแลรักษาชีวิตคนไทยมีกฎเหล็ก 6 ข้อ

          1. ห้ามมิให้บุคคลใดออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนด เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ หรือได้รับยกเว้น

          2. ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย

          3. ห้ามการเสนอข่าว การจำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว เจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร

          4. ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคม

          5. ห้ามการใช้อาคาร หรือเข้าไปหรืออยู่ในสถานที่ใด ๆ

          6. ให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยของประชาชน หรือห้ามผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ที่กำหนด

          ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          หลังจากนี้ไป ประธาน ศอฉ.โควิด จะออกประกาศเพื่อบังคับใช้จะมีตั้งแต่ขอความร่วมมือ และมีบทลงโทษหากฝ่าฝืน

          พรานฯ ขอบอกว่า นี่เป็นเดิมพันครั้งใหญ่และครั้งแรกที่คนระดับ “นายกรัฐมนตรี” จะก้าวขึ้นนั่งเป็นประธานหรือ ผอ.ศอฉ.ที่ต้องบริหารจัดการแก้ปัญหาการระบาดของโรคที่ระบาดและเกี่ยวพันกับความเป็นความตายของผู้คนในประเทศด้วยตัวเอง

          นานๆ ทีเราจะเห็น “ผู้นำ-ที่เป็นเสมือนขุน” แอ่นอก มาทำหน้าที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตัวเอง ไม่ยอมให้มี “ม้า-เรือ-โคน” มาเป็นตัวปะทะด้านอารมณ์ ความรู้สึก และประสิทธิภาพในการจัดการโรคระบาดที่ทุกผู้ทุกนามหวาดผวา

          แต่รอบนี้นายกฯลุงตู่ ได้แสดงบทผู้นำ ในการควบคุมการระบาดของโรคไวรัสที่กระจายออกไปจนคนติดเชื้อแทบจะทั่วประเทศ และแน่นอนว่าอัตราการติดเชื้อจะยังมีอัตราเพิ่มขึ้นทวีคูณ

          พรานฯไปซุ่มโป่ง ส่องสรรพสัตว์มาแถว “ศอฉ.โควิด” ได้ความว่า งานนี้นายกฯลุงตู่เดิมพันเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเชียวพี่น้องเอ๊ย...

          รู้ทั้งรู้ว่า โอกาสโดนผู้คนก่นด่า โดนต่อว่า ถูกถากถาง ในแต่ละวันหลังจากนี้ไปจะมีมากกว่าคำชม รู้ทั้งรู้ว่า ถ้าทำดี ก็แค่รอดตัว ถ้าทำไม่ดี...เข้าตัวแน่!...แต่ลุงตู่กล้าแสดงบทภาวะผู้นำอย่างเต็มตัวและวางเดิมพันของชีวิต

 

          เดิมพันในการต่อสู้กับโรคไวรัสโควิด-19 ที่ขณะนี้ติดเชื้อไป 47-48 จังหวัด แทบทุกตำบล แทบทุกหมู่บ้าน มิได้จำกัดวงเพียงแค่ “สำเร็จ-ล้มเหลว” แต่หมายถึงเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี” เสียด้วย

          พรานฯ ได้ยินเสียงแว่วๆ มาจากตึกบัญชาการ ศอฉ.โควิดว่า ศึกใหญ่ครั้งนี้ “จบเร็ว” ไม่ว่าจะใช้เวลาในการจัดการกับการระบาดของโรคไวรัสแค่ระยะเวลา 30 วัน ตามอายุของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือขยายเวลาออกไปคราวละ 1 เดือน แต่บทสรุปในการจัดการท้ายบรรทัดคือทุกอย่างนำไปสู่โหมด “จบเร็ว”

          จะจบเร็วเพราะความเฉียบขาดในการตัดสินใจแก้ปัญหา จะจบเร็วด้วยการเอือมระอา ความเสื่อมศรัทธา เพราะผู้คนที่โดนโรคระบาดกัดกินจนสติแตกไปทั่วบ้านทั่วเมือง อันนี้พรานฯมิอาจจินตนาการได้ แต่ “จบเร็ว” แน่นอน

          นายกฯลุงตู่รู้เงื่อนไขนี้หรือไม่ ตอบว่า “รู้อยู่เต็มอก” แต่ชายชาตินักรบทหารกล้าคนนี้ มิอาจตัดใจส่งขุนพลฝ่ายการเมือง ขุนศึกทหาร มาบัญชาการสู้รบและแบกรับภาระบนบ่าจากเสียงก่นด่านของประชาชนได้ เพราะ “ประธาน ศอฉ.โควิด” มีแต่รับก้อนหิน มิใช่รางวัลผูกโบ ผู้นำจึงออกศึกเอง

          แต่การบริหารจัดการสู้ศึกกับโรคร้ายคราวนี้ “นายกรัฐมนตรี-ลุงตู่” ชาญฉลาด ไม่เลือก “นักการเมือง” มาทำงานจัดการแก้ปัญหาที่เกี่ยวพันกับโชคชะตาชีวิตผู้คนในแต่ละครอบครัวแม้แต่คนเดียว

          นายกฯลุงตู่เลือก 5 ขุนพลที่เป็นข้าราชการประจำมาทำงานเป็นรองประธาน ศอฉ.โควิด โดยมอบดาบให้แต่ละคนมีอำนาจบทบาทแบบเด็ดขาดแตกต่างกันไป ในการสู้รบกับโรคร้ายที่มีชีวิตของผู้คนทั้งประเทศเป็นเดิมพัน

          นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข อดีตอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข มาทำหน้าที่บัญชาการ จัดการดูแลเกี่ยวกับการควบคุมโรค สกัดการระบาดของโรค การรักษาพยาบาล การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทั้งหมด

          “บุษยา มาทแล็ง” ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อดีตอธิบดี กรมยุโรป อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาดริด อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ เป็นผู้มีอำนาจในการชี้แจง แก้ปัญหาในเรื่องการต่างประเทศ และการท่องเที่ยว

          บุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมการค้าภายใน อดีตอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ อดีตเอกอัครราชทูตคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส มาทำหน้าที่ในการดูแลเรื่องสินค้าและการควบคุมราคาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับปากท้องประชาชน

          “บิ๊กฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย อดีตรองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี อดีตอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทำหน้าที่บัญชาการ การควบคุมการระบาดและการกักตัวผู้คนในแต่ละพื้นที่ ผ่านกลไกของฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม.

          “บิ๊กแดง” พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 อดีต เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มาทำหน้าที่ด้านประสานการจัดการด้านกำลังพลทั้งตำรวจ-ทหาร ในการเข้าไปดูแลทุกข์สุขและการจัดการแบบเคลื่อนที่เร็วในการสู้รบปรบมือกับการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19

          อัศวินทั้ง 5 “สุขุม-บุษยา-บุณยฤทธิ์-บิ๊กฉิ่ง-บิ๊กแดง” คือขุนศึกข้างกายนายกฯตู่ ที่ต้องต่อสู้กับการระบาดของโรค โดยมีชีวิตของผู้คนทั้งประเทศเป็นเดิมพัน

          เห็นแบบนี้ขนาดนังบ่าง ยังตะโกนก้องมาว่า เราต้องร่วมใจต้านภัยโควิด ให้กำลังใจ ให้ความร่วมมือกับคนเหล่านี้อย่างเต็มที่ สู้ๆ!