หนุน “รัฐบาลลุงตู่” งัดมาตรการเด็ดขาด ยับยั้งไวรัสโควิด

22 มี.ค. 2563 | 05:00 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี  ฐานเศรษฐกิจ  ฉบับที่ 3,559 หน้า 4 ระหว่างจำวันที่ 22-25 มีนาคม 2563 โดย... ว.เชิงดอย

 

     .... สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ยังคงสร้างความปั่นป่วนในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกา ในที่ทวีปยุโรปที่หนักสุด ต้องยกให้ อิตาลี แม้ว่ารัฐบาลจะได้ใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาด แต่ก็ยังไม่เป็นผล โดยเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่อีกกว่า 4,200 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งเป็นกว่า 35,700 คน และมีผู้เสียชีวิตวันเดียวเพิ่มอีก 475 คน ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 2,978 คน ใกล้เคียงจะเท่ากับยอดผู้เสียชีวิตในจีนแล้ว

     .... ส่วนประเทศอื่นๆ ในยุโรป เยอรมนี ก็เผชิญกับการแพร่ระบาดอย่างหนักเช่นกัน อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี ถึงกับระบุว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถือเป็นปัญหาเผชิญหน้าร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็เชื่อมั่นว่าเยอรมนีจะผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ และขอให้ประชาชนทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของรัฐบาล สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อในเยอรมนี มีแล้วอย่างน้อย 12,000 คน และเสียชีวิต 28 คน

 

     .... ส่วน ฝรั่งเศส มีผู้ติดเชื้อในประเทศอยู่ที่ 9,134 คน และมีผู้เสียชีวิต 264 คน ขณะที่ อังกฤษ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี สั่งปิดโรงเรียนทั่วประเทศ และเตรียมพร้อมทหาร 20,000 คนไว้สำหรับช่วยควบคุมการแพร่ระบาดทั้งได้เรียกร้องให้ประชาชนทำงานอยู่ที่บ้านและหลีกเลี่ยงการติดต่อทางสังคม งดการเดินทางที่ไม่จำเป็น ยอดผู้ติดเชื้อมีแล้วอย่างน้อย 2,626 คน และเสียชีวิต 104 คน ด้านสเปน ก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีการแพร่ระบาดไวรัสรุนแรง มีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 15,000 คน และเสียชีวิต 638 คน เฉพาะบ้านพักคนชราแห่งหนึ่งในกรุงมาดริด มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน สำหรับประเทศอิหร่าน ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 17,361 คน เสียชีวิต 1,135 คน ข้ามไปที่ สหรัฐอเมริกา ก็กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเหมือนกับประเทศอื่นๆ พบผู้ติดเชื้อแล้วเฉียด 10,000 คน เสียชีวิตแล้ว 155 คน “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการแจกเช็คเงินสดให้ครัวเรือนละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3.2 หมื่นบาท พร้อมประกาศว่า “เราต้องชนะ”

     .... กลับมาดูที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา ล่าสุดคณะกรรมการด้านสาธารณสุขแห่งมณฑลหูเป่ย ออกแถลงการณ์ว่า ณ วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563 ไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ไม่มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ หลังจากเทศบาลเมืองอู่ฮั่นได้ใช้ความพยายามเป็นเวลานานหลายเดือนในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ย ยังคงอยู่ที่ 50,005 ราย และ 67,800 ราย ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของวันอังคารที่ 17 มีนาคม

     .... ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยนั้น เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา พบตัวเลขผู้ติดเชื้อวันเดียวพุ่งถึง 60 คน ซึ่งมากที่สุดของช่วงก่อนหน้า ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 272 คน เสียชีวิต 1 ราย โดยผู้ติดเชื้อแบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 สัมผัสเกี่ยวข้องกับสถานที่มีผู้ป่วยก่อนหน้า 43 ราย ได้แก่ สนามมวย 12 ราย สถานบันเทิง 14 ราย ย่านทองหล่อ, สวนหลวง, รามคำแหง, สุขุมวิท ติดเชื้อจากคนใกล้ชิด 12 ราย เพื่อนร่วมงาน ภรรยา คนร่วมเที่ยวบิน ดื่มเหล้าร่วมวง ร่วมกิจกรรมที่ศาสนาที่มาเลเซีย 5 ราย, กลุ่มที่ 2 เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 17 ราย โดยกลับจากต่างประเทศ 9 ราย ได้แก่ ไต้หวัน ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี กัมพูชา เยอรมนี อิหร่าน ทำงานใกล้ชิดชาวต่างชาติ 3 ราย ทำงานอาศัยสถานที่แออัดใกล้ชิด 1 ราย เป็นเทรนเนอร์ ขณะที่รอการสอบสวนโรค 4 ราย ในจำนวนนี้มีผู้สื่อข่าว 1 ราย

     .... ท่ามกลางสถานการณ์ในประเทศไทยที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนมากขึ้น ก็มีข่าวที่น่ายินดี เมื่อประเทศจีน ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือประเทศไทยในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัส โดยเฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความว่า ลงเรือลำเดียวกัน ดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ประเทศจีนยินดีให้ความช่วยเหลือประเทศไทยในการต่อสู้กับโรคระบาดอย่างเต็มที่

 

     .... ทั้งระบุว่า ไทยและจีนเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดที่มีทัศนียภาพที่เชื่อมโยงกัน ปีนี้เป็นปีครบรอบ 45 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศ ในช่วงการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประเทศจีนและประเทศไทยได้เอาชนะความยากลำบาก ดูแลและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แสดงให้เห็นถึงการร่วมกันฝ่าวิกฤติ ร่วมทุกข์ร่วมสุข และการร่วมแรงร่วมใจของมิตรภาพดั้งเดิมระหว่าง 2 ประเทศ

     .... ช่วงไม่กี่วันมานี้ หยาง ซิน อุปทูต รักษาการแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย และได้เข้าพบ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เพื่อแนะนำมาตรการของประเทศจีนในการช่วยเหลือประเทศไทยต่อสู้กับโรคระบาด ซึ่งรัฐบาลจีนจะให้ความช่วยเหลือฝ่ายไทยในการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ อาทิ ชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หน้ากาก N95 และชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ประสานงานกับผู้ประกอบการให้จำหน่ายยาสำหรับรักษาไวรัสโควิด-19 ให้กับฝ่ายไทย ขณะที่ผู้ประกอบการจีนจะส่งออกเวชภัณฑ์มายังประเทศไทย ตอบสนองต่อความต้องการสูงสุดของฝ่ายไทย และกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจจีนในประเทศไทยและองค์กรมิตรภาพระหว่างประชาชนของจีน ต่างก็รวมตัวกันบริจาคเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ให้กับฝ่ายไทย โดยประชาชนชาวจีนจะคอยอยู่เคียงข้างประชาชนชาวไทย...ถือเป็นน้ำใจของกัลยาณมิตร “จีน” ที่มีต่อประเทศไทย

     .... มาถึงสถานการณ์ ณ เวลานี้ ที่จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสในประเทศไทย พบมากขึ้นเรื่อยๆ หากจำเป็นต้องงัดมาตรการรุนแรงเด็ดขาดออกมาใช้ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ “รัฐบาลลุงตู่” ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่ต้องเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน จะประกาศเข้าสู่การแพร่ระบาดระยะ 3 หรือ การจะปิดเมือง (ที่สถานการณ์รุนแรง) หรือ “ปิดประเทศ” ก็ให้ดำเนินการ หากคิดสะระตะและเตรียมพร้อมแล้ว ก็สั่งการไปเลยครับเจ้านาย...“เจ็บแต่จบเร็ว” เชื่อว่าคนไทยทุกคนยอมรับกันได้ และเชื่อว่าคนไทยพร้อมรับสถานการณ์กันอยู่แล้ว