สู้โควิด-19ไวรัสปีศาจ “เราจะรอดไปด้วยกัน”

20 มี.ค. 2563 | 11:30 น.

คอลัมน์อยู่บนภู ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3559 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 22-25 มี.ค.63 โดย... กระบี่เดียวดาย

 

          จะระยะ 2 หรือประกาศระยะ 3 ของโควิด-19 ก็หาเป็นไรไม่ ที่แน่ๆ วันนี้เราเห็นแผนและยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนแล้ว มาจากอาจารย์หมอระดับศาสตราจารย์ ที่ระดมแบบชั้นหัวกะทิมาพร้อมเพรียงกันทั้งหมด คนอื่นเห็นอย่างไรไม่รู้ กระบี่เดียวดายเห็นทางออก พอเห็นทางสว่าง เห็นทางสู้ เอาอยู่กับโควิด-19 ไวรัสปีศาจนี้แน่นอน

          ประเทศไทยยามนี้ต้องแบบนี้ ไม่ใช่เราจะชนะโดยไม่รู้ว่าจะรบอย่างไร อันนั้นไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร แต่เมื่อฟังอาจารย์หมอมาบอกให้เราฟัง ก็ให้เกิดความมั่นใจ โดยเฉพาะการบอกให้เรารวมพลังเป็นหนึ่งเดียวในการผ่านโควิด-19 ไปด้วยกัน

          ลองดูที่อาจารย์หมอ ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม ประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ บอกว่า ในกระทรวงสาธารณสุขก็ต้องหนึ่งเดียว แต่ละกรมในการร่วมมือกัน นอกกระทรวงก็ต้องร่วมมือกัน วันนี้ทั้งนายกรัฐมนตรี ทั้งกระทรวงสาธารณสุขได้พยายามประสานในทุกๆ เรื่อง

 

          “ทุกอย่างที่รัฐบาลได้เดิน ถึงขีดที่เกิดความมั่นใจในการรักษาพยาบาล แต่ก็ต้องการความเป็นหนึ่งเดียวให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น”

          สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวประชาชนเอง ต้องมั่นใจ ซึ่งก็ยืนยันว่า การมีวินัยที่สำคัญที่สุด แต่ละคนที่ดูแลสุขภาพตัวเอง สำคัญที่สุด เพราะถ้าเป็นอะไร มันเป็นการป้องกันให้คนอื่นไม่เป็นอะไรไปด้วย กรณีวัยรุ่นเวลาปิดโรงเรียนแล้วไม่ใช่ไปเที่ยวผับ แบบนี้ต้องช่วยกันดูแลตัวเองและดูแลผู้อื่นด้วย

          “ถ้าทุกคนร่วมมือกัน เราก้าวข้ามและผ่านโควิดไปได้แน่นอน และด้วยระยะเวลาที่สั้นกว่าที่เราคิด ผู้ที่ให้การรักษาก็มีความมั่นใจ ฝากนิดเดียวคือสื่อต่างๆ ควรจะร่วมมือกับฝ่ายที่ป้องกันและรักษา ให้ความรู้ประชาชน ให้ทุกอย่างเกิดวินัยเกิดขึ้น”

          อาจารย์หมออีกท่านหนึ่ง ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และอดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในฐานะนักวิชาการและแพทย์ ยืนยันว่าประเทศ ไทย โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขทำได้ดีมากในการรับมือกับโควิด-19 โดย 2 เดือนแรกมีคนไข้ไม่ถึงร้อยคน เสียชีวิตแค่หนึ่งคน แต่มาอาทิตย์หลังเพิ่มวันละ 30 คน มาล่าสุดเพิ่ม 60 คน มาแค่ช่วงสัปดาห์หลัง ที่เพิ่มเพราะมีคนซึ่งติดเชื้ออยู่ แต่ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อยมากจนเขาไม่ทราบ แต่ไม่ยอมมาพบแพทย์ ซึ่งเป็นคนที่ไม่รับผิดชอบต่อสังคม และก็ไปแพร่เชื้อกัน ตรงนี้สำคัญมากที่สุด เพราะฉะนั้นอยากจะย้ำว่า มาตรการคือ การที่ไม่ให้มีการชุมนุมกันเยอะๆ ไม่ให้เกิน 50 คน การชุมนุมมันจะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย ตอนนี้ต้องลดความเสี่ยงในการที่จะแพร่เชื้อ ติดเชื้อให้มากที่สุด เพื่อที่จะข้ามไปสู่ระยะที่ 3

 

สู้โควิด-19ไวรัสปีศาจ “เราจะรอดไปด้วยกัน”

 

          กรณีข้อมูลของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียไปศึกษาในจีน ก่อนที่รัฐบาลจีนจะใช้มาตรการเข้มข้น มีผู้ที่แพร่เชื้อโดยไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อประมาณ 6 เท่า เทียบกับไทยสมมติมีผู้ติดเชื้อ 212 รายชัดเจน แต่อีก 6 x 212 หรืออีกกว่า 1,200 ราย คือติดเชื้ออยู่ แพร่เชื้อแต่ไม่รู้ คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่ากลัว ตรงนี้คือสิ่งสำคัญที่กลุ่มนี้มีการไปแพร่เชื้อ ถึงบอกว่าไม่ต้องการให้ชุมนุมกันเยอะๆ และให้อยู่ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร อย่าเดินทางเพราะว่ามันจะแพร่ทั่วไปหมดโดยที่ไม่รู้ตัว

 

          “ข้อมูลของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ได้ออกมาอีกอันนึง เมื่อประเทศจีนมีมาตรการเข้มข้นออกมาแล้ว ทำให้คนที่สามารถแพร่เชื้อโดยไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อ เหลือแค่ 0.5 เท่าของคนที่ติดเชื้อครับ หมายความว่าสมมติว่าประเทศไทยเรามีมาตรการเข้มข้นแล้ว มีผู้ติดเชื้อ 200 x 0.5 ก็คืออีก 120 ประมาณ 100 คน ตัวเลขต่างกัน 12 เท่า ต้องไปย้ำกับประชาชนให้เข้าใจตรงนี้ ต้องอดทน ต้องลำบาก อย่าตามใจตัวเอง ไม่งั้นท่านจะทำร้ายประเทศชาติ มันไม่ได้สูญเสียแค่ชีวิต สูญเสียเศรษฐกิจอีกเป็นหมื่นๆ ล้าน เพราะท่านไม่มีความรับผิดชอบ ขอย้ำว่า ตรงนี้สำคัญ เรามาถูกทางครับ”

          นายกฯสู้เต็มที่ กระทรววงสาธารณสุขสู้เต็มที่ บุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุขเหนื่อยมาก แต่ยอมเหนื่อย เห็นไหมว่าเรากดมาได้ตั้งกว่า 2 เดือนแล้ว

          แต่ตอนนี้ถ้าถามว่าประเทศไทยจะเข้าไหม (ระยะ3) ถ้าประชาชนไม่ทำอย่างที่บอกเข้า 100% และจะเร็วๆ นี้ด้วย และถามว่ามีโอกาสไม่เข้าไหม มีครับ แต่ถ้าทำกันอย่างจริงจังเข้มข้น ถ้าทุกคนทำตามมาตรการที่รัฐบาลกระทรวงสาธารณสุขประกาศอย่างจริงๆ ช่วยกันจริงๆ เราจะไม่เข้าผมยืนยัน

          “ไม่ต้องห่วงเรื่องทรัพยากร ตอนนี้รัฐบาลทุ่มเทเต็มที่ รัฐบาลเห็นความสำคัญของชีวิตมากกว่าเศรษฐกิจ บุคลากรทางการแพทย์ สถานที่ เตรียมไว้หมดแล้ว ไม่ต้องห่วง ยาก็มี ไม่ต้องกังวลครับ เตรียมพร้อมและเพียงพอ แต่ขอให้ประชาชนให้ช่วยกันดูแลตัวเองให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม”

          เห็นทางรอดกันไหม ไม่ต้องเรียกร้องด่าทอ ทำไมไม่ปิดประเทศเสียทีกันหรอก แค่ปฏิบัติตามอย่างมีวินัย สำนึก เราก็หยุดยั้งได้ อยู่กับบ้าน ออกไปเมื่อจำเป็น ไม่ไปในที่ชุมนุมคนเยอะๆ ถ้ายังต้องไปทำงานสวมหน้ากากอนามัย วัดไข้ (มีไข้ไปพบแพทย์ทันที) ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างจากผู้คนเกินระยะ 1 เมตร งดกิจกรรมสังสรรค์โดยเด็ดขาดเอาตรงนี้ให้อยู่ก่อนแล้วจะรอดไปด้วยกัน

          ระหว่างนี้ฝ่ายที่ทำหน้าที่ด้านอื่นก็เร่งมือ โดยเฉพาะรัฐที่ต้องดูแลช่วยเหลือผู้ที่ต้องตกงาน สูญเสียอาชีพ คาดกันว่าจะมากกว่า 1 ล้านคน ต้องหามาตรการมาเยียวยา อัดฉีดเงินในการเข้าฟื้นฟูธุรกิจ ดูแลผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยที่ต้องทำออกมาเป็นแพ็กเกจ

          เห็นสถานการณ์ ยุทธศาสตร์ เป้าหมาย วิธีการตรงกันไหม ถ้าเห็นตรงกันก็พร้อมใจเดินแนวปฏิบัติ

          พร้อมกัน ท่องไว้ๆ สำนึก วินัย ห่างไกล 2 เมตร

          โควิด-19 เราจะรอดไปด้วยกัน !!