วิกฤติโควิด-19 ต้องยอมเจ็บ เพื่อให้จบเร็ว

19 มี.ค. 2563 | 03:00 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,558 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม 2563 โดย...พริกกะเหรี่ยง

 

          ... นอกจากคนไทยต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นทุกขณะ แล้วประเทศไทยยังต้อง “เผชิญ” กับปัญหาเรื่อง “วิกฤติศรัทธา” รัฐบาลที่เสื่อมถอยอย่างหนัก ทั้งผวา “ผีน้อย” ล่องลอยอยู่ตามที่ต่างๆ หน้ากาก-เจลล้างมือ-แอลกอฮอล์ขาดแคลนหนักยันชาวบ้านแตกตื่นแห่ “ตุนสินค้า” กันจ้าละหวั่น เพราะคนเกิดความไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะเอาอยู่!

          ... หลังเห็นชัดจากการแก้ปัญหาตุน “หน้ากาก” โยนกันไปมา สุดท้าย “วิชัย โภชนกิจ” อธิบดีกรมการค้าภายในก็โดนเด้งเซ่นพิษหน้ากากและได้ยื่นใบลาออกทันทีแม้อีก 6 เดือนจะเกษียณ

          ... หลังทำงานมา 36 ปี ซึ่งความจริงจะเด้ง-จะย้าย หรือไล่ออก แต่ปัญหาหน้ากากก็ยังไม่หมดไป แถมยังมีปัญหาใหม่เกิดขึ้นทุกขณะ ยามนี้ต้องใช้ “สติ” กับ “ปัญญา” ให้มากโดยเฉพาะผู้นำประเทศ

          ... ต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาไม่ใช่ทำแบบ “ขอไปที” โยนกันไปโยนกันมา เพราะมันสะท้อนชัดถึงความ “ล้มเหลว” ในการบริหารจัดการ ทำงานเอาหน้าและผู้นำที่ดีต้องไม่พาประเทศลงเหว ไม่ปล่อยให้ข้าราชการ “รับกรรม” ชาวบ้านต้องลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง ข้าวปลาอาหารจึงเกลี้ยงเชลฟ์ ในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งที่ผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรดก็ออกมายืนยันชัดว่าสินค้าเหลือเฟือไม่ต้องกักตุน

          ... วิกฤติโควิด-19 ไม่เข้าใครออกใคร ไม่แบ่งความจน ความรวย ชนชั้นวรรณะ ทุกคนอยู่บนพื้นฐานของความเสี่ยงเท่ากัน เพราะยังไม่มียารักษาให้หาย หากไม่ระวังตัว ป้องกันตัวให้ดี เลี่ยงการไปในพื้นที่เสี่ยงสูง แต่หากมีมาตรการที่ดีก็ช่วยได้

 

          ... ฉะนั้น ต้องดูกันอีกยกว่ารัฐบาลจะประกาศรับมือโควิดระยะที่ 3 เมื่อไร และจะเป็นอย่างไร “บิ๊กตู่” จะกล้าปิดประเทศ “ชัตดาวน์” ปิดสนามบิน เหมือนหลายประเทศที่ผู้นำสั่งเปรี้ยง ! เพื่อป้องกันพลเมืองในประเทศติดโรค อย่าง “ทรัมป์” แบนห้ามยุโรป 27 ประเทศเข้าสหรัฐฯ เวลานี้ปิดไม่ปิดก็ร้างอยู่แล้วจากผู้โดยสารวันละ 6 หมื่นคน หดเหลือ 6 พันคน มีกฎกติกาใหม่ ๆ ออกมาควบคุมก็เท่ากับเป็นการสกัดการเดินทางไปในตัวไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกวีซ่า VOA 18 ประเทศ ยกเลิกวีซ่า 3 ประเทศ แสดงใบรับรองแพทย์และประกันสุขภาพ 3 ล้านบาท ก่อนขึ้นเครื่อง มาตรการเหล่านี้ มีผลต่อผู้โดยสารและธุรกิจการบินโดยตรงแต่ทุกคนก็ยอมเพราะเวลานี้ “ความปลอดภัย” สำคัญสุด

          ... หากประเทศไทยต้องการสกัดการแพร่เชื้อให้ได้ผล ก็ต้องยอม “เจ็บเพื่อให้จบเร็ว” เหมือนจีนปิดเมืองอู่ฮั่น และห้ามคนจีนเดินทางในช่วงเทศกาลตรุษจีน ไทยยกเลิกจัดเทศกาลสงกรานต์และวันหยุดวันที่ 13-15 เมษายนไปแล้ว เหลือแต่ว่าจะกล้า ! ยกเลิกเรื่อง อื่นๆ ตามมาอีกหรือไม่ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องคิดด่วน และตอบเร็ว เวลานี้ความเป็นความตายของคน “สำคัญ” กว่าเศรษฐกิจ ไม่ใช่ไปตั้งกองทุนพยุงหุ้นในยามนี้ แทนที่จะประกาศให้คนไทยตรวจไวรัสฟรี ทั้งที่เรื่องนี้สำคัญกว่า

          ... Work @Home ทางรอดยามนี้ พร้อมมาตรการที่ต้องทำ คือ ปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ ลดจำนวนต่างชาติเข้าไทย ยกเลิกกิจกรรมที่มีคนมาชุมนุม มากๆ ในพื้นที่สาธารณะ สนามมวย คอนเสิร์ต ไม่สัมผัสต่างชาติ กางแผนที่ชีวิตว่าควรจะทำอะไร เพื่อจำกัดผู้ป่วย ฯลฯ สิ่งที่ต้องทำแต่รัฐบาลกล้าหรือเปล่า เพราะขณะนี้โลกแทบจะหยุดนิ่งอยู่แล้ว

          ... ทิ้งท้ายกันด้วย “สุเมธ ดำรงชัยธรรม” ไขก๊อกออกจากการบินไทย ด้วยคำอำลาที่ว่า หมดเวลาเมื่อระฆังตี! ก็ต้องแยกย้าย พร้อมกับทิ้งจดหมายน้อยส่งถึงคนการบินไทยไม่เห็นด้วยที่จะ Reset” เพราะต้องใช้เงินถึง 2 แสนล้านบาท ในสถานการณ์แบบนี้รัฐบาลไม่มีเงินแน่ และเห็นว่าองค์กรจะอยู่ได้ต้องลดค่าใช้จ่ายลงอีก เพื่อยืดระยะเวลารอให้วิกฤติคลี่คลาย ซึ่งทุกคนต้องช่วยองค์กร

          ... แต่อีกมุมหนึ่งออกมาโวยว่ามีแต่ลดเงินเดือนพนักงาน แต่ผู้บริหารระดับ EVP ตัดเล็กน้อยซึ่งไม่เป็นธรรม เพราะรับคนละ 6-7 แสนบาทต่อเดือนไม่รวมค่ารถตัด 20% ขนหน้าแข้งไม่ร่วง เพราะค่ารถอยู่ที่ 7.5 หมื่นบาทต่อเดือน และอีวีพีก็ปรับจากพนักงานประจำ รับเดือนละแสน เปลี่ยนมาเป็นสรรหารับเดือน 6-7 แสนบาท จบข่าว!!