ยามวิกฤติ ไทยต้องสามัคคี

17 มี.ค. 2563 | 13:00 น.

คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3558 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 19-21 มี.ค.63 โดย...ประพันธุ์ คูณมี

 

 

 

               บ้านเมืองยามนี้ ต้องถือ ว่าอยู่ในภาวะวิกฤติ นอกจากต้องเผชิญภัยจากโรคระบาดร้ายแรง ที่คร่าชีวิตผู้คนไปทั้งโลกแล้ว ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมก็รุนแรงกว้างไกล กระทบไปในทุกๆ ส่วน ดังที่เห็นและเป็นอยู่ โดยเฉพาะคนระดับล่าง ผู้หาเช้ากินค่ำและผู้ทำงานประกอบธุรกิจ ที่พึ่งพานักท่องเที่ยว และพึ่งพาต่างประเทศ นับว่าหนักหนาสาหัสแน่ๆ คงต้องใช้เวลาร่วมปีกว่าจะฟื้นกลับคืนมาดั่งเดิมได้

               ประเทศของเรา เคยเผชิญกับภาวะวิกฤติมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่เราก็ผ่านพ้นมาได้ทุกครั้ง จะบอกว่าประเทศไทยศักดิ์สิทธิ์ มีพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง ก็คงเป็นเรื่องจริง อยู่ที่ความเชื่อและนิยามความหมายที่แต่ละคนจะตีความ เพราะจะหนักหนาเพียงใด ประเทศไทยของเราก็ผ่านพ้นมาได้ เราจึงมีชาติไทยอยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล

               แต่หากจะศึกษาเรียนรู้อดีต เพื่อมารับใช้ปัจจุบัน เราก็ต้องหันกลับไปมองว่า เราผ่านพ้นวิกฤตินั้นมาได้อย่างไร จึงจะเข้าใจบทเรียนที่ทรงคุณค่า แล้วนำมาใช้กับปัจจุบัน ซึ่งกล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว ที่บ้านเมืองของเราสิ้นชาติ เสียเอกราช ก็เพราะแตกสามัคคี และที่กู้บ้านกู้เมือง ปกป้องชาติ รักษาเอกราชเอาไว้ได้ก็เพราะไทยสามัคคี นี่คือความจริงและเหตุผลหลัก นอกเหนือจากเหตุปัจจัยประกอบ อื่นๆ และที่ไทยสามัคคีกันได้ ก็เพราะมีผู้นำประเทศที่ดี ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์นั่นเอง

 

               เรื่องวิกฤติจากโรคระบาดโควิด-19 นี้ เป็นวิกฤติเดียวกันกับที่เกิดในจีน และที่อื่นทั่วโลก แต่ใครและผู้นำประเทศใด จะแก้ไขปัญหาและพาชาติบ้านเมืองของตนให้ก้าวข้ามพ้นปัญหาวิกฤตินี้ไปได้ดีกว่ากัน กำลังเป็นบทพิสูจน์ทดสอบความสามารถของผู้นำแต่ละชาติ เปรียบไปคงไม่ต่างจากกีฬาโอลิมปิก เพียงแต่เป็นการแข่งขันความสามารถของผู้นำแต่ละประเทศ ว่าใครจะมีศักยภาพและความสามารถในการจัดการปัญหา รับมือกับภาวะวิกฤตินี้ได้ดีกว่ากัน

               ความเป็นจริงขณะนี้ ได้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ประเทศจีนที่มีพลเมืองมากที่สุดในโลก จำนวนกว่า 1,400 ล้านคน และเป็นประเทศแรกที่ต้องเผชิญกับโรคระบาดร้ายแรงนี้ก่อนใคร ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย จนโลกทั้งโลกหวั่นวิตกว่าจะลุกลามไปทั่วโลก ไม่อาจรับมือได้ และอาจจะขยายไปยังประเทศอื่นๆ นั้น กลับปรากฏว่าภายในระยะเวลาเดือนเศษ ผู้นำจีนสามารถหยุดยั้งและจัดการรับมือกับโรคระบาดร้ายแรงนี้ได้อย่างเด็ดขาด จนสามารถกล่าวได้ว่า สามารถยุติภัยพิบัติจากโรคนี้ได้โดยราบคาบ ไม่สามารถก่ออันตรายทำลายชีวิตชาวจีนต่อไปอีก รัฐบาลและผู้นำจีนประกาศชัยชนะเหนือโรคระบาดนี้ได้

               นอกจากนี้จีนยังได้แสดงความมีน้ำใจ ตบหน้าอเมริกา โดยสามารถส่งแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ พร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเวชภัณฑ์ไปแนะนำช่วยเหลืออิตาลี และประเทศอื่นได้ บทเรียนการเอาชนะ โควิด-19 ของจีนจึงเป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่ของชาวโลก ที่ไทยจะมองข้ามไม่ได้ ผู้นำไทยควรศึกษาและเก็บรับมาเป็นบทเรียนอย่างยิ่ง

               ด้วย 16 มาตรการสำคัญของจีนในการพิชิตโควิด-19 เป็นเรื่องที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง ไม่ว่าการยกเลิกการเดินทางเข้าออกอู่ฮั่นทั้งหมด รัฐออกค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ติดเชื้อทั้งหมด สถาบันการศึกษางดการเรียนการสอน ติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิทุกสถานที่สำคัญ ปิดเมืองอู่ฮั่น หยุดกิจกรรมท่องเที่ยวการเดินทาง ควบคุมราคายาและอุปกรณ์ป้องกันดูแลตนเอง ใครป่วยรัฐแจกเงินหากมารายงานตัว

 

               รัฐบาลกลางและท้องถิ่นออกมาตรการเข้มงวด แจกหน้ากากอนามัยฟรีแก่ประชาชน มีการติดตามพฤติกรรมของผู้สงสัยว่าจะติดเชื้ออย่างใก้ลชิดและเข้มงวด รัฐระดมแพทย์พยาบาล รวมถึงสร้างโรงพยาบาลเฉพาะเร่งด่วนเพื่อรับมือโดยเฉพาะ มีการรายงานสถานการณ์ทุกวันตลอดเวลา ให้ประชาชนทราบและปฏิบัติตัวโดยเคร่งครัด ผู้นำประเทศตัดสินใจดำเนินทักมาตรการโดยเด็ดขาด อย่างมีแผนการปฏิบัติที่เป็นเอกภาพ เหล่านี้ จีนจึงรอดพ้นมาได้โดยรวดเร็ว เป็นต้นแบบให้ทั้งโลกศึกษาเป็นแบบอย่าง

               ภารกิจสำคัญเร่งด่วนของประเทศไทย คนไทยทั้งชาติยามนี้ คงไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่า การร่วมมือสามัคคีกัน ส่งกำลังใจให้แก่กันและกัน พาชาติบ้านเมืองของเราให้ก้าวข้ามพ้นวิกฤติครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ไปให้ได้ ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่ขึ้นกับภาวะผู้นำ ซึ่งสถานการณ์ยามนี้ ถึงเวลาต้องตัดสินใจโดยเด็ดขาด ด้วยความกล้าหาญ และความรักสามัคคีของคนในชาติ ความมีวินัยของคนไทยทุกคน ที่จะต้องร่วมมือกันก้าวฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้

               คนไทยทุกคนควรหยุดพัก หยุดรบ หยุดทะเลาะกัน ยุติปัญหาทางการเมืองใดๆ ไว้ก่อน เอาชาติเอาชีวิตของเราให้พ้นภัยเสียก่อน เราต้องสามัคคีร่วมมือกันให้ทุกๆ ชีวิตปลอดภัย มีวินัยปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่รัฐ แพทย์ พยาบาล และหน่วยงานทางสาธารณสุข โดยเคร่งครัดเถอะครับในยามวิกฤติเช่นนี้ มีแต่ความสามัคคี ความมีวินัยเท่านั้น ที่จะช่วยให้พวกเราก้าวพ้นวิกฤตินี้ไปได้ รอดชีวิตไปให้ได้ จะทะเลาะกันเมื่อไหร่ ยังมีเวลาอีกมากมาย

               ท่ามกลางวิกฤติและปัญหาความวุ่นวายในสังคม ความสับสนของข้อมูลข่าวสาร ไม่รู้จะฟังหรือเชื่อใครดีนั้น ขอให้พี่น้องยึดมั่นและเชื่อมั่นต่อคณะแพทย์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของไทย ต้องเชื่อมั่นในความรู้ความสามารถและความมีคุณธรรม ของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเหล่านั้น เพราะพวกเขาต่างทุ่มเทเสียสละ ทำงานเสี่ยงชีวิตด้วยความยากลำบากและเหน็ดเหนื่อย จงให้กำลังใจท่านเหล่านั้น และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เราจะต้องพ้นภัยและก้าวข้ามผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ร่วมกันแน่นอน

               ประเทศไทยจงสามัคคี ! ประชาชนไทยจงสามัคคีกัน ! ประเทศเราต้องพ้นวิกฤติ ประชาชนทุกคนต้องปลอดภัย ประเทศไทยจักต้องชนะ!

​​​​​​​