ถอดปัจจัยความสำเร็จในการควบคุมไวรัสของจีน

18 มี.ค. 2563 | 02:55 น.

 

การควบคุมสถานการณ์โรคระบาดในประเทศจีน ถือได้ว่าเห็นผลเร็วกว่าที่คาดไว้ แนวทางการควบคุมของประเทศจีนจึงเป็นที่น่าศึกษาของประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่กำลังมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหาย

แนวทางแบบจีนเริ่มจากการยอมรับถึงวิกฤติอย่างทันท่วงที แล้วตอบสนองด้วยความรวดเร็ว เด็ดขาด และเต็มกำลัง ผนวกกับการใช้เทคโนโลยีด้าน AI/Big Data เข้ามาร่วมอย่างเต็มที่ ทั้งในแง่ของการติดตามและการวินิจฉัย ท้ายที่สุด สิ่งที่รัฐบาลอื่นๆ อาจมีน้อยกว่ารัฐบาลจีน คือความร่วมแรงร่วมใจจากประชาชน

ในภาวการณ์ปกติแนวทางแบบประเทศจีนอาจถูกมองว่าไม่สามารถปฏิบัติได้ในหลายๆ ประเทศ แต่ในภาวะวิกฤติเช่นนี้ ผู้นำทั่วโลกจะต้องปรับแนวคิดในการจัดการใหม่ วิกฤติไวรัสที่กำลังนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจนี้กำลังเป็นบททดสอบที่สำคัญของภาวะผู้นำของประเทศและองค์กรต่างๆ ทั่วโลก

ผู้นำสูงสุดยอมรับถึงวิกฤติอย่างทันท่วงที - ในหลายๆ วิกฤติที่กลายเป็นปัญหาบานปลายควบคุมไม่ได้ เป็นเพราะผู้นำอยู่ในภาวะปฏิเสธ สำหรับเหตุการณ์โรคระบาดครั้งนี้ ผู้นำจีนได้แสดงความยอมรับแบบทันท่วงที โดยออกคำสั่งให้มีการปิดเมืองอู่ฮั่นและเมืองอื่นๆ ในมณฑลหูเป่ยในวันแรกของเทศกาลตรุษจีน ถึงแม้เป็นที่น่าเสียดายอย่างมาก ที่มีข่าวเรื่องความล่าช้าของการรายงานเหตุการณ์ตามลำดับชั้น จากรัฐบาลท้องถิ่นถึงปักกิ่งอยู่หลายสัปดาห์ แต่การตัดสินใจสุดท้ายจากปักกิ่งถือว่ามีความเป็นเอกภาพและเด็ดขาด เพราะหากล่าช้าไปอีกเพียง 1-2 วัน การแพร่ระบาดจะขยายวงกว้างไปอีกมาก

จากการที่ชาวมณฑลหูเป่ยอีกนับล้านเดินทางไปต่างเมืองและต่างประเทศ ผู้บริหารองค์การอนามัยโลกได้กล่าวว่า การตัดสินใจปิดเมืองต่างๆ รวมกันแล้วกว่า 20 เมืองของประเทศจีน เป็นการช่วยซื้อเวลาให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในการเตรียมตัวรับมือกับการระบาดทั่วโลก มาถึงวันนี้เราเห็นแล้วการซื้อเวลาดังกล่าวก็ยังไม่อาจช่วยประเทศต่างๆ ในการรับมือโรคระบาดครั้งนี้ได้

ตอบสนองด้วยความรวดเร็ว เด็ดขาดและเต็มกำลัง - สิ่งสำคัญที่สุดคือความรวดเร็วของการตอบสนอง ตั้งแต่การระดมกำลังคน ทรัพยากรทั่วประเทศ ตลอดจนการตัดสินใจสร้างโรงพยาบาลเฉพาะกิจหลายแห่งในเมืองอู่ฮั่นในระยะเวลาอันสั้น โดยการปิดเมืองที่มีประชากร 11 ล้านคนยังไม่เคยมีขึ้นในประวัติศาสตร์ประเทศไหน ต้องบอกว่าการปิดเมืองหรือ lockdown ของจีนถือว่า lockdown จริง ๆ คือประชาชนแทบจะออกจากที่พักไม่ได้ มีการกำหนดจำนวนครั้งของการออกจากที่พักเพื่อจัดหาข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเท่านั้น มีการควบคุมการเข้าออกในระดับแต่ละอาคารที่พักอาศัย เพื่อให้ประชาชนมีการติดต่อสัมผัสกันน้อยที่สุด

มีการจัดส่งบุคลากรทางการแพทย์จากเมืองอื่น ๆ เพื่อมาเสริมบุคลากรทางการแพทย์ในมณฑลหูเป่ยที่เหนื่อยล้าและติดเชื้อจนถึงเสียชีวิตไปหลายท่านด้วยกัน ที่สำคัญผู้ป่วยติดเชื้อไม่ว่าจะเป็นชาวจีนหรือต่างชาติจะได้รับการรักษาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ตามรายงานข่าว ค่ารักษาอยู่ที่ประมาณ 3-5 แสนหยวนต่อคน แล้วแต่ระดับความรุนแรงอาการ ผู้ติดเชื้อในจีนทั้งหมดมีกว่า 8 หมื่นราย ค่าใช้จ่ายเฉพาะในส่วนนี้คิดแล้วเป็นเงินหลายพันล้านหยวน ความรับผิดชอบในส่วนนี้แสดงถึงความมีน้ำใจและรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์

ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยเต็มที่ - จะว่าไปแล้ววิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ มีการนำเทคโนโลยี AI/Big Data มาใช้อย่างกว้างขวางทั้งในด้านการติดตามผู้ติดเชื้อ อาทิ การกำหนดใช้รหัสสุขภาพในโปรแกรม Alipay ในกว่า 200 เมืองแล้ว ในด้านการวินิจฉัยโรค อาทิ การใช้ AI มาวิเคราะห์ภาพ CT Scan เพื่อลดระยะเวลาการวินิจฉัยการติดเชื้อ และในด้านการปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตทำงานจากบ้าน เชื่อได้ว่าจีนจะเร่งการพัฒนาและลงทุนด้าน Health Tech ให้ก้าวล้ำไปอีกมาก และเป็นที่น่าจับตาต่อไปด้วยว่าการพัฒนาด้าน big data ของจีนจะมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางใดหลังจากโรคระบาดครั้งนี้

โดยรวมประเทศจีนมีการจัดเก็บ big data ของผู้บริโภคที่ดีมากแล้ว แต่ระบบ big data ที่เป็นอยู่มีการแบ่งค่ายใหญ่ไม่กี่ค่ายรวมถึงภาครัฐด้วย ไม่ได้มีการแบ่งปันข้อมูลอย่างแท้จริง โรคระบาดครั้งนี้ ย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการแบ่งปันข้อมูลข้ามแพลตฟอร์มอย่างมีระบบ ผู้อ่านสามารถติดตามรายละเอียดเรื่องนี้ได้จากบทความลวดลายมังกรฉบับที่แล้ว

ถอดปัจจัยความสำเร็จในการควบคุมไวรัสของจีน

 

 

 

เปิดเผยข้อมูลโปร่งใส - รัฐบาลจีนจัดให้มีการแถลงเหตุการณ์ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับรัฐบาลกลางมาโดยตลอด มีการเปิดเผยข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต ตลอดจนผู้ป่วยหนัก เป็นไปแบบโปร่งใสต่อสาธารณะ ผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลกได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อครั้งหนึ่งว่าไม่พบความตั้งใจในการปกปิดตัวเลขผู้ป่วยในประเทศจีน

ความร่วมมือร่วมใจจากประชาชน - จุดที่แตกต่างที่สุดเทียบกับประเทศอื่นๆ น่าจะอยู่ที่ประชาชนชาวจีน ที่ให้ความร่วมมือร่วมใจและแสดงความอดทนอย่างดีมาก หากจะมีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นที่เกือบจะบานปลาย ก็คงเป็นช่วงที่คุณหมอผู้ซึ่งเป็นผู้เป่านกหวีดเตือนได้เสียชีวิตลง โดยรวมแล้วรายงานขององค์กรอนามัยโลกระบุว่า “ประเทศจีนมีความพิเศษตรงที่มีระบบการเมืองที่สามารถสร้าง public compliance ได้ ในยามที่ต้องใช้มาตรการที่เด็ดขาด” วิกฤติใหญ่ๆ ทุกครั้งที่ผ่านมามีแนวโน้มที่ทำให้ประชาชนชาวจีนมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพิ่มมากขึ้น

นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบมองไปข้างหน้า - มาถึงวันนี้ภารกิจของประเทศ หันจากการมุ่งควบคุมโรคระบาดมาเป็นการมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ในภาวะที่เศรษฐกิจจีนได้ปรับโครงสร้างมาจนมีธุรกิจ SMEs เป็นสัดส่วนกว่า 60% ของเศรษฐกิจโดยรวม และมีความเปราะบางต่อภาวะหดตัวของการบริโภคในประเทศอย่างรุนแรง จึงเป็นโจทย์ที่หนักหนายิ่งกว่าการควบคุมโรคระบาดก่อนหน้านี้เสียอีก

รัฐบาลจีนได้กำหนดกรอบการกระตุ้นเศรษฐกิจพอสรุปเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือมาตรการเพื่อประคองธุรกิจ ซึ่งส่วนมากเป็นเกี่ยวกับเรื่องการผ่อนปรนภาษี การสนับสนุนเงินทุนจากภาคธนาคาร ฯลฯ และอีกส่วนคือมาตรการกระตุ้นที่เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ในครั้งนี้ ประเทศจีนจะใช้การสร้างโครงข่าย 5G มาเป็นตัวชูธงในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ในปี 2008 ที่เกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ประเทศจีนใช้การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงมาเป็นตัวกระตุ้นหลัก จนทำให้ประเทศจีนทะยานขึ้นมาเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมไฮเทค เรียกว่าทั้งกระตุ้นและยกระดับเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กัน ผู้เขียนจะขอวิเคราะห์ในบทความครั้งต่อไปว่าจีนจะประสบความสำเร็จเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาได้หรือไม่อย่างไร  

คอลัมน์ลวดลายมังกร โดย...มาณพ เสงี่ยมบุตร รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ผู้บริหารธุรกิจจีน

หน้า 4 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3558 วันที่ 19-21 มีนาคม 2563

เกี่ยวกับผู้เขียน : มาณพ เสงี่ยมบุตร รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ผู้บริหารธุรกิจจีน มีประสบการณ์เกี่ยวกับการลงทุนและการเงินในประเทศจีนกว่า 15 ปี ในอดีตเคยเป็นนักวิเคราะห์หุ้นจีน เอ แชร์ และข้าราชการกระทรวงการคลัง จบการศึกษาปริญญาตรีด้านสารสนเทศการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท MBA มหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน สหรัฐอเมริกา