“มุมมืด” สนามบินดอนเมือง

04 เม.ย. 2559 | 04:09 น.
สนามบินดอนเมืองกำลังเปลี่ยนโฉมหน้า กลายเป็น “ฮับ” การบินในภูมิภาคไปแล้วและจะใหญ่ยิ่งขึ้นเมื่อพัฒนาเพิ่มเติมในเฟสที่ 3 แต่หลังฉากของสนามบินดอนเมืองมีปัญหาหนักๆ คือห้องน้ำชั้นขาเข้าภายในประเทศไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหน ไปใช้บริการต้องเดินหาแต่ไม่เจอต้องขึ้นบันไดเลือนไปชั้น 3 เพื่อเข้าห้องน้ำ “นี่ทำอะไรของคุณ?” คำถามที่ผมที่คิดถามขึ้นมาลอยๆ ความจริงเรื่องห้องน้ำ เรื่องฝุ่นนรกเห็นคนไทยบ่นผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คมา 3 ปีแล้วรวมและแม้ขณะนี้ส่วนต่อขยายไปอาคาร 2 ก็ยังเหมือนเดิม

ล่าสุดผมไปใช้บริการที่จอดรถยนต์ส่วนท้ายสุดหรืออาคารผู้โดยสารในประเทศหลังเก่า มีที่จอดรถยนต์ 3 ชั้น ไปแล้วก็เหมือนเมื่อก่อนตอนที่อาคาร 2 ยังปรับปรุงอาคารไม่แล้วเสร็จ ไม่มีการขยับอะไรเลยเอารถยนต์ไปจอดชั้น 2 เพื่อหลบแดด ยังมีที่ว่างพอให้รถสอดเข้าไปได้ แต่สภาพที่เห็นดูโทรมๆ พอเดินลงบันไดก็แทบจะเป็นลมเพราะ “สกปรกเป็นบ้า” “นี่คุณทำอะไรของคุณ ?” ผมคิดถามขึ้นมาอีกพอจะลงไปชั้นล่างดีหน่อยยังมีป้ายมาตรฐานบอกที่จอดรถหมุนเวียนภายในสนามบินเมื่อเดินไปถึงก็ต้องระมัดระวังให้ดีเพราะช่องซ้ายสุดเมื่อเราหันหน้าไปทางทิศใต้เขาให้รถแท๊กซี่วิ่งมาจากลานจอดรถยนต์อาคารขนส่งสินค้าเพื่อไปรับผู้โดยสารที่อาคารขาเข้าภายในประเทศหรืต่างประเทศ ถ้าไม่ระมัดระวังก็มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เมื่อยืนรอรถที่นี่ได้พักใหญ่ๆ มีรถหมุนเวียนภายในผ่านมา เราก็กระโดยขึ้นรถแต่ก็ต้องถอยหลังกลับเพราะโชว์เฟอร์บอก จะไปอาคารผู้โดยสารใช่ไหมครับ ถ้าจะไปกรุณาไปขึ้นรถฝั่งตรงกันข้าม ผมก็ “ขอบคุณที่บอกอย่างสุภาพ”ต้องลงรถแล้วเดินรอดอาคารจอดรถยนต์ไปอีกฟากหนึ่ง ขณะเดินผ่านด่านเก็บเงินค่าที่จอดรถเห็นพนักงานนั่งคุยกันส่งเสียงดัง และเมื่อไปถึงก็มีที่นั่งพร้อมแต่ป้ายจอดรถยนต์อยู่ในช่องสุดท้ายด้านติดกับถนนวิภาวดีก็ต้องรอกันพักใหญ่ถึงรถจะผ่านมาให้ใช้บริการฟรี โดยที่นั่งพักรอรถโดยสารอยู่ใต้อาคารจอดรถต้องวิ่งข้ามถนนและอ้อมหน้ารถหมุนเวียนเพื่อขึ้นรถ

ผมเข้าใจในแผนการปรับปรุงและยกระดับให้สนามบินดอนเมืองยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ด้านชุมชนเครื่องบินต้นทุนต่ำ แต่ผมไม่เข้าใจว่า ผู้บริหารการท่าอากาศยานดอนเมืองใจเย็นไปหน่อยทำไม่ไม่ทำสิ่งที่มีอยู่ให้สะอาดงดงามขึ้นมาไม่ได้บ้างหรือไง ? ความจริงแล้วผู้บริหารน่าจะทราบว่าสนามบินเป็นหน้าตาของบ้านเมือง เราต้องดูแลเรื่องความสะอาด ไม่ใช่ปล่อยให้เสื่อมโทรมก็อย่างที่ผมบอกผมก็ทราบว่ามีแผนที่จะปรับปรุงและสร้างใหม่แต่กว่าจะสร้างใหม่ของที่มีอยู่เดิมประชาชนจำเป็นต้องใช้ ก็ต้องดูแลและปรับปรุงให้แลดูดีผมว่าถ้าจะทำความสะอาดคงใช้สตางค์ไม่กี่แสนบาทก็ทำให้ดูดีได้แล้ว แค่จ้างคนมาล้าง มาเช็ดถู ทำไม่เกิน 4 สัปดาห์ก็จบแล้ว หรือถ้าไม่ต้องการใช้งบประมาณจริงๆ ก็ประกาศเชิญชวนประชาชนจิตอาสามาช่วยล้างทำความสะอาดก็ได้ครับเดี๋ยวนี้ทุกเสาร์อาทิตย์ประชาชนจิตอาสาเป็นจำนวนมากนิยมอาสาไปทำความสะอาดวัดความจริงคนไปก็ช่วยกันออกเงินค่ารถเสียด้วยซ้ำ แต่ทำก็เพราะ “จิตอาสา” ไง

ก่อนหน้านี้ “ฐานเศรษฐกิจ” ได้เสนอข่าวไปว่า หลังดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมืองระยะที่ 2แล้วเสร็จและเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสาร อาคาร 2 อย่างเป็นทางการ ล่าสุดบริษัท ท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) หรือทอท.ยังคงเตรียมแผนในการพัฒนาระยะที่ 3 อย่างต่อเนื่องตามแผนแม่บทท่าอากาศยานดอนเมือง (ฉบับปรับปรุง)ที่ล่าสุดบอร์ดทอท.มีมติเห็นชอบต่อแผนดังกล่าวเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2559

[caption id="attachment_40719" align="aligncenter" width="700"] คาดการณ์ปริมาณการจราจรทางอากาศของท่าอากาศยานดอนเมือง คาดการณ์ปริมาณการจราจรทางอากาศของท่าอากาศยานดอนเมือง[/caption]

จัดเต็มงบลงทุน 2.7 หมื่นล้าน

แผนแม่บทท่าอากาศยานดอนเมืองฉบับปรับปรุงนี้ เป็นการปรับปรุงแผนให้สอดคล้องกับสภาพปริมาณการจราจรทางอากาศและบทบาทการให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองในปัจจุบันเพื่อวางแผนการพัฒนาท่าอากาศยานให้รองรับปริมาณการจราจรทางอากาศ และผู้โดยสารรวมทั้งกิจกรรมทางด้านการบินที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและพัฒนาให้มีความสมดุลทั้งแอร์ไซด์และแลนด์ไซด์นั่นเอง

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของผู้โดยสารที่ใช้บริการสนามบินดอนเมืองในปีที่ผ่านมา ที่ขยายตัวกว่า 40%และยังครองแชมป์สนามบินสำหรับสายการบินโลว์คอสต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากการสำรวจของ Centre for Aviation (CAPA) บริษัทที่ปรึกษาด้านข้อมูลการบินระดับโลกเมื่อปีที่ผ่านและแนวโน้มการขยายตัวยังคงเห็นสัญญาณดีต่อเนื่องทั้งในแง่ของเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารที่มีแนวโน้มจำนวนผู้โดยสารใช้บริการเกิน 40 ล้านคนต่อปีทะลุไปถึง 50-60 ล้านคนในช่วงปี 2568-2573 (ตารางประกอบ) จากอานิสงส์การขยายเน็ตเวิร์กของสายการบินต้นทุนต่ำและการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวของไทย

นี่จึงเป็นหลักคิดของการพัฒนาตามแผนแม่บทท่าอากาศยานดอนเมืองฉบับปรับปรุงนี้จึงมองการขยายในระยะยาว เพิ่มสเกลการลงทุนที่ใหญ่กว่าแผนเดิมจากเดิมที่วางแผนไว้เพียงการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร อาคาร 1ปรับปรุงอาคารเทียบเครื่องบินหมายเลข 6 ที่แผนเดิมคาดว่าใช้งบลงทุนราว 7 พันล้านบาทแต่เมื่อสภาพปริมาณการจราจรทางอากาศของสนามบินดอนเมืองเปลี่ยนไปจากเดิมมากดังนั้นแผนการพัฒนา จึงมองระยะยาวขึ้น เพิ่มการลงทุนในการขยายหลุมจอดอากาศยานรองรับการขยายตัวของโลว์คอสต์ แอร์ไลน์ และไม่ได้มองเฉพาะการพัฒนาเฉพาะในสนามบินเท่านั้นแต่ยังมองไปถึงการขยายเพื่อเชื่อมต่อกับการเดินทางโดยรถไฟฟ้าสายสีแดงเส้นทางบางซื่อ-รังสิตที่จะแล้วเสร็จในช่วงปี 2563-2564 รวมถึงการแก้ปัญหาการจราจรภายในสนามบินด้วยเบ็ดเสร็จแผนแม่บทฉบับปรับปรุงนี้จึงมีงบในการพัฒนาปาเข้าไป 27,435 ล้านบาท

ต่อเรื่องนี้ นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. กล่าวว่าแผนการพัฒนาสนามบินดอนเมืองระยะที่ 3 ภายใต้กรอบวงเงิน 2.7 หมื่นล้านบาทจะแบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 ช่วง ช่วงที่ 1 ดำเนินการปี 2560-2565 วงเงิน 1.9 หมื่นหมื่นล้านบาท ช่วงที่ 2 ดำเนินการปี 2566-2568 วงเงินราว 8 พันล้านบาท ซึ่งแผนพัฒนาสนามบินดอนเมืองในช่วงแรกจะพัฒนาต่อเนื่องจากงานพัฒนาในเฟส 2 ซึ่งแล้วเสร็จเมื่อปี 2558ดังนั้นในปีนี้จึงจะเป็นการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในเรื่องของการทุบอาคารเก่าที่ไม่ได้ใช้งานในสนามบินการประสานกับทางดอนเมืองโทลล์เวย์ในการทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดการจราจรในสนามบินให้การเข้าออกของแท็กซี่และรถที่เข้ามาในสนามบินเกิดความคล่องตัวและจอดรถได้เพิ่มขึ้น โดยจ้างที่ปรึกษาให้มาช่วยศึกษา เพื่อเตรียมการพัฒนาที่จะเริ่มในปี 2560

วางไทม์ไลน์ลงทุน 2 ช่วง

สำหรับการพัฒนาใน 2 ช่วงที่จะเกิดขึ้นนั้น ช่วงที่ 1 จะเริ่มลงทุนปี 256 ทยอยดำเนินการเพื่อให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2565 ซึ่งสิ่งที่จะเริ่มดำเนินการก่อน คือการปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร อาคาร 1 ที่ปัจจุบันเป็นอาคารสำหรับรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศเพื่อให้มีประสิทธิภาพ และมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นอาคารเก่า เฉพาะระบบแอร์ ก็นานกว่า 30ปีแล้ว ซึ่งจะมีการทยอยปิดเป็นส่วนๆ เพื่อปรับปรุงไฟฟ้า แสงสว่าง เคาน์เตอร์เช็กอิน ที่จะปรับให้ระบบ In-Line screening เหมือนการให้บริการของอาคารผู้โดยสาร อาคาร 2

ทั้งยังจะมีการก่อสร้างขยายหลุมจอดอากาศยานทางด้านทิศเหนือ จากปัจจุบันที่สนามบินดอนเมืองมีอยู่ 101 หลุมจอด จะเพิ่มเป็น 148 หลุมจอด พร้อมทางขับเชื่อมและระบบเติมน้ำมันอากาศยาน งานก่อสร้างอาคาร Junction Building และอาคารจอดรถยนต์ผู้โดยสาร ที่ระยะแรกจะจอดได้ราว 8 พันคัน ซึ่งอาคาร Junction Building จะเป็นอาคารหลังใหม่อยู่ระหว่างอาคารผู้โดยสารหลังเดิม ส่วนเชื่อมระหว่างอาคาร 2กับสกายวอล์ก เพื่อสร้างเป็นอาคารเชื่อมของสถานีรถไฟฟ้าดอนเมืองที่จะเป็นสถานีร่วมของรถไฟฟ้าสายสีแดง งานก่อสร้างลานจอดอากาศยานสำหรับกิจการการบิน General Aviation งานก่อสร้างขยายอาคารเทียบเครื่องบินด้านทิศเหนือ พร้อมติดตั้งสะพานเทียบ 3 ชุดงานปรับปรุงอาคารเทียบเครื่องบินหมายเลข 6 (Pier 6) การปรับปรุงระบบถนนภายในสนามบินงานปรับปรุงระบบระบายน้ำภายในสนามบิน

ขณะที่การลงทุนในช่วงที่ 2 จะเริ่มในปี 2566 แล้วเสร็จปี 2568 จะเป็นเรื่องการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร และสายการบินที่จะมีงานปรับปรุงและก่อสร้างอาคารสำนักงานสายการบิน งานก่อสร้างลานจอด อีก 2 พันคันทางด้านทิศใต้ของสนามบิน บริเวณคลังสินค้าที่ไม่ได้ใช้งานรวมถึงงานก่อสร้างระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมต่อภายในสนามบินที่จะเป็นรูปแบบระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) ที่จะนำรถไฟโมโนเรลมาให้บริการเชื่อมระหว่างอาคารทางด้านทิศใต้ มาจนถึงอาคารผู้โดยสาร อาคาร 1

บริหารจัดการรับได้ทะลุ 50 ล้านคน

อย่างไรก็ตามการพัฒนาสนามบินดอนเมืองเฟส 3 ที่จะเกิดขึ้นนี้ แม้เป้าหมายของการพัฒนาทอท.ต้องการคืนสภาพขีดความสามารถเดิมของสนามบินกลับมา คือ รองรับเที่ยวบินได้ 40-50 เที่ยวบินต่อชั่วโมง รองรับผู้โดยสารได้ 40 ล้านคนต่อปี ซึ่งเป็นไปตาม EIA (การศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม)ตั้งแต่การเริ่มก่อสร้างสนามบินก็จริงแต่ด้วยสภาพการไหลเวียนของผู้โดยสารที่ใช้บริการสนามบินดอนเมือง มีความแตกต่างจากในอดีตมากทำให้ทอท. จึงมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการการรองรับผู้โดยสารทะลุไปถึง 50 ล้านคนต่อปีได้เนื่องจากในอดีตก่อนที่เปิดให้บริการสนามบินสุวรรณภูมิผู้โดยสารที่มาใช้บริการสนามบินดอนเมืองส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศซึ่งมีเรื่องระบบตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากร มาเกี่ยวข้อง ทำให้การให้บริการผู้โดยสารจะอยู่ที่ราว 2 ชั่วโมง แต่เมื่อมีการเปิดใช้บริการสนามบินดอนเมืองเต็มรูปแบบอีกครั้งกลับพบว่าการใช้บริการของสนามบินดอนเมืองส่วนใหญ่ จะเป็นผู้โดยสารภายในประเทศที่ไม่ได้มีกระบวนการใดๆมาก ทำให้การไหลเวียนของผู้โดยสารจะใช้เวลาเพียง 30 นาทีซึ่งปัจจุบันหลังเสร็จสิ้นการพัฒนาสนามบินในเฟส 2 สนามบินดอนเมืองขณะนี้รองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปี โดยอาคารผู้โดยสาร อาคาร 1 ที่รองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ รับได้ 8 ล้านคนต่อปีขณะที่อาคารผู้โดยสาร อาคาร 2 ที่เป็นเที่ยวบินภายในประเทศ รับได้ 22 ล้านคนต่อปี ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2:1

นอกจากการพัฒนาศักยภาพของสนามบินแล้ว ทอท.ยังมีแผนจะส่งเสริมให้สายการบินต่างๆ หันมาเปิดเที่ยวบินในช่วงเวลาไม่คับคั่ง(ออฟพีก) ในช่วงเวลา 24.00 -5.00น.ซึ่งจะให้ส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงอากาศยาน 95% สำหรับเที่ยวบินประจำ และส่วนลด 50%สำหรับเที่ยวบินเช่าเหมาลำ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน2559- 31 มีนาคม 2561เพื่อจูงใจให้สายการบินมาเพิ่มเที่ยวบินหรือเปิดจุดบินในช่วงเวลาเหล่านี้อ่านจากข่าวชิ้นนี้แล้วจะเห็นว่า “คิดการณ์ใหญ่” แต่ลืมเรื่องเล็กน้อยในทำนอง “ถี่รอดตาช้างห่างรอดตาเลน” ครับ