ในขณะที่สถานการณ์ “หน้ากากอนามัย” ในเมืองไทยหายากยิ่งกว่าทองคำ กำลังถาโถมเข้าสกรัมรัฐบาล ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนกลับบ้านไม่ถูก
เพราะดันมี “ผู้ติดตามรัฐมนตรี” อดีตผู้สมัครส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เข้าไปเกี่ยวพันกับการกักตุนการขายหน้ากากอนามัยเพื่อทำกำไรชิ้นละ 10-15 บาท ในขณะที่ประชาชน บุคลากรทางการแพทย์ไม่มีหน้ากากอนามัยมาใช้ในการดูแลคนป่วย
อีเห็นร้องแรกแหกกระเชอดังๆ ออกมาว่า ไม่ว่า...ผลสอบจะออกมาว่า “อ้ายเทพ-อ้ายบอย” ตัวละครผู้หน้าไม่อายเอาเปรียบกับความเป็นความตายของผู้คนในประเทศ จะผิดหรือไม่ผิด...
ไม่ว่าเมื่อสืบสาวราวเรื่องไปแล้ว “อ้ายเทพ-อ้ายบอย” 2 ตัวการ ในการโก่งราคา-กักตุนหน้ากาก จะเข้าไปพัวพันกับแกนนำพรรคภราดรภาพ-พรรคประชาชาติ ที่แทบจะกลายพันธุ์เป็นเนื้อเดียวกัน ภายใต้การบัญชาการ “วันนอร์” แทนที่จะเป็นพรรคพลังประชารัฐหรือไม่….
การแก้ปัญหาหน้ากากอนามัยที่ขาดแคลน ไม่พอความต้องการของประชาชน แถมมีมือดีที่พัวพันกับการเมืองไปค้าขายโก่งราคาจนถีบตัวไปเป็น 1,000% จะกลายเป็นบ่วงรัดคอการทำงานของรัฐบาลลุงตู่จนกู่ไม่กลับแน่นอน!
ยกเว้นจะมีการฮาราคีรี...ใครบางคนจึงจะลดดีกรีเสียงก่นด่าลงมา...ให้สงบลง
เรื่องราวการแสวงหาประโยชน์ของบรรดา “กากเดนทางการเมือง” ที่แสวงหารายได้-กำไรจากความสุ่มเสี่ยงในชีวิตคนไทยไม่จำกัดวงแคบแค่ “หน้ากากอนามัย” นังบ่างบอกว่า ขณะนี้ลามปามไปไกลถึง “เจลล้างมือ-แอลกอฮอล์” ที่นำมาเป็นส่วนผสมในการทำความสะอาดของผู้คน
กากเดนทางการเมืองเหล่านี้ไปสั่งกักตุน และปั่นราคา จนขณะนี้แอลกอฮอล์-เจลล้างมือ มีไม่พอกับความต้องการของตลาดแล้ว
ไอ้โม่งหน้ามืดกลุ่มนี้พัวพันกับพรรคการเมืองใหญ่ที่ทรงพลัง สั่งกั๊กปริมาณแอลกอฮอล์ที่บริษัท โรงงานผลิตเอทานอลจำนวน 26-30 โรงผลิตออกมาวันละ 6 ล้านลิตรได้เสียด้วย
อย่าให้บอกว่า พรรคไหน เพราะเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อการฟ้องร้องคดีต่อพรานฯ อย่างยิ่ง เพราะตัวตนคนสั่งกั๊ก สั่งซื้อมาตุน และบัญชาการการส่งแอลกอฮอล์นั้นทรงพลัง ขนาดสามารถสั่งให้โรงงานผลิตแอลกอฮอล์ออกของให้ลูกค้าแต่ละรายแค่วันละ 1 รถบรรทุกได้เชียวละขอรับ
นายกฯลุงตู่-รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีพลังงาน น่าจะลองเงี่ยหูฟังให้ดีๆ ก่อนที่ไฟบรรลัยกัลป์เรื่องเจลล้างมือ-แอลกอฮอล์ จะลุกแผดเผาเหมือนหน้ากากอนามัย
พรานฯไปส่องมาหลายโรงงานนํ้าตาล โรงงานมันสำปะหลัง เขาบอกตรงกันว่า “เขาหากินกันด้วยการทำให้สต๊อกหาย” จริง ๆ และทำให้ราคาขยับขึ้นพรวดพราดกว่า 30% แล้ว
ช่วง 2 เดือนมานี่ พ่อค้าเอทานอลที่ผลิตจากนํ้าตาลบอกมาว่า ราคาแอลกอฮอล์ขึ้นไม่หยุด มีแต่คนสั่งซื้อแต่ของไม่มีขาย พ่อค้าผู้อิงการเมืองก๊วนนี้รวยรับทรัพย์กันหลายร้อยหลายพันล้านเชียวแหละพ่อพรานฯ
ล่าสุดมีการปล่อยข่าวออกไปทำลายบริษัท ปตท.ฯ ที่เป็นผู้ครอบครองเอทานอลมากที่สุด ให้เป็นผู้ร้ายเพื่อปล่อยของออกมา
อันว่า “แอลกอฮอล์” เป็นสารที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลเชียว เฉพาะกลุ่มในด้านพลังงานมีมูลค่า 35,000 ล้านบาท อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อาหาร ยา เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง อุตสาหกรรมทางการแพทย์กว่า 1.5 ล้านล้านบาท
แอลกอฮอล์ที่ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมไทยมี 2 ประเภท คือ 1. แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ใช้ในการผลิตยาและเวชภัณฑ์ เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง อุตสาหกรรมอาหาร และใช้ล้างเครื่องมือ เครื่องจักรและ
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
ประเภทต่อมา แอลกอฮอล์ ถูกนำมาใช้ในการล้างแผล ล้างเครื่องมือ แพทย์ อุตสาหกรรมสี ซึ่งปัจจุบันเราผลิตไม่พอใช้อยู่แล้วต้องนำเข้ามาปีละหลายพันหลายหมื่นล้านบาท
ดันมีมือดีที่เป็นเครือข่ายนักการเมืองเข้ามากักตุนล็อกปริมาณเพื่อส่งไปให้พวกเฮาส์แบรนด์และโรงงานย่อย จนราคาสูงลิ่วเข้าไปอีก...สลบสิครับ
ราคาขายปลีก “แอลกอฮอล์ 99.9%” สำหรับฆ่าเชื้อโรค ถ้าเป็นขวดขนาด 500 มิลลิลิตร ขยับขึ้นจาก 120-130 บาท ไปเป็น 200-250 บาท ขนาด 20 ลิตร (20,000 มิลลิลิตร) ราคาพุ่งจาก 2,500 บาท ไปเป็น 7,000 บาทแล้ว
ปวงประชาไทยจะภูมิใจกับกลุ่มก๊วนนักการเมืองที่อาสาเข้ามาบริหารประเทศกันได้ยังงัยละเนี่ย...พ่อพรานฯ
ลุงตู่ ส่งสายสืบไปสอย...เสียเถอะ ประเดี่ยวจะสายไป