พิษโคโรนาสะเทือนอีเวนต์ทั่วโลก เลย์ออฟพนักงาน

05 มี.ค. 2563 | 04:20 น.

​​​​​​​คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3554 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 5-7 มีนาคม 2563 โดย... พริกกะเหรี่ยง

 

          ... มหันตภัยไวรัสโคโรนาเพิ่มความสะพรึงกลัวขึ้นทุกขณะ หลายประเทศเริ่มมีผู้เสียชีวิต รวมถึงประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตรายแรกและอาจจะมีตามมาอีก ล่าสุดไทยยกระดับมาตรการป้องกันออกราชกิจจาฯ ประกาศเป็น “โรคติดต่ออันตราย” มีผลบังคับเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ใครฝ่าฝืนทั้งปรับและจำคุก หาก “ปิดบังข้อมูล” แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและไม่ให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงหรือยังออกไปเพ่นพ่านทั้งที่รู้ว่าอาจจะเป็นตัว “พาหะ” ถือเป็นการเพิ่มดีกรีความเข้มข้นในการป้องกันอีกขั้นหนึ่ง
          ... โคโรนานอกจากจะเสี่ยงต่อชีวิตแล้วในทางธุรกิจขณะนี้สาหัสไปทั่วโลกตามการแพร่ระบาดของเชื้อโรคงานเทรดโชว์ระดับโลกแม้จะอยู่คนละขั้วโลกกับเอเชีย ทยอยประกาศยกเลิก ไม่ว่าจะเป็น “เจนีวามอเตอร์โชว์” มหกรรมท่องเที่ยวโลก “ไอทีบี” เบอร์ลิน ที่ยื้อจนนาทีสุดท้ายก็ต้องประกาศยกเลิกก่อนจัดงานเพียง 3 วัน ทำเอาผู้ร่วมงานทั่วโลก “โล่งอก” ไปตามๆ กัน แต่ก็ต้องวุ่นวายกับการยกเลิกการเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน โรงแรม

        ...  "ไอทีบี" ถือเป็นงานใหญ่ระดับโลกมีผู้ร่วมออกบูธถึง 1 หมื่นบูธจาก 180 ประเทศ ฉะนั้นการยกเลิกจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด แม้กว่าจะประกาศ “ยกเลิก” ได้ก็ยื้อกันสุดฤทธิ์ ทั้งที่มีสื่อดังทั่วโลกก็กระทุ้งเรื่องนี้มาตลอด ด้านผู้จัดการก็พยายามหาทางออกด้วยการส่งอี-เมล์ให้ผู้ร่วมงานทุกคนกรอกเอกสารในการเดินทางช่วง 14 วันที่ผ่านมาซึ่งไม่ได้ตอบโจทย์อะไรมาก คนเป็นหมื่นเป็นแสนที่มาร่วมงาน แถมยังมีธรรมเนียมสากลทักทายด้วยการ “เช็กแฮนด์” หน้ากาก-เจล-เครื่องวัดอุณหภูมิ คงเอาไม่อยู่! กระทั่งหน่วยงานด้านสาธารณสุขของเยอรมนี ออกมาย้ำชัดให้ “ยกเลิก” ในที่สุด ซึ่งเป็นทางออกที่ดีที่สุด
          ... ส่วนอีเวนต์อื่นๆ ทั่วโลกคาดเร็วๆ นี้คงทยอย “ยกเลิก” หมด แม้กระทั่งงานเทศกาลชมดอกซากุระที่ญี่ปุ่นเดือนเมษายน ก็ยังประกาศยกเลิกแล้วเช่นกัน ที่ลุ้นกันหนักก็คือ “โอลิมปิก” เดือนกรกฎาคมนี้ จัดที่ญี่ปุ่นว่าจะยกเลิกหรือไม่ ซึ่งยกเลิกญี่ปุ่นก็บาดเจ็บหนักเพราะลงทุนไปมหาศาล และหมายมั่นปั้นมือว่าจะใช้งานนี้ ฟื้นเศรษฐกิจในประเทศ

          ... เช่นเดียวกับอีเวนต์ในไทย งานสัปดาห์หนังสือ ประกาศยกเลิกการจัดเช่นกัน แต่มีทางออก “ช็อป” ผ่านออนไลน์ได้ ส่วนงานอื่นๆ ที่จะจัดในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ต่างทยอยกันเลื่อนบ้าง ยกเลิกไปก่อนบ้างตามอัธยาศัย เพื่อความปลอดภัย และป้องกันการแพร่ระบาด
          ... ส่วนธุรกิจภาคการท่องเที่ยวที่เจอแรงปะทะอย่างรุนแรงก่อนใครเพื่อน ต่างเริ่มประกาศมาตรการลดค่าใช้จ่าย ตัดเงินเดือนที่เริ่มจากผู้บริหารก่อน แต่ยังไม่ถึงขั้นเลย์ออฟ หากไม่จำเป็น เรียกว่าเป็นมาตรการเบาไปหาหนัก สนามบินเชียงใหม่รายงานว่ายกเลิกเที่ยวบินไปจีนทั้งหมดแล้ว สายการบินเจอศึกหนัก นกแอร์-นกสกู๊ต หลังยกเลิกบินเข้าจีนทั้งหมดก็ยกเลิกจ้างลูกเรือ นักบิน การบินไทยหั่นรายได้บอร์ด 50% ผู้บริหาร 15-25% ตัดค่ารถสูงสุด 30% และยังทยอยคลอดมาตรการออกมาเรื่อยๆ แม้กระทั่งชุดไทยของ แอร์โฮสเตสก็ยกเลิก เพราะมีปัญหายุ่งยากในการเปลี่ยนชุด และคงประหยัดค่าซักแห้งได้แยะทีเดียว
          ... บางกอกแอร์เวย์ส ตัดรายได้ผู้บริหาร 50% ขอความร่วมมือสมัครใจให้ลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือน leave without pay นักบิน กัปตันครวญกันเป็นแถว เพราะถ้าแค่เดือนสองเดือนยังพอทำใจ แต่ทุกคนไม่รู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้จะลากยาวไปถึงครึ่งปีหรือสิ้นปี ต้องปรับลดเงินเดือนรายได้กันไปแค่ไหน !
          ... มาดูภาคโรงแรม เครือเซ็นทารา ขอความร่วมมือฝ่ายบริหาร สมัครใจลาหยุดไม่รับเงินเดือน โรงแรมเอวัน กรุงเทพฯ ยกเลิกจัดบุฟเฟ่ต์ เที่ยงและเย็นเพราะไม่มีแขก “เลเจนด์สยาม” โชว์วัฒนธรรมเมืองพัทยาของ “ณุศาศิริ” ลงทุนไป 4 พันล้านบาท เปิดเมื่อปี 2561 ประกาศปิดตัวไปเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ทุกคนต่างต้องรับสภาพและวางแผนรับมือให้ดี เพราะนี่คือ “เผาจริง” ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยและท่องเที่ยวโลก
          ... ยิ่งซ้ำเติมหนักเมื่อผลประกอบการการบินไทยปี 2562 เป็นไปตามคาดคือขาดทุน 1.2 หมื่นล้านบาท นี่ขนาดยังไม่รวมผลกระทบจากพิษไวรัสโคโรนา ทั้งรูตบินเอเชีย จีน เกาหลี ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเก๊า ญี่ปุ่น เป็นประเทศกลุ่มเสี่ยงทำให้มีการยกเลิกเส้นทางบินอุตลุด รวมถึงอิตาลี เส้นทางเหล่านี้ คือเส้นทางทำเงินของการบินไทย

          ... โดยเฉพาะเส้นทางบิน จีน และญี่ปุ่น ซึ่งการบินไทยก็ยังผ่อนปรนให้เลื่อนตั๋วได้ถึงเดือนกันยายน ถือว่าช่วยกันสุดๆ ทั้งสายการบินและผู้โดยสาร และทัวร์เอาต์บาวด์ ที่เจอศึกหนักไม่แพ้ ทัวร์จีน ทั้งขาดทุนและภัยไวรัส ทำเอาบอร์ดการบินไทย ไขก๊อกลาออกไป 3 คน ได้แก่ ปรารถนา มงคลกุล, ศิริกุล เลากัยกุล และ พินิจ พัวพันธ์ ได้ยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นประชุมบอร์ดครั้งสุดท้ายของเดือน และเริ่มตั้งแต่ 13.30 น.ไปจนถึงเกือบ 5 ทุ่ม กว่าจะเลิกประชุม
          ... เพราะทั้งผลประกอบการ แผนรับมือฝ่าวิกฤติ ล้วนแต่เป็นประเด็นร้อน ของการบินไทยที่ต้องบริหารความเสี่ยง และไหนจะเรื่องกระแสเงินสดอีก เพราะตั๋วใหม่ขายไม่ได้ ส่วนตั๋วที่ขายไปแล้วมีแต่ “ยกเลิก” กับ “เลื่อน” การเดินทาง นับเป็นปีที่สาหัสของการบินไทย ทั้งมรสุมเก่าใหม่มาปะทุในช่วงครบรอบ 60 ปี ขององค์กรพอดิบพอดี และไม่ใช่เฉพาะการบินไทยเท่านั้นแอร์ไลน์ เป็นกันทั้งโลก แต่การบินไทยแผลเก่ายังรักษาไม่หายอาการจึงหนัก
          ... ผู้คนต่างตื่นตระหนกแต่อย่า “ไร้สติ” อย่างกรณีของคนที่ต้องไปทำงานในประเทศกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะกลุ่มลูกเรือ นักบินน่าเห็นใจเป็นที่สุดเพราะลูกไปโรงเรียนเจอผู้ปกครอง Bully และบางรายก็ส่องไปถึงเรื่องส่วนตัว มารวมกันฟ้อง บานปลายไปถึงโรงเรียนต้องประกาศปิด บางรายถูกขอร้องไม่ให้ลูกนักบินไปโรงเรียน หรือเพื่อนไม่ยอมเล่นด้วย กลายเป็น “ผวากันเอง” และตรวจสอบกันอย่างไร้มารยาท น่าจะพูดจากันดีๆ เพราะคนทำงานก็ถือว่าไปปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งก็รักตัวเอง รักครอบครัว และเฝ้าระวังตัวเองเป็นอย่างดี คุยพูดจากันดีก็ได้ไม่ต้องถึงไปละเมิดเรื่องส่วนตัวเขาขนาดนั้น
          ... ต้องชื่นชมกับผู้นำสิงคโปร์ ส.ส.ของสิงคโปร์ ยอมสละเงินเดือนเพื่อให้เป็นโบนัสแก่แพทย์และเจ้าหน้าที่ ที่ต้องทำงานหนัก ช่วงนี้ แล้วนักการเมืองไทย ทำอะไรเท่าที่เห็น ชิง “ชามข้าว” รอปรับครม. ทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระกลางสภา เรื่องงบความเสียสละอย่าไปหวัง รองบกลางสถานเดียว จบ !!!