เศรษฐกิจทรุด ปัญหาหนัก “รัฐบาลลุงตู่”

23 ก.พ. 2563 | 05:00 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3551 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 23-26 ก.พ.63 โดย.... ว.เชิงดอย

 

 

     .... สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจสำหรับประเทศไทยยามนี้ ดูแล้วน่า “หดหู่” มาก ผลพวงหลักๆ ขณะนี้ก็มาจาก “พิษไวรัสโคโรนา” ที่เกิดขึ้น จนส่งผลกระทบต่อ “นักท่องเที่ยวจีน” จากที่เคยเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยจำนวนมาก ไปไหนมาไหนก็เห็นแต่นักท่องเที่ยวจีนเต็มไปหมด มาบัดนี้ภาพที่เคยเห็นทั้งสนามบิน สถานที่ท่องเที่ยวที่ชาวจีนนิยมชมชอบไปเที่ยว ธุรกิจที่ต่อเนื่องกับนักท่องเที่ยวจีนกลายเป็นสถานที่ “ร้าง” ว่างเปล่าไปเป็นอันมาก รายได้ที่เคยได้จากการท่องเที่ยวก็หดหายไปเป็นอันมาก นี่ยังไม่รวมการค้าขายระหว่างไทยกับจีนก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย...การท่องเที่ยว-การค้า การส่งออก ถือเป็น “เครื่องจักร” สำคัญทางเศรษฐกิจ เมื่อเกิดผลกระทบขึ้น “เศรษฐกิจไทย” ก็มีแต่ “ทรุด” กับ “ทรุด”

     .... เพราะเหตุนี้ทำให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ได้ปรับตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจของประเทศไทย (จีดีพี) ในปี 2563 ลดลงมาขยายตัวอยู่ที่ 1.5-2.5% ต่อปี หรือเฉลี่ย 2% ต่อปี ต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.7-3.7% ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความยืดเยื้อของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา

     .... น่าสนใจว่า “รัฐบาล” ภายใต้การนำของ ลุงตู่ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีรองนายกฯ ที่เกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจอยู่ถึง 3 คน ไม่ว่าจะเป็น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, อนุทิน ชาญวีรกูล จะประสานร่วมมือร่วมแรงกันแก้ไขปัญหาภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงนี้ได้อย่างไร ถือเป็นความท้าทาย ที่จะพิสูจน์ฝีมือการแก้ไขปัญหาของ “ทีมเศรษฐกิจ” รัฐบาลได้เป็นอย่างดี

 

     .... สัปดาห์หน้าวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นว่า อุตตม สาวนายน เจ้ากระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ “แพ็กเกจ” การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ ครม.เห็นชอบ ซึ่งจะเป็นมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ เพื่อมาทดแทนจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลดน้อยถอยลง พร้อมทั้งเตรียมออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวชุดใหม่ รวมถึงสิทธิพิเศษแก่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยหันมาท่องเที่ยวกันภายในประเทศมากขึ้น

     .... อุตตม สาวนายน บอกว่าแพ็กเกจที่เตรียมเสนอจะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะช่วยดูแลและสนับสนุนการบริโภค โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวครอบคลุมทั้งผู้ประกอบการ ลูกจ้าง และประชาชนทั่วไป ขณะเดียวกันก็มีแนวทางที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เนื่องจากเป็นช่องทางทำให้เงินเข้าสู่ระบบโดยตรง เพียงแต่ต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากขึ้น เพื่อให้มีผลต่อเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 ขณะนี้หน่วยงานภาครัฐ ทั้งกรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ มีความพร้อมในการเบิกจ่ายแล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินล็อตแรกที่เบิกจ่ายเข้าสู่ระบบมากกว่า 100,000 ล้านบาท ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งยังไม่รวมงบของรัฐวิสาหกิจ

     .... มาตรการต่างๆ เหล่านี้ ที่เตรียมเสนอ ครม. ไม่รู้ว่าจะเพียงพอกับการ “กระตุ้นเศรษฐกิจ” หรือไม่ เพราะลำพัง “ภาครัฐ” ขยับฝ่ายเดียว แต่หากขาดความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ จาก “ภาคเอกชน” ด้วย ก็คงยากที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้นได้ แล้วทำอย่างไรจะให้ภาคเอกชน หรือประชาชน มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจด้วย รัฐบาลต้องมีมาตรการ แรงจูงใจ หรือข้อเสนออะไรต่างๆ ออกมาให้ชัดเจน...

 

     .... จากเรื่องเศรษฐกิจ หันไปดูเรื่อง “การเมือง” ระหว่างวันที่ 24-27 กุมภาพันธ์นี้ ประเทศไทยจะอยู่ใน “โหมด” ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “รัฐบาลลุงตู่” หรือที่เรียกกันว่าการ “ซักฟอก” รัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตติลาก “ขึ้นเขียง” ก็ประกอบไปด้วย 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี 3.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี 4.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย 5. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ 6. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์

     .... คนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องตกเป็นเป้าถูกถล่มหนักที่สุดก็คือ ผู้นำรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นั่นเอง เพราะข้อกล่าวหาที่ “ฝ่ายค้าน” ตั้งไว้ฉกาจฉกรรจ์เหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรม, มุ่งสืบทอดอำนาจ, ปล่อยให้มีการทุจริต, เอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง และพวกพ้อง, บริหารงานผิดพลาดบกพร่อง, บังคับใช้กฎหมายโดยเลือกปฏิบัติ, ไม่เคารพและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ, มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ, ไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง, ล้มเหลวแก้เศรษฐกิจ แถมไม่ทำตามนโยบายที่พรรคที่ให้การสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ได้หาเสียงไว้...ต้องคอยดูว่า “นายกฯลุงตู่”จะแก้ข้อกล่าวหาต่างๆ เหล่านี้อย่างไร

     .... ก่อนศึกซักฟอกจะเกิดขึ้น เห็น “พลพรรคเพื่อไทย” ออกมาข่มขู่เหลือเกินว่า ข้อมูลที่มีหากเปิดเผยจออกมาแล้วจะทำให้รัฐบาล “อยู่ไม่ได้” และมีเรื่อง “ทุจริต” ของรัฐมนตรี 5 คน ที่จะต้องส่งต่อให้ “ป.ป.ช.” ดำเนินการสอบสวนเอาผิดต่อ...เอาเลยมีข้อมูลอะไร “เด็ดสะระตี่” ตีแผ่ออกมาให้ประชาชนได้เห็น แต่ขอเตือนไว้นิด อย่าเอาแต่เดินหน้า โดย “ไม่ระวังหลัง” ก็แล้วกัน...