พรรคอนาคตใหม่ กับอนาคตประเทศไทย

20 ก.พ. 2563 | 05:00 น.

คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3550 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 20-22 ก.ค.63 โดย... ประพันธุ์ คูณมี

 

               สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้เผยแพร่เอกสารข่าว เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ ว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้ว เห็นว่าตามคำร้องของผู้ร้องและคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดีพอวินิจฉัยได้ ไม่จำต้องทำการไต่สวนพยานบุคคล แต่เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ให้พยานบุคคลรวม 17 ปาก ตามที่ผู้ร้อง(พรรคอนาคตใหม่) ยื่นบัญชีระบุพยาน จัดทำบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นเป็นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563

               และให้เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะผู้เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือและส่งเอกสารต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันเดียวกัน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 27 วรรคสาม และนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ที่ห้องพิจารณา ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญนั้น

               ทำให้สรุปได้ว่า คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า คดีมีข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติเพียงพอที่ศาลจะวินิจฉัยคดีได้แล้ว หลังจากที่ศาลได้รับคำร้องไว้พิจารณาเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2563 และพรรคอนาคตใหม่ได้ให้ทนายความยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหาต่อศาลเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2563 แล้ว โดยได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไว้ถึง 8 ประเด็น อ้างว่าเงินกู้ไม่ใช่รายได้ พรรคอื่นก็กู้เงินเหมือนกัน พรรคการเมือง 4 ประเทศ ก็ให้พรรค การเมืองกู้เงินได้ ปัดว่าไม่ได้ทำนิติกรรมอำพรางการบริจาคเกิน 10 ล้านบาท แถมอ้างไปว่ามีผู้กำกับเรื่องคดียุบพรรค ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ตรงประเด็นแห่งคดี

 

               เมื่อพิจารณาจากหลักฐานข้อเท็จจริง รับฟังได้ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค มีการให้พรรคกู้เงินจริง คดีจึงมีเพียงประเด็นวินิจฉัยว่า เป็นความผิดต่อ พ.ร.บ. พรรคการเมือง มาตรา 72 หรือไม่ เป็นเหตุให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา 92(3) ได้หรือไม่ หรือจะมีความผิดแค่ไหนเพียงใดเท่านั้นเอง

               แต่หากย้อนกลับไปนับเวลาตั้งแต่วันแรกที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ร้องเรื่องนี้ต่อ กกต.ก็ต้องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2562 และเรื่องนี้ได้ผ่านกระบวนการสืบสวน ไต่สวน แล้วตามระเบียบของ กกต.จนมีมติยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2562 การที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 จึงเป็นระยะเวลาที่สมควร และเป็นไปตามกระบวนพิจารณาปกติของศาลรัฐธรรมนูญทุกประการ

               การที่พรรคอนาคตใหม่ ตั้งแต่หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค โฆษกพรรค กรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรคและบรรดาผู้สนับสนุนทั้งหลาย ต่างดาหน้าออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน กระบวนการดำเนินการของ กกต. และการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งก่อการเคลื่อนไหวทางการเมือง ปลุกระดมให้ผู้คนออกมาร่วมลงชื่อคัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่ ในลักษณะมีพฤติการณ์ไปในทางข่มขู่ศาลว่า หากมีการตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ ก็จะมีการรวมพลเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมืองตามท้องถนน เปิดอภิปรายรัฐบาลนอกสภา

               บรรดานักวิชาการขาประจำ กองเชียร์พรรคอนาคตใหม่ ดาหน้าระดมคนให้มาลงชื่อร่วมกันคัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่ อ้างเหตุผลสารพัดว่า “เพื่อเปิดพื้นที่ทางการเมืองให้ทุกฝ่าย ลงชื่อคัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่” สร้างเรื่องสร้างประเด็นที่น่าขำทางการเมือง ประหนึ่งว่า การลงชื่อคัดค้านแล้วพรรคจะไม่ถูกยุบ ทำเหมือนว่ารัฐบาลหรือผู้มีอำนาจทางการเมือง เป็นผู้มีอำนาจออกคำสั่งหรือแทรกแซงศาล ให้ยุบหรือไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยมิได้พิจารณาข้อเท็จจริงหรือจงใจบิดเบือนมิทราบ เพื่อทำให้สังคมสับสนว่า ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีนี้ โดยมีใบสั่งจากผู้มีอำนาจทางการเมือง หรือผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องยุบพรรค สอดรับกับวาทกรรมของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เหมือนนัดแนะกัน

               หนักยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังโพนทนา ป่าวประกาศ ให้ผู้คนเข้าใจว่าการพิจารณาคดีนี้ และถ้าหากมีการยุบพรรคเกิดขึ้นตามกฎหมาย ถือเป็นวิธีกำจัดกลุ่มการเมืองของพวกเขาให้สิ้นซาก เป็นการทำลายล้างกันทางการเมือง ประเทศจะต้องบอบช้ำ อนาคตการเมือง อนาคตประเทศจะพังทลายไปโน่นเลย ทำประหนึ่งว่าพรรคอนาคตใหม่ เป็นสมบัติอันล้ำค่าของประเทศไทย สังคมไทย ใครๆ ไม่ควรไปแตะต้อง แม้แต่ศาลก็ไม่มีอำนาจใดๆ จะไปพิจารณาคดีความผิดของพรรคนี้

 

               ขอถามหน่อยเถอะครับ ท่านสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ท่านนักวิชาการ และบรรดาสมาชิกผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ทั้งหลาย ที่ต่างดาหน้าออกมาป่วนสังคมในขณะนี้ ท่านไม่มีพื้นที่ทางการเมืองจริงหรือ หากท่านไม่มีพื้นที่ทางการเมือง พรรคการเมืองพรรคนี้จะมีโอกาสได้เกิดเป็นพรรคไหมครับ หากไม่มีเสรีภาพทางการเมือง พรรคนี้จะได้ลงเลือกตั้งมีคะแนนเสียงถึง 6.3 ล้าน ไหม จะมี ส.ส.ถึง 80 คนไหม จะมีโอกาสมายืนหน้าสลอนอภิปรายในสภาไหมครับ

               และในทุกๆ วันพวกผมประชาชน ก็เอียนจากข่าว และอีเวนต์ทางการเมืองของพรรคพรรคนี้ แทบจะอาเจียนอยู่แล้ว เปิดหนังสือพิมพ์ ทีวี หรืออินเตอร์เน็ต ข่าวออนไลน์ เปิดไปช่องไหน ๆ ก็เห็นแต่หน้าพวกสาวกสีส้ม ต่างออกมาสำรอกถ้อยคำทางการเมืองจนน่ารำคาญเต็มทนอยู่แล้ว พวกท่านยังไม่สำลักเสรีภาพทางการเมืองอีกหรือ ทุกวันนี้ในพื้นที่ทางการเมือง ก็เห็นมีแต่พวกท่านที่โหยหาเสรีภาพทางการเมือง ทุกช่องข่าวพวกท่านทั้งนั้น ที่ออกมายึดพื้นที่ทางการเมือง จึงไม่เข้าใจว่าท่านมาร้องแรกแหกกระเชอทำไมครับ

               อยากจะบอกว่า คดียุบพรรคการเมืองนั้น จะยุบหรือไม่ขึ้นกับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย และอยู่บนดุลพินิจของศาลในการพิจารณาคดี ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาคดีและวินิจฉัย

               ที่ผ่านมามีพรรคการเมืองถูกยุบพรรคมาแล้วหลายพรรคตั้งแต่เราเริ่มใช้รัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.พรรค การเมือง ปี 2550 และหลังศาลมีคำวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองต่างๆ ตามกฎหมาย ประเทศไทยยังอยู่ยั้งยืนยง ไม่เห็นล่มสลายเพราะการยุบพรรค การเมือง ไม่เห็นว่าพื้นที่ทางการเมืองหายไปจากแผ่นดินไทย อนาคตของบ้านเมืองก็ยังก้าวเดินต่อไป พรรคที่ทำผิดก็ไปปรับปรุงตนเองเสียใหม่ ปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ทุกคนก็กลับคืนสู่สถานะเดิมทางการเมืองได้ นี่คือกฎกติกาของบ้านเมือง

               พรรคการเมือง เมื่อจดทะเบียนจัดตั้งพรรค และต้องการเข้าสู่กระบวนการทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ภายใต้รัฐธรรมนูญ ต้องรู้จักเคารพกฎกติกา ศึกษาและปฏิบัติตามกฎหมาย ตราบที่กฎหมายนั้นๆ ยังมีผลบังคับใช้ เมื่อพรรคอนาคตใหม่ ทำผิดกฎหมายก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย ต้องเคารพและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาล มิใช่ตนทำผิดกลับไปกล่าวหาว่ามีคนกลั่นแกล้ง โดยมิอาจดำเนินคดีคนที่กล่าวอ้างได้ แล้วไปปลุกปั่นยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ไม่เคารพศาลร่วมกับตน กรณีย่อมมิใช่วิสัยของพรรคการเมืองที่ดีพึงกระทำ

               การลงชื่อคัดค้านการยุบพรรค หาใช่วิธีที่จะนำมาใช้เพื่อกดดันศาลแต่อย่างใด เพราะตุลาการทั้งหลายต่างยึดแนวปรัชญาว่า “จงให้ความยุติธรรม แม้ฟ้าจะถล่มดินจะทลายก็ตามที” ท่านข่มขู่ตุลาการเหล่านั้นไม่ได้หรอก หยุดการกระทำดังกล่าวนั้นเสียเถอะ เพราะนั่นมิใช่วิธีที่พึงปฏิบัติในระบอบประชาธิปไตย หรือที่จะนำมาใช้กับกระบวนการยุติธรรม ในสังคมเราต้องอยู่ร่วมกันโดยกฎหมายครับ

               ศาลจะวินิจฉัยอย่างไรก็ต้องเคารพ และขอได้พึงระลึกไว้ด้วยว่า พวกท่านเป็นเพียงพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ชื่อ พรรคอนาคตใหม่ แต่ท่านไม่ใช่ประเทศไทย และมิใช่อนาคตของประเทศไทย