ป้องปากซุบซิบกันในทุ่งเอ็นโก้-กระทรวงพลังงานในขณะนี้คือ ปฏิบัติแบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ของ “ไอ้โม่ง-นักล่ามือดี” ที่เป็นคนของฝ่ายการเมืองคนหนึ่งออกล่าเหยื่อ แบบไม่เกรงใจใคร...
เป็นเหยื่อรายเล็ก รายใหญ่ ผู้ที่สนใจของบจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานปีละ 1-1.5 หมื่นล้านบาท
เป็นเหยื่อรายเล็ก รายใหญ่ที่สนใจจะเข้าไปเป็นหนึ่งในผู้มีเอี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้าชุมชน การจัดสรรโควตาเอทานอล การขุดเจาะปิโตรเลียม ตามนโยบายของรัฐบาล และนโยบายของ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
พรานฯได้ยิน ได้กลิ่นสาบสางมาว่า “ไอ้โม่ง-นักล่ามือดี” กลุ่มนี้กำลังปฏิบัติการตีเมืองขึ้น ตั้งโต๊ะหาสตุ้งสตางค์ 20-30% กันสนั่นทุ่ง...แถมยังอ้างตนว่าเป็นขาใหญ่จากพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลเสียด้วยสิขอรับ
ม่ายรุเรื่องแบบนี้ “เข้าหู 2 ส.ที่เป็นรัฐมนตรีพลังงาน-รองนายกรัฐมนตรี” ผู้กำกับงานด้านนโยบายบ้างหรือไม่
ถ้าไม่เคยเข้าหู ก็มารู้เรื่องเอาตอนนี้ ก็ควรส่งทีมไปด้อมๆ มองๆ แถวตึกเอ็นโก้ น่าจะเห็นร่องรอยไอ้เสือร้ายมือไม้ฝ่ายการเมือง ผู้ออกล่าเหยื่ออย่างเพ่นพ่าน แล้วจัดการ “ดับซ่า” เสียจะไม่ได้ต้องถูกผู้คนก่นด่า
นังบ่างผู้ท่องไพรคาบลูกคาบดอกบอกว่า ในป่าดง พงไพร ด้านพลังงานเขารับรู้กันกว้างขวางไปหมดแล้ว ว่า “ไอ้โม่ง-นักล่ามือดี” คนนี้คุยโตโอ้อวดว่า “ผ่านมาทางนี้แล้วได้งบแน่...ได้ทุกรายสบายใจโก๋...” หึหึ!
อันว่ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานนั้น ถือเป็นเค้กก้อนโตในกระทรวง มี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เคยมีมติปรับปรุงแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขการใช้จ่ายเงินกองทุน ปีงบประมาณ 2563-2567 จากเดิม 60,000 ล้านบาท เหลือ 50,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 10,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 4 คณะเข้ามาช่วยงาน ได้แก่ 1. คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 2. คณะอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 3. คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 4. คณะอนุกรรมการบริหารสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
อนุกรรมการที่อื้ออึงมากที่สุดนั้น ไม่มีชุดไหนร้อนฉ่าเทียบเท่า คณะอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณของ
กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 10 คน ซึ่งมี ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานอนุกรรมการ รองปลัดกระทรวงพลังงานที่ได้รับมอบหมาย ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ศ.สกนธ์ วรัญญูวัฒนา อนุรุทธิ์ นาคาศัย วณี ปิ่นประทีป และผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นอนุกรรมการ
ผู้จัดการสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ ผู้อำนวยการกลุ่มงานวิเคราะห์โครงการ สำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นอนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
อนุกรรมการชุดนี้มีหน้าที่และอำนาจดังต่อไปนี้
1. พิจารณากลั่นกรองโครงการและเสนอความเห็นที่เกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีแผนงานโครงการ และให้หมายรวมถึงเงินสมทบเพื่อดำเนินโครงการด้วย โดยพิจารณาความพร้อมของเจ้าของโครงการ ผู้ร่วมโครงการ ความเหมาะสมของโครงการ ความซํ้าซ้อนของโครงการ ระยะเวลา ความเหมาะสมของเทคโนโลยี ผลผลิตที่คาดว่าจะได้รับ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
2. พิจารณากลั่นกรองการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ ภายใต้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในกรณีที่ผู้ได้รับการสนับสนุนเงินกองทุน เสนอขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดและขยายระยะเวลาโครงการที่แตกต่างไปจากเดิม
3. พิจารณาการขอขยายระยะเวลาเบิกจ่ายเงินกองทุน กรณีที่ไม่สามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลา
ที่กำหนด
4. เชิญผู้แทนของหน่วยงาน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงรายละเอียดในข้อเท็จจริง คำอธิบาย คำแนะนำ หรือจัดส่งเอกสาร ให้ความเห็นเกี่ยวกับรายละเอียดแผนงานโครงการของผู้ยื่นขอรับการสนับสนุนตามที่เห็นสมควร
5. มีอำนาจแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณฯ มอบหมาย
6. ดำเนินการอื่นใดตามที่คณะกรรมการกองทุน หรือประธานกรรมการกองทุน มอบหมาย
“วณี ปิ่นประทีป” เป็นภรรยา “นพ.พลเดช ปิ่นประทีป” สมาชิกวุฒิสภา และคณะทำงานดูแลงานประชาสังคมของพรรคพลังประชารัฐ
ขณะที่ “อนุรุทธิ์ นาคาศัย” เป็นเลขานุการ รมว.พลังงาน น้องชายของ “อนุชา นาคาศัย” ส.ส.ชัยนาท
แกนนำกลุ่ม “สามมิตร” และประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคกลาง พปชร.
แค่ปรากฏชื่อ “บุคคลใกล้ชิด” นักการเมืองในรัฐบาล เข้าไปนั่งเป็นคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุน เท่านั้น ก็โป๊ะชึ่งๆ
เพราะกองทุนนี้เคยมีการกล่าวหาว่ามี “มาเฟีย” กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการ มาควบคุมการจัดสรรเงินกองทุนปีละหมื่นล้านบาท และเรียก “เงินทอน” ทเวนตี้-เธอร์ตี้เปอร์เซ็นต์มานานนับสิบปี จนเสียงมีวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการใช้เงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานร่วม 4 หมื่นล้านบาท
ต่อมาในช่วงปลายปี 2561 “กุลิศ สมบัติศิริ” ปลัดกระทรวงพลังงาน สั่ง “ทบทวน” โครงการที่ได้รับอนุมัติจัดสรรเงินกองทุนประจำปีงบ 2562 ทั้งหมด ซึ่งยังเหลือเงินอยู่ 9,432 ล้านบาท จากงบ 10,448 ล้านบาท
มารอบนี้ มีการตั้งคนการเมืองเข้ามา แถมมี “ไอ้โม่ง-มือดีออกล่า” ถ้าไม่จัดการตัดไฟแต่ต้นลม รับรองเรื่องนี้จะร้อนเป็นไฟแน่นอน พรานฯขอบอก