ส่องปม "นายกฯ-5รมต." ถูกซักฟอก

02 ก.พ. 2563 | 05:00 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3545 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 2-5 ก.พ.63 โดย... ว.เชิงดอย

 

ส่องปม "นายกฯ-5รมต." ถูกซักฟอก

 

          .... เคาะออกมาแล้วว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ (ซักฟอก) ใครบ้าง สำหรับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคพลังปวงชนไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ ซึ่งจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รัฐมนตรีที่เจอ “แจ๊กพอต” 6 คน ประกอบด้วย 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี 3.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี 4.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 5.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ 6.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา

          ....การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล “ประยุทธ์ 2” ครั้งนี้ เป็นไปตาม 4 กรอบที่ฝ่ายค้านวางไว้ ประกอบด้วย 1.ความผิดที่สำเร็จแล้วและยังส่งผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน 2.กลุ่มเครือข่ายใกล้ชิดผู้มีอำนาจรัฐ หรือเครือข่าย 3 ป.” ที่ประกอบด้วย ป.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ป.ป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ ป.ป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ส่วนกลุ่มที่ 3 กลุ่มรัฐมนตรีที่เข้ามาใหม่ และ 4.กลุ่มที่บริหารงานผิดพลาด อันเกิดจากการกำกับนโยบายที่ผิดพลาด

 

          ....แน่นอนว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านได้มุ่งเป้าหลักไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งมีเรื่องที่อยู่ในข่ายถูกอภิปรายคือ การซื้อขายที่ดินของบิดาย่านบางบอน มูลค่า 600 ล้านบาท ที่ว่ากันว่ารัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้กับเจ้าสัวคนหนึ่ง นอกจากนั้นเรื่องที่ฝ่ายค้านไม่น่าจะพลาดคือ การไม่เคารพรัฐธรรมนูญ, การถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ, การบริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง, การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจล้มเหลว

          ....สำหรับ “รองนายกฯวิษณุ” มือกฎหมายรัฐบาล และ “ดอน ปรมัตถ์วินัย” ทางพรรคเพื่อไทยล็อกเป้าถล่มปม บริษัทฟิลลิป มอร์ริสฯ ที่อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งให้ฟ้องดำเนินคดี 2 คดี คือ การนำเข้าบุหรี่จากประเทศฟิลิปปินส์ มูลค่ากว่า 20,210 ล้านบาท และการเข้าไปล้วงลูกการดำเนินคดีของอัยการ เพื่อบรรเทาค่าเสียหายให้บริษัทฟิลลิป มอร์ริสฯอันเข้าข่ายหลบเลี่ยงภาษีนำบุหรี่เข้ามาในประเทศกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท อีกรายที่มีชื่อติดโผมาตั้งแต่แรกที่พรรคเพื่อไทยจองกฐินไว้ คือ พล.อ.อนุพงษ์ ที่จะถูกซักฟอกหนักในเรื่องการนำเข้าขยะจากต่างประเทศ ซึ่งโยงกับกลุ่มนักลงทุนจีนที่ได้รับอนุญาตเพียง 2 ราย ที่ได้รับอนุญาตนำเข้าขยะ รวมถึงเรื่องโรงไฟฟ้าขยะ และโรงกำจัดขยะ

          ....ไปที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่น่าจะถูกอภิปรายในเรื่องคุณสมบัติไม่เหมาะสมกับการเป็นรัฐมนตรี จากเหตุมีคดีค้างเก่าจากที่เคยถูกจำคุกในต่างประเทศ เห็นว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย จองกฐินไว้แล้ว

 

          ....หันไปดูปัญหา “ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563” ที่แม้จะผ่าน “สภาผู้แทนราษฎร” และ “วุฒิสภา” มาแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเดินหน้ากระบวนการต่อไปเพื่อประกาศใช้เป็นร่างกฎหมาย เพื่อให้นำ “เงินงบประมาณ” 3.2 ล้านล้านบาท ออกมาใช้ได้ เพราะเกิดจากการ “ละทิ้งหน้าที่” ของผู้ที่ถูกเรียกว่า “ทรงเกียรติ” จนเกิดปัญหาการ “เสียบบัตรแทนกัน” ในการโหวตรับร่างกฎหมาย นำไปสู่การยื่นให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยใน 3 ประเด็นคือ 1.กระบวนการร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ขัดหรือแย้งกับหลักการการออกเสียงลงคะแนน ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 120 หรือไม่ 2.หากมีปัญหา จะมีปัญหาทั้งฉบับหรือเฉพาะมาตราที่มีปัญหา และ 3.จะดำเนินการในแต่ละกรณีต่อไปอย่างไร

          ....วันที่ 4 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” กำหนดให้ผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ สรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย, ภริม พูลเจริญ ส.ส.สุมทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ และ สมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ยื่นคำชี้แจงเป็นหนังสือพร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่อศาล ... ต้องรอดูว่าทั้ง 4 คน จะยื่นคำชี้แจงตามที่กำหนดไว้หรือไม่ เพราะหากมีการขอ “เลื่อน” ส่งคำชี้แจงออกไป กระบวนการของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ที่จะให้ความกระจ่างชัดต่อ “พ.ร.บ.งบประมาณ” ก็จะล่าช้าออกไปอีก ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติแต่อย่างใด

          .... 1 ใน 2 ส.ส.ภูมิใจไทย คือ นาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ปรากฏชื่อในจำนวนคนที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ส่งคำชี้แจงปมเสียบบัตรแทนกัน ทำให้ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ผู้ที่ออกมาเปิดโปงเรื่องดังกล่าว เกิดความสงสัยว่าทำไมคำร้องของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่มีชื่อของ นาที ทั้งที่มีหลักฐานปรากฏชัดว่าบัตรของนาที มีการลงคะแนนเสียงมาตลอด จึงอยากถามส.ส.ทั้ง 2 ฝ่ายว่าทำไมไม่สงสัยข้อมูลดังกล่าวบ้าง มั่นใจว่ากรณีของ ฉลอง เทอดวีระพงศ์ และ นาที มีน้ำหนักมาก แต่ในเมื่อ ส.ส.ในสภาไม่สงสัยก็แล้วแต่...