“ไวรัสอู่ฮั่น” ฝันร้าย  อุตฯท่องเที่ยวโลก

29 ม.ค. 2563 | 05:47 น.


คอลัมน์ : ตื้น-ลึก-หนา-บาง
โดย      : เรดไลออน
  

จากภาพยนตร์ตลกดัง Lost in Thailand สร้างด้วยทุนไม่มาก มีนักแสดงนำเป็นดาราตลกจีนใช้สถานที่ถ่ายทำในไทยและที่เชียงใหม่ เป็นหลัก แต่ผลออกมาประสบความสำเร็จล้นหลาม นอกจากทำรายได้หลัก 1 พันล้านหยวนแล้ว ประเทศไทยยังได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยวอย่างแรง เพราะคนจีนแห่กันมาตามรอยภาพยนตร์  ทั้งยังส่งผลให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนโตก้าวกระโดด พุ่งเป็นอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด เป็นครั้งแรกในปี 2555  โดยมีจำนวนถึง 2.7 ล้านคน
 

“ไวรัสอู่ฮั่น” ฝันร้าย  อุตฯท่องเที่ยวโลก

ซาร์สกระทบน้อยกว่า 

ที่ผ่านมาตลาดท่องเที่ยวจีนผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายครั้งนอกจากการระบาดของโรคซาร์ส เมื่อปี 2546 ซึ่งกระทบนักท่องเที่ยวทุกตลาดแล้ว แต่ตลาดจีนขณะนั้นกระทบไม่รุนแรงเพราะตัวเลขทัวร์จีนแค่ราว 6 แสนคนเท่านั้น 

ย้อนหลังวิกฤติหนัก ๆ ที่กระทบตลาดทัวร์จีน ได้แก่ การประกาศใช้พ.ร.บ.ท่องเที่ยวฉบับใหม่ ส่งผลกระทบกับตลาดทัวร์จีนอย่างรุนแรง แต่ก็ยังมีตัวเลขสูงถึง 4.5 ล้านคน ในปี  2556 และวิกฤติหนักอีกครั้งกับอุบัติเหตุเรือนักท่องเที่ยว “ล่มที่ภูเก็ต” เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ทัวร์จีนเที่ยวภูเก็ตซบเซาทันตาเห็น 

“ไวรัสอู่ฮั่น” ฝันร้าย  อุตฯท่องเที่ยวโลก

แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวสิ้นปี 2561 ก็ยังทำตัวเลขได้ 10.5 ล้านคน  เพราะคนจีนยังชื่นชอบประเทศไทย ทั้ง 2 เหตุการณ์ส่งผลให้ตลาดทัวร์จีนเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวไปบ้างแต่สิ้นปี 2562 นักท่องเที่ยวจีนก็ยังครองสถิติสูงถึง 10.9 ล้านคน 

จีนเที่ยวนอกปี62 ราว 132 ล้านคน

ส่วนกรณี “ไวรัสอู่ฮั่น” และผู้นำประเทศ “สี จิ้นผิง” ยอมเจ็บเพื่อให้จบปัญหาโดยเร็วที่สุด ปิดเมือง ปิดประเทศและปิดการเดินทางทัวร์อินบาวด์-เอาต์บาวด์ ห้ามทัวร์จีนออกนอกประเทศเด็ดขาดเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2563 เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรค

“ไวรัสอู่ฮั่น” ฝันร้าย  อุตฯท่องเที่ยวโลก

เรื่องนี้สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก ไม่เพียงแต่การท่องเที่ยวไทยที่พึ่งพาตลาดจีนและตั้งเป้าปีนี้ว่าจะมีจำนวน 11.5 -12 ล้านคน ซึ่งเดิมทีนั้นคาดการณ์เฉพาะช่วงตรุษจีน 7 วัน(25-31 ม.ค.) จีนจะมาเที่ยวเมืองไทยราว 2.8-3 แสนคน หรือปกติคนจีนมาเที่ยวเมืองไทยเดือนละ 9 แสน - 1 ล้านคน

จากการคาดการณ์โดยภาพรวมพบว่าคนจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศช่วงตรุษจีนปีนี้จะไม่ต่ำกว่าปีที่แล้วที่มีจำนวน 6.5 ล้านคน  ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์นักท่องเที่ยวจีน โดยสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก(พาต้า) ระบุว่าคนจีนเดินทางไปต่างประเทศในปี 2562 อยู่ในราว 132 ล้านคน

ในปี 2561 มีจำนวน 128 ล้านคนที่ออกเดินทางไปทั่วโลก ส่วนตัวเลขประมาณการการใช้จ่ายในต่างประเทศของทัวร์จีนปี 2562 อยู่ที่ 277,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ที่มา: UNWTO หรือ องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ)  

“ไวรัสอู่ฮั่น” ฝันร้าย  อุตฯท่องเที่ยวโลก

ดังนั้นการห้ามทัวร์จีนออกนอกประเทศ ย่อมส่งผลกระทบทั่วโลกมิใช่แค่ไทย เพราะระยะหลังตลาดจีนมีสัดส่วนสูงมากทั้งปริมาณและกำลังซื้อ และกลายเป็นตลาดเป้าหมายสำคัญของทุกประเทศที่มุ่งหารายได้จากการท่องเที่ยวไม่ว่ายุโรป สหรัฐฯ หรือเอเชีย ญี่ปุ่น และไทย ซึ่งเป็นตลาดที่คนจีนนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ 

คาดไทยสูญรายได้ 5 หมื่นล้าน

พิษ “ไวรัสอู่ฮั่น” ประเทศไทยประเมินเบื้องต้นว่าจะสูญเสียรายได้จากตลาดจีนในราว 5 หมื่นล้านบาทจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่หายไปราว 1.8 ล้านคน ในระยะเวลา 2 เดือน แต่ก็ยังไม่มีใครคาดเดาได้ว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อลากยาวไปถึงไหน แต่ภาคเอกชนไทยในแวดวงท่องเที่ยว-โรงแรม-ค้าปลีก-แอร์ไลน์ หลังฝุ่นตลบก็ตั้งสติเตรียมตั้งการ์ดรับมือ

“ไวรัสอู่ฮั่น” ฝันร้าย  อุตฯท่องเที่ยวโลก

ตามแผนที่หารือระหว่าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สมาคมท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับททท.ได้เตรียมแผนทำการตลาดเสริมหาตลาดใหม่เข้ามาทดแทนตลาดจีนที่หายไปโดยมุ่งไปที่ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอินโดจีน เมียนมา กัมพูชา ลาว เวียดนาม  (CLMV) ที่พอจะทดแทนตลาดจีนได้  นอกจากนี้ยังมุ่งไปตลาดที่มีศักยภาพอย่าง อินเดีย หลังปีที่แล้วมีตัวเลขนักท่องเที่ยวเกือบ 2 ล้านคน ตลาดเกาหลี ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ล้วนเป็นเป้าหมายใหม่ของท่องเที่ยวไทย 
 

หาตลาดทดแทนไม่ง่าย

แต่ในยามที่เศรษฐกิจโลกอ่อนแอ การเบนเข็มหันไปหาตลาดเหล่านี้ก็ไม่ง่ายเพราะคู่แข่งก็คงคิดเหมือนกัน แถมยังมีปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า ทั้ง เบร็กซิท  การประท้วงในฮ่องกง ค่าเงินบาท ที่เป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจและกำลังซื้อนักท่องเที่ยว  ส่วนยุโรปก็หันมาเที่ยวกันเองโดยมีคู่แข่งสำคัญอย่าง ตุรกี อียิปต์ แถบเมดิเตอร์เรเนียนส่วนประเทศไทยก็อาศัย “กินบุญเก่า” ไปวัน ๆ 

“ไวรัสอู่ฮั่น” ฝันร้าย  อุตฯท่องเที่ยวโลก

ขณะที่เอเชียนอกจากกำลังซื้อที่อ่อนแรงแล้ว เศรษฐกิจเอเชียน่าห่วง เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเพิ่มขึ้นเพียง 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วมีอัตรา 7% ทั้งอินเดียและจีนเศรษฐกิจแผ่วลง อีกทั้งสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนยิ่งซบเซาจาก “จีดีพี” ทั้งปีโต 6.1% เมื่อปี 2561  นับเป็นอัตราการเติบโตน้อยสุดในรอบ 29 ปี การระบาดของ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ก็ยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจให้แย่ลง
 

เมื่อยักษ์ใหญ่อย่าง “จีน” เซ  โลกก็ทรุดกันถ้วนหน้า!