ผวา! ทัวร์จีนพักคอนโด-Airbnb ไม่มีลงทะเบียนประวัติ

30 ม.ค. 2563 | 03:00 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,544 ระหว่างวันที่ 30 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2563 โดย... พริกกะเหรี่ยง


          .....โลกปั่นป่วนกับพิษ “ไวรัสอู่ฮั่น” ยอดผู้เสียชีวิต-ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้รัฐบาลจีนจะห้ามขายทัวร์เอาต์บาวด์พาคนจีนเที่ยวไปทั่วโลกเด็ดขาดเพื่อสกัดการแพร่เชื้อโรค ทั้งยัง “ปิดเมือง-ปิดประเทศ” ปิดแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ ตัดขาดการเดินทาง ปิดสนามบิน งดจัดงาน แม้จะเป็นเทศกาลสำคัญ “ตรุษจีน” ก็ตาม การตัดสินใจเด็ดขาดของผู้นำจีน เป็นสิ่งที่ชาวโลกต่างชื่นชม
          .....ผลกระทบครั้งนี้ขยายวงกว้างมากเพราะเชื้อลามไปทั่วทุกภูมิภาค อย่างรวดเร็ว ส่วนภาคการท่องเที่ยว-ค้าปลีก เมืองท่องเที่ยวหลักทั่วโลกได้รับผลกระทบหมดเพราะจีนถือเป็นตลาดใหญ่ด้านการท่องเที่ยวและช็อปปิ้งตัวยง โดยเฉพาะสินค้า “แบรนด์เนม” ช่วงตรุษจีนปีนี้เดิมทีมีการประเมินว่าคนจีนจะออกเที่ยวต่างประเทศไม่น้อยกว่าปีที่แล้วที่มีจำนวน 6.5 ล้านคน
          .....นอกจากการห้ามคนจีนเที่ยวต่างประเทศ อีกด้านหนึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางไปเที่ยวเมืองจีน บริษัทนำเที่ยวทั่วโลก ก็ต้องยุติการขายลงโดย “อัตโนมัติ” เพราะขายไปเวลานี้ก็ไม่มีใครกล้าเดินทาง คนวงการท่องเที่ยวไทย “มึนตึบ” ทั้งอินบาวด์-เอาต์บาวด์ ตั้ง “การ์ด” รับมือไม่ถูก แต่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รุนแรงกว่าการระบาดของ“โรคซาร์ส” หลายเท่านัก
          .....ผลกระทบในไทยเมื่อครั้งเกิดโรคซาร์ส ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยยังน้อยมากเมื่อปี 2546 ขณะนั้นตัวเลขทัวร์จีนยังไม่ถึงล้านคนหรือราว 5-6 แสนคนเท่านั้น แต่ขณะนี้ปี 2563 นักท่องเที่ยวจีนมาไทยทะลุ 10 ล้านคนไปแล้ว แน่นอนว่า ความเสียหายย่อมต่างกันลิบลับ ในเมื่อประเทศไทยพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนอันดับ 1 จึงเสียหายมากประกอบกับความรวดเร็วของการสื่อสาร และเดินทาง จึงทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก

          .....ระยะสั้น และสิ่งที่ภาคเอกชนในวงการท่องเที่ยวอยากเห็นเพราะทำได้ทันที คือ “สเตตเมนต์” จากรัฐบาลที่ออกมาอย่างเป็นทางการ ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่ใช่แค่จีนที่กระทบแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติอื่นๆ ต่างไถ่ถามกันมามาก และลามไปทัวร์แขก ทัวร์ฝรั่งที่ไม่เที่ยวเมืองไทยช่วงนี้เพราะกลัว แต่ก็ “ผิดหวัง” การประชุมเมื่อวันที่ 27 มกราคมรัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” ขึ้นกล่าวเปิดงานเสร็จก็แวบกลับ ปล่อยให้เอกชนนั่งฟังคุณหมอบรรยายแทน ทั้งที่เรื่องนี้ถือว่าเร่งด่วนและผู้ประกอบการเดือดร้อนมาก แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากผู้เกี่ยวข้อง
          .....เท่ากับว่าเอกชนต้องรับมือกันเอง จริงๆ การให้ข่าวสารที่เป็นทางการ ไม่เห็นต้องลงทุนอะไร นอกจาก “สมอง” แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่ผ่านมา 3 วัน และแทนที่จะใช้เวทีประชุมครั้งนี้หารือกันให้รู้เรื่องแต่ก็ไม่มี ตามภาระกิจด้านความปลอดภัย รัฐบาลต้องออกมาพูดให้เป็นทางการเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อสื่อสารไปยังชาวโลก เพื่อให้เอกชนใช้อ้างอิงในการตอบคำถามในสิ่งที่เกิดขึ้นและเพื่อป้องกันข่าวสารประเภท “เฟกนิวส์” แต่นี่ “เงียบ” ต่างจากช่วงซาร์สหรือไข้หวัดนก ที่ต้องชมว่า ช่วงนั้นรัฐบาลเอาอยู่จริง? ตั้งแต่ประตูบ้านคือสนามบิน และด่านชายแดนต่างๆจนได้ผล
 
        .....ตัดภาพมาที่รองนายก-รมต.สาธารณสุข ที่ชื่อ “หมอหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” ซึ่งดูแลความเป็นความตายของคนออกมาโพสต์ข้อความว่า ตั้งจุดตรวจหา “สวรรค์วิมานอะไร” ในเมื่อยกเลิกเที่ยวบินอู่ฮั่นไปแล้ว เห็นแบบนี้แล้ว “หมดศรัทธา”
          .....ท่านรู้หรือไม่ว่า นักท่องเที่ยวจีนจากเมือง“อู่ฮั่น” มาเที่ยวเมืองไทยตัวเลขจาก ตม.สนามบินดอนเมืองร่วม 7 พันคน ตั้งแต่ต้นเดือนถึงวันที่ 24 มกราคม และเที่ยวบินจาก “อู่ฮั่น” ช่วงนี้ก็บินลงเมืองไทยมากที่สุด ซึ่งเป็นช่วงระบาดของโรคและนักท่องเที่ยวเหล่านี้กลับเมืองจีนกันหมดรึยัง ? และถ้าตกค้างอยู่ที่ไหนกันบ้างหากเจ็บป่วยแล้วไม่ไป รพ. จะรู้ได้อย่างไร

          .....ที่สำคัญคือถ้าไปพักห้องพักประเภท คอนโดมิเนียม แอร์บีเอ็นบี จะตรวจสอบประวัติได้อย่างไร เพราะไม่มีการลงทะเบียนกรอบประวัติ (รร.3) ส่งให้ ตม. ต่างจากการพักโรงแรม ซึ่งน่าสยองมาก โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยเดือนละ 9 แสนคนทุกคนมีสิทธิ์เป็นพาหะได้หมด
          .....อีกทั้งมองในแง่ “ยุทธศาสตร์” อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ถึงเวลาที่จะปรับโครงสร้างใหม่ ไม่หันมาพึ่งพานักท่องเที่ยวชาติใดชาติหนึ่งมากจนเกินไป ควร “บาลานซ์”นักท่องเที่ยวและก็ไม่ควรเห็นแก่เงินรายได้และนักท่องเที่ยวมากเกินไปจนคนในประเทศเดือดร้อน
          .....เรื่องนี้พูดกันมานาน เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา สุดท้ายก็เหมือนเดิมตัวเลขนักท่องเที่ยวตกเมื่อไรก็หันไปหาตลาดจีน ที่พึ่งยามยากทุกครั้ง ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาการระบาดของโรค การจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับนักท่องเที่ยวจีน จึงเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง “บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น” เพราะยังมีความสัมพันธ์อันดีของทั้ง 2 ประเทศและสรุปทัวร์จีนหายซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยสะเทือนหนัก
          .....ปิดท้ายด้วยสัมมนาดี ๆ สถาบันอิศรา ร่วมกับผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับสูง บสส.รุ่นที่ 9 ร่วมจัดสัมมนา “How to รอด…รอดอย่างไรในสถานการณ์เศรษฐกิจร้อน การเมืองแรง” ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เวลา 13.00-16.00 น. ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 6 อาคารปฏิบัติการวิทยุโทรทัศน์ บมจ. อสมท โดยมีผู้ร่วมเสวนาระดับหัวกะทิของเมืองไทย อาทิ “กรณ์ จาติกวณิช” อดีตขุนคลัง รศ.ดร. ปณิธาน วัฒนายากร ประธานที่ปรึกษาด้านความมั่นคงนายก ชัยยงค์ สัจจิพานนท์ อดีตทูต วอชิงตัน ดี.ซี., กลินท์ สารสิน ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ กิริฎา เภาพิจิตร ผอ.วิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศทีดีอาร์ไอ เป็นต้น ฟังฟรี ลงทะเบียนหน้างาน