"3มรสุม" รุมกระหน่ำ
"รัฐบาลลุงตู่"
นับตั้งแต่ “รัฐนาวาลุงตู่ 2” เคลื่อนออกจากฝั่งมาได้ไม่นานเส้นทางเดินเรือก็ดูจะไม่ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น ปัญหาน้อยใหญ่รุมเร้ามาต่อเนื่อง
ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ปกคลุมม่านฟ้ามหานครและภาคเหนือนับตั้งแต่ปี 2562 บรรเทาเบาบางลงเป็นระยะ ก่อนจะกลับมาพีกหลังวันหยุดยาวปีใหม่ เมื่อกลุ่มธุรกิจ โรงงาน ภาคอุตสาหกรรม กลับมาเดินเครื่องกันอีกครั้ง ปัญหานี้จึงวนกลับมารุมเร้ารัฐบาลนี้กันอีกระลอก
หนทางแก้ไขที่พยายามทำ คือใช้หลักการเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เน้นรณรงค์และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้ร่วมด้วยช่วยกัน ให้ตระหนักว่า เรื่องนี้ส่งผลกระทบกับสุขภาพของคนไทยกันแล้ว เพราะไม่อยากให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้น ท่ามกลางการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
ให้ได้ปวดหัวกุมขมับ ควันออกหูกันต่อ เมื่อมี ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ “เสียบบัตรแทนกัน” ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ของสภาผู้แทนราษฎรทำให้เกิดปัญหาตีความว่า จะทำให้กฎหมายสำคัญที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศฉบับนี้ต้องเป็น “โมฆะ” หรือไม่
ปัญหานี้กำลังจะคลี่คลายมีทางออกหรือไม่ เมื่อ “ศาลรัฐธรรมนูญ” นัดประชุมด่วนในวันพุธที่ 29 มกราคมนี้ เพื่อพิจารณาว่าจะรับคำร้องของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ยื่นผ่าน ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่
พายุโหมซัดเข้ามาอีกลูกใหญ่กับสถานการณ์การแพร่เชื้อ “ไวรัสโคโรนา” ที่แพร่ระบาดในเมืองสำคัญของจีน ซึ่งจีนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวสำคัญที่ไทยตั้งเป้าจะมีรายได้ส่วนนี้เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้กระเตื้องขึ้น
ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา แต่ก็มีอันต้องชะงักงัน กระทบธุรกิจต่อเนื่อง ขาดรายได้เข้าประเทศ มาตรการป้องกันและเฝ้าระวังเพื่อลดผลกระทบรอบด้านที่จะเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้น กลาง และระยะยาวต้องงัดออกมารับมือ
เจอมรสุมเข้าไปถึง 3 ลูก ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ถือว่า “รัฐบาลลุงตู่” เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริง ๆ
คงต้องเอาใจช่วยรัฐบาลกันหนักหน่อย เพื่อให้รับมือและแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี...